- ความทรงจำ -


 

10 ปีก่อน

จากบรรดาสถานที่มากมายในราชวังแห่งจักรวรรดิ (Imperial), ห้องครัวเหมือนจะเป็นสถานที่ที่ Kaito ชื่นชอบมันมากที่สุด

กลิ่นหอมๆ จากซุปกระดูกสำหรับราเมง, ขนมจีบหมู รวมถึงกลิ่นแกงกะหรี่หมูทอดที่ลอยอบอวลออกมาถึงห้องโถง และหน้าต่างตรงที่ Kaito เกาะอยู่

เขาสูดหายใจเข้าเต็มปอด ทำให้ในหัวมีแต่เรื่องรสชาติที่แสนยั่วยวน จนอดใจไม่ได้ที่จะต้องดอดเข้าหน้าต่างไปยังห้องเก็บของ

ค่อยๆ ย่องเข้าไป อย่าให้ใครได้ยินเสียงฝีเท้า, ดั่งคำสอนสั่งของอาจารย์ Light-Paws

แต่ก็แน่นอนว่าสิ่งที่ Kaito กำลังทำอยู่นั้น ถ้ารู้ไปถึงหูของผู้ดูแลในฝ่ายจักรวรรดิทั้งหลายคงได้เป็นเรื่องแน่ๆ

 

จานที่ถูกวางเรียงไว้เป็นชั้นๆ อยู่ที่มุมห้องเก็บของ, อ่างล้างจานที่เต็มไปด้วยน้ำและฟองสบู่ลอยฟ่องจนเอ่อล้นปากอ่าง

Kaito ที่กำลังจะเปิดประตูห้องออกไปก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อ Kami (ทวยเทพ,วิญญาณสถิตย์) ได้โผล่หัวของเธอขึ้นมาพ้นฟองสบู่ กระพริบตาปริบๆ ราวกับเพิ่งตื่นนอน

ถ้วยชาขนาดจิ๋ว ที่ทำมาจากกระเบื้องดินเผาเหมือนๆ กับใบหน้าของเธอ ลอยวนเวียนอยู่ข้างๆ ร่างกายที่คล้ายกับกิ้งก่าของวิญญาณสถิตย์องค์นี้

Kaito เตรียมใจที่จะโดนเธอสวดจากการแอบดอดเข้ามาในห้องเก็บของ, แต่ทว่าเธอกลับคว้าเอาจานที่ยังไม่ได้ล้างอีกใบ แล้วก็ดำลงไปใต้ฟองสบู่อีกครั้ง ราวกับ Kaito ไม่ได้อยู่ตรงนั้น

มันทำให้เขาอดยิ้มออกมาที่มุมปากไม่ได้ มันคงถึงเวลาที่เขาจะพุ่งตรงไปยังห้องครัวแล้ว

 

ห้องทำอาหารของราชวังนั้น เต็มไปด้วยความวุ่นวายจากการเตรียมอาหาร, เสียงกระทะที่กระทบเข้ากับเตา, เสียงของซุปที่เดือดพล่าน และมีดปังตอที่สับผ่านเนื้อจนถึงเขียง

ทั้งหมดนั้นอาจจะช่วย Kaito ไม่จำเป็นต้องพยายามย่องเบาอีกต่อไป เพราะเพียงความวุ่นวายก็มากพอที่จะทำให้เขาแทบจะล่องหนได้

 

และสายตาของ Kaito ก็เจอเข้ากับขนมโมจิสีฟ้าสองอันที่ตกแต่งอย่างสวยงาม มันถูกแต่งจนเหมือนมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มด้วยเส้นสายสีเหลือง

Kaito ยกมือของเขาขึ้นมา นิ้วของเขากระดิกไปมาเหมือนจะรวบรวมความกล้า ก่อนที่ขนมโมจิทั้งสองอันจะลอยขึ้นจากโต๊ะ

Kaito แพ่งสมาธิไปที่การขยับขนมทั้งสองชิ้นให้เข้ามาหาเขา จนเขาคว้ามันมาได้ - แต่ก็ไม่ทันกาล, เมื่อพ่อครัวคนหนึ่ง ดันเหลือบมาเห็นแขกไม่ได้รับเชิญในครัวหลวงพอดี

 

