ณ ดินแดน ห่างไกลสุดขอบชายแดนทางเหนือของเมือง Solana แผ่นดินอันกว้างใหญ่ที่แบ่งแยกเหล่าตระกูลเก่าแก่

ดินแดนที่ถูกเฝ้าระวังจากนครแห่งแสง Boltyn เกิดมาในตระกูลชนชั้นสูง ถูกเลี้ยงดูมาเพื่อขึ้นสืบทอดดินแดนนี้ต่อจากพ่อของเขา

 

 

ถึงแม้เขาจะมีศักดิ์ที่สูงส่ง แต่ Boltyn ในวัยหนุ่มกลับสนใจในตำนานของ Solana ที่คุณยายเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับเหล่าอัศวินผู้สูงศักดิ์

ถนนที่ทอประกายระยิบระยับ และหอสมุดที่บรรจุคลังความรู้ไว้มากมายเสียมากกว่า

 

จากเด็กชายตัวเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ได้เติบใหญ่เป็นชายหนุ่มที่มีจิตใจแน่วแน่

และไม่แยแสกับพวกขุนนางกระหายอำนาจที่ปกครองแผ่นดินโดยรอบ

ยิ่งได้เห็นพวกนั้นติดกับดักของเกมอันแสนชั่วร้าย โดยพวก Shadow ที่ล่อลวงให้สนุกสนานไปกับแรงปรารถนาอันมืดมิด

Boltyn รู้สึกผิดหวังกับพวกชนชัั้นปกครองเหล่านั้น

แม้ Boltyn จำต้องสวมผ้าคลุมของพ่ออย่างไม่เต็มใจ แต่เขาตั้งมั่นที่จะสร้างเส้นทางใหม่ขึ้นมา

 


เพียงไม่กี่ปีหลังการตายของพ่อเขา เหล่าอัศวินผู้สูงศักดิ์แห่งแสงได้เดินทางมายังบ้านเกิดของ Boltyn

พวกเขามาเพื่อเสนอการช่วยเหลือเหล่าชาวบ้าน, นำพรแห่งแสงมาให้พวกเขารู้จัก และเรื่องราวของดินแดนใหม่ที่ทุกคนจะใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ

เรื่องเล่าของเหล่าอัศวินในเมืองที่ส่องสว่างและสวยงาม ที่คุณยายของเขาได้เคยเล่าไว้ในตำนานของ Solana ให้ Boltyn ได้ฟังครั้งยังเยาว์

ได้กลับมาจุดประกายเขาอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้เขาจึงเลือกทิ้งบ้านเกิดของเขาไว้เบื้องหลัง เขายอมสละสถานะผู้ครองเมือง และเดินทางไปยัง Solana ที่ๆ เขาจะเริ่มต้นชีวิตใหม่

 

 

เมืองแห่งนี้ให้การต้อนรับเขาราวกับเขาเป็นส่วนหนึ่งของมัน บุตรแห่งแสงกลับคืนสู่บ้านในที่สุด

Boltyn เริ่มฝึกฝนกับกลุ่มหัตถ์แห่งแสง (The Hand of Sol) ที่นั่นเขาได้พบกับ Eirina นักบวช (Cleric) สาว ผู้มีผมสีดำ และดวงตาสีมรกตเป็นประกายงดงาม ความมีเมตตาและความสง่างามของเธอทำให้เขาหลงไหลตั้งแต่แรกพบ เมื่อพวกเขาจบการฝึก ก็พบว่าพวกเขาได้อยู่ทีมปฏิบัติภารกิจเดียวกัน ทั้งคู่ได้แบ่งปันบทสนทนาระหว่างทำภารกิจใน Golden Fields

อัศวิน (Knight) และ นักบวช (Cleric) เมื่อจับคู่กัน จะเป็นทีมที่ไม่มีอะไรมาหยุดได้ พวกเขาพร้อมปกป้อง และให้การรักษาแก่ทุกคนที่พวกเขาเจอ

การต่อสู้เคียงข้างกันภายใต้แสงแห่งดวงตะวัน และใช้เวลาตอนกลางคืนใน Golden Chariot พูดคุยและหัวเราะเคียงข้างมิตรสหาย, ทั้ง Boltyn และ Eirina เดินทางร่วมกันหลายปี และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ได้เบ่งบานจนพวกเขาแต่งงานกัน