“เห้ย!” แม้ว่าหน้าของพ่อครัวจะแดงระเรื่อจากความร้อนของห้องครัวอยู่แล้ว แต่ตอนนี้มันเข้มขึ้นจนจะกลายเป็นสีม่วงไปแล้ว “เดี๋ยวจะโดนดีไอ้หัวขโมย”

 

Kaito หันหลังวิ่งออกไปยังโถงกลางทันที เขาสะดุดเท้าตัวเองจนเกือบล้ม พร้อมๆ กับเสียงฝีเท้ามากมายที่พยามไล่ตามเขามา

แต่ Kaito ก็ไม่กล้าแม้แต่จะเสียเวลาหันไปมอง เขาวิ่งกลับไปที่ห้องเก็บของ แต่ศอกเจ้ากรรมก็ดันไปชนเข้ากับกองจานที่ยังไม่ล้างจนมันจะล้มลง

Kaito กอดขนมโมจิเอาไว้ ใช้มือที่เหลืออีกข้างส่งพลังไปหยุดจานกองนั้นไม่ให้ร่วงลงแตก… แต่เสียงฝีเท้าก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ… ใกล้จนมั่นใจว่าเจ้าของฝีเท้านั่น เห็นว่าเขาเข้ามาที่ห้องเก็บของแน่ๆ

เขาไม่เหลือตัวเลือกแล้ว

Kaito ปลดปล่อยพลังจากกองจาน ส่วนตัวเขาก็กระโดดออกหน้าต่างไป ทิ้งไว้เพียงเสียงเครื่องกระเบื้องที่แตกกระจาย

วิญญาณสถิตย์โผล่หัวขึ้นมาจากอ่างล้างจาน เธอส่งเสียงกรีดร้องเพราะความเละเทะในห้องเก็บของ ท่ามกลางความตกตะลึงของพอครัวที่ยืนอยู่ข้างๆ เศษจานชาม

 


Yomiji, Who Bars the Way

 

Kaito เอาโมจิก้อนหนึ่งเข้าปากไปอย่างอารมณ์ดี และเก็บอีกก้อนหนึ่งไว้ในกระเป๋า ก่อนที่จะกระโดดลัดเลาะตามแนวกำแพงออกไป

ที่แห่งนี้ ก็เหมือนๆ กับที่อื่นๆ ในเมือง Eiganjo, สิ่งปลูกสร้างแทบจะทั้งหมดในเขตราชวังนั้น ประกอบด้วยอาคารชั้นเดียว ที่มีหลังคาโค้งต่ำ ลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ

สวนต้นมอส หรือสวนทรายสามารถพบเห็นได้ทั่วไป บ้างก็ออกแบบเป็นพื้นที่ ที่ล้อไปกับตัวอาคาร และจบงานประดับสวนด้วยต้นไม้ที่ช่วยดึงสายตา

ถึงในเขตราชวังจะเต็มไปด้วยการตรวจตาอย่างเข้มข้นโดยเหล่าซามูไร (Samurai) ผู้จงรักภักดี และหุ่นตรวจการณ์แสนทันสมัย

แต่ Kaito เองก็สามารถเตร็ดเตร่ได้อย่างอิสระในช่วงว่างระหว่างวิชา

เพราะส่วนใหญ่แล้ว คนของจักรวรรดิก็ไม่ได้มีเวลามาใส่ใจกับการซุกซนตามประสาเด็กอย่าง Kaito, พวกจักรวรรดิมักจะวุ่นวายอยู่กับการสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเหล่าวิญญาณเทพสถิตย์, ไม่ก็ดูพวกเอกสารรับรองของอุปกรณ์ล้ำสมัย, หรือคอยจับตาดูพวกหัวก้าวหน้า (Futurists) ไม่ให้พวกเขาแอบพัฒนาเทคโนโลยีที่ไม่ได้รับการรับรองจากจักรวรรดิ

สมดุล นั้นคือสิ่งที่อาจารย์ Light-Paws หมั่นพร่ำสอน

แต่สำหรับ Kaito แล้ว เขาไม่สนเรื่องสมดุลอะไรนั่นหรอก, เขารู้แค่ว่า พื้นที่หลังคาของเขตราชวังมันไม่มีคนมาคอยตรวจตราก็เป็นพอ

 