ต่อมา พวกเขาได้มีลูกชายเป็นโซ่ทองคล้องใจ นามว่า Aios พวกเขาเฝ้ารอพิธีปลุกพลังของลูกชายอย่างตื่นเต้น โดยหวังว่าแสงสว่างจะนำทางเขาไปสู่ Hand of Sol

 

 

อย่างไรก็ตามข่าวลือเกี่ยวกับพวก catacly cults และเวทย์มนต์แห่งความมืดที่แพร่กระจายราวกับโรคระบาด

พวกมันเริ่มทำพิธีกรรมเพื่อแลกชีวิตของผู้บริสุทธิ์ กับพลังมหาศาล

Boltyn ยังติดภารกิจอยู่ ณ Golden Fields ตอนที่พวก Catacly Cult บุกโจมตี เมือง Solana

 

ทันทีที่เขารู้ข่าว เขาเร่งรุดกลับมายังบ้าน แต่ทว่า… เขาก็มาสายเกินกว่าที่จะช่วย Eirina ได้ทัน

 

เธอปกป้องผู้คนจากปีศาจจากเงามืด (Shadow beasts) ที่พยายามจะบุกเข้าไปในวิหาร เธอต้องแลกความปลอดภัยของผู้คนด้วยร่างกายที่ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ของเธอเอง… สิ่งเดียวที่ยังช่วยปลอบประโลมความสูญเสียที่ Boltyn ยังหลงเหลืออยู่ คงมีเพียง Aios, ลูกชายของเขายังรอดชีวิตอย่างปลอดภัยในเมือง Solarium ในขณะที่คนอื่นๆ ยังคงต้องต่อสู้เพื่อปกป้องเมือง

 

Boltyn มุ่งหน้าไปที่เมืองด้วยความเศร้าโศกและสิ้นหวัง เขาพยายามจะยืนหยัดขึ้นอีกครั้ง เขาตามหาเพื่อนเก่าของเขาที่ Golden Chariot…

Minerva ผู้ที่จะเข้าใจสิ่งที่เขาเป็นอยู่ในขณะนี้ เธอเข้าใจดีถึงความเศร้าโศกของความสูญเสีย, เธอเล่าถึงกลุ่มคน กลุ่มเล็กๆใน Hand of Sol ผู้ที่คอยค้นหา The Shadow ก่อนที่พวกมันจะทำร้ายประชาชนของ Solana

นั่นคือกลุ่ม The Gemini และถ้าหาก Boltyn จะยินยอมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ The Gemini ในฐานะ Inquisitor เขาจะสามารถช่วยป้องกันไม่ให้คนอื่นพบชะตากรรมเดียวกับ Eirina ได้

 

 

ในตอนที่เขาโตมาในอาณาจักรทางเหนือ Boltyn ได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับ dark magic ที่มีบางคนฝึกฝนมัน

ถ้าจะมีใครที่จะรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน มันก็คงเป็นเขา แต่กระนั้น Boltyn ยังคงลังเล หากเขารับฐานะ Inquisitor เขาต้องเดินทางออกจากเมืองเป็นเวลาหลายเดือนหรืออาจหลายปี ดำดิ่งเข้าไปยังใจกลางของ The Shadows สถานที่ที่อันตรายสำหรับทุกคน

Aios ที่สูญเสียแม่ไปแล้ว, Boltyn เกิดคำถามขึ้นในใจ…

เขาสามารถเสี่ยงเข้าไปในสนามรบและปล่อยให้ลูกของเขาไม่มีพ่อแม่ได้หรือ? เขาจะค้นพบความกล้าในตอนที่เขาจมอยู่ในด้านมืดของ Rathe โดยที่ไม่สูญเสียตัวตนได้หรือ?

เขาจะยังคงยึดมั่นในแสงสว่างในตอนที่เห็นจุดเลวร้ายที่สุดของมนุษย์ได้หรือ? เขาสามารถขจัดความเศร้าโศก และอุทิศตนเพื่อค้นหา The Shadows และหยุดพวกมันได้หรือ?

ด้วยความข้องใจ Boltyn ออกค้นหาตามคำพูดของ Magisters โดยหวังว่ามันจะนำความสงบมาสู่จิตใจที่หนักอึ้งของเขา,

เมื่อเข้าไปใน Library of Illuminaion เขาไปได้ยินเรื่องราวจากผู้รอบรู้วัยเยาว์ที่เล่าเรื่องของ Heralds สิ่งมีชีวิตในตำนานที่คอยดูแลผู้คนของ Solana ด้วยความเกรียงไกร และศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาได้นำทางผู้คนไปตามทางแห่งแสง เป็นผู้พิทักษ์ของทั้งคนเป็นและวิญญาณผู้วายชนม์

Boltyn หลงไหลในเรื่องเล่าสิ่งมีชีวิตที่วิเศษเหล่านี้ เขาจึงพบว่าตนเองอยู่ในพลังแห่งนิมิตร

ผู้ส่งสาส์นแห่งสงคราม (Wartune Herald) Bellona ได้ปรากฎตัวต่อหน้าเขา ปีกที่ลุกโชนด้วยเปลวเพลิง กวัดแกว่งดาบสีทองแวววาว

จากนั้น Bellona ก้มมองพื้นดินที่ทอดยาวใต้ตัวเธอ แผ่นดินที่สลายเป็นเถ้าถ่าน และสิ่งมีชีวิตต่างหลบซ่อนอยู่ภายใต้ The Shadow ในขณะที่ความมืดแผ่ขยายไปทั่วแผ่นดิน

Bellona ยกดาบขึ้นเหนือหัว และเรียกแสงจากดวงอาทิตย์ออกมา, แสงที่แจ่มจรัศเผยให้เห็นร่างเงาเล็กๆ ที่ยืนหลบอยู่ใต้ปีกของ Bellona

ภาพของ Aios ที่เปล่งรอยยิ้มก็ปรากฏออกมา แค่เพียงครู่เดียว เขาสาบานได้เลยว่าได้ยินเสียงกระซิบของ Eirina ดังก้องในหูเขา, เขาเห็นมือที่เคยรักษาช่วยเหลือผู้ที่ต้องการมัน

ในชั่วพริบตานั้น Boltyn ก็จำได้ว่าเขาต่อสู้เพื่ออะไร

หากแสงสว่างพ่ายแพ้, ชะตาอันมืดมิดนั้นรอกลืนกินดาว Rathe อยู่

พรของ Bellona ช่วยทำให้จิตใจเขาเข้มแข็ง และส่งให้เขาตัดสินใจเดินต่อไปข้างหน้าอีกครั้ง

ไม่ว่าจะต้องจ่ายด้วยอะไร ไม่ว่าสิ่งใดจะขวางเขา เขาก็สาบานว่าจะปกป้อง แสงสว่าง เอาไว้

 

 

ในขณะที่สงครามระหว่าง Light และ Shadow โหมกระหน่ำ เหล่าทหารปกป้องเมืองจากการจู่โจมอันโหดร้าย

Boltyn ในฐานะ Inquisitor ได้เป็นผู้นำกลุ่มเล็กๆ ที่รับหน้าที่กวาดล้างความชั่วร้ายออกจากผืนแผ่นดิน ในขณะที่เหล่าอัศวินแห่ง Solana ติดอยู่กับการต่อสู้เพื่อปกป้องหมู่บ้านใน Golden Fields เขาและ Inquisitor คนอื่น จะค้นหาต้นตอของ The Shadow ที่สังหารผู้บริสุทธิ์เพื่อแลกกับพลัง

เมื่อได้รับพรจาก Bellona Boltyn ก็หยิบดาบของเขาขึ้นอีกครั้ง เขาต่อสู้ไม่ใช่แค่เพื่อลูกชายเขา Aios แต่เพื่อทุกคนที่เขาได้สาบานว่าจะปกปกป้อง มุ่งหวังที่จะปลดปล่อยดินแดนแห่ง Shadow และปกป้องเมืองแห่งแสงของเขา

ด้วยคำอธิฐานของ Eirina เขาออกเดินทางเพื่อปราบศัตรูของ Solana หยุดยั้งการแพร่กระจายของ ความตายและความทรมาณ และปกป้องผู้คนจากความโหดร้ายของสงคราม

 

 

 

 

 

(Written by Nicola Price, edited by Tarryn Thomas, illustrated by Nikolay Moskvin.)