Kaito ค่อยๆ ปืนลงมาจากอพาร์ทเม้นแห่งหนึ่ง เดินตามทางเดินที่เขาทำไว้ผ่านสวนหิน เพื่อเข้าหลังห้องซ้อมศิลปะการต่อสู้

ประตูบานเลื่อนของห้องซ้อมถูกเปิดทิ้งไว้ แต่เมื่อมองๆ ดูก็ไม่เห็นว่าอาจารย์ Light-Paws อยู่แถวๆ นี้

Kaito รีบดอดเข้าไปในห้องซ้อม แต่ทันทีที่เข้าก้าวเข้าไป เขาก็รู้ทันทีว่ามีคนดักรอเขาอยู่แล้ว

“มาสายนะ” เสียงของ Eiko ดังออกมาจากเงามืด “แล้วหน้านายก็มีแต่แป้งขนม”

Kaito หันไปหา Eiko ที่เป็นดั่งพี่สาวของเขา

 

ทั้งคู่ต่างสูญเสียพ่อ-แม่ไป, แม้ว่าจะมีอายุที่เท่าๆ กัน แต่สำหรับ Eiko แล้ว เธอกลับรู้สึกว่าเธอต้องดูแลน้องชายคนนี้

ส่วน Kaito ที่แม้จะพยายามดูแล Eiko อยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะห้ามปรามอะไรห่ามๆ ที่ Eiko เคยคิดจะทำ

 

Kaito ใช้แขนเสื้อของเขามาเช็ดปาก “ใจเย็นน่า” ก่อนที่เขาจะเอื้อมหยิบขนมโมจิอีกชิ้นออกมาจากกระเป๋า “นี่ เอาขนมมาฝาก”

Eiko ขมวดคิ้วไม่พอใจ แต่ก็ไม่อาจซ่อนความสุขในดวงตาของเธอได้, เธอถอนใจออกมา ก่อนที่จะรับเอาขนมโมจิก้อนนั้นแล้วเอามันเข้าปาก และปัดผงแป้งกับเสื้อของเธอ

“นายควรจะเริ่มจริงจังกับการฝึกให้มากกว่านี้นะ” Eiko พูดขึ้น “เราใช้เวลากันมา 5 ปีแล้ว… ถ้าเป็นชาวจักรวรรดิ์คนอื่นก็คงเลือกสายเรียนเฉพาะทางไปแล้ว”

Kaito ยักไหล่ขึ้น, ฉีกยิ้มเพื่อหวังไม่ให้ Eiko จะโมโหเขามากไปกว่านี้ “นี่ พวกเราไม่เกี่ยวซะหน่อย, เราไม่ต้องทำกฏพวกนั้นนี่… ถ้าเราฝึกพื้นฐานกันไปเรื่อยๆ เราก็อยู่กันแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไงอะ-เนะ (あね; พี่สาว)”

Eiko แสดงสีหน้าเรียบเฉย แต่แก้มของเธอเริ่มฉาบด้วยสีแดง Kaito พี่ว่-”

 

อาจารย์ Light-Paws เดินเข้ามาขัดจังหวะสิ่งที่ Eiko เองก็ดูกระอักกระอ่วนใจที่จะพูด

อาจารย์ Light-Paws เข้ามาด้วยชุดกิโมโน (Kimono) ที่สวยงาม เธอย่างก้าวเข้ามาด้วยมาดสูงส่ง และเป็นภาพสะท้อนที่ดีสำหรับให้คนภายนอกเข้าใจว่าการเป็นคนของราชวังควรจะวางตัวอย่างไร

หางสีขาวทั้งเจ็ดของเธอไสวไปมา บ่งบอกถึงอายุและความทรงภูมิของเหล่ามนุษย์จิ้งจอก (Kitsune)

 

[[Kitsune หรือ มนุษย์จิ้งจอก: เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างคล้ายจิ้งจอกที่ยืนสองขา ตามตำนานของญี่ปุ่น]]
[[แม้ว่าพวกเขาจะขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าเล่ห์ แต่ความปราดเปรื่องของพวกเขาก็ทำให้พวกเขาได้รับการเรียกใช้จากวังหลวง]]

[[นอกจากนี้ พวกเขามีความว่องไวสูง มักจะเป็นนักบวช หรือ นักดาบ, โดย Kitsune ที่มากประสบการณ์ พวกเขาจะมีหางมากขึ้น]]
[[ทั่วๆ ไป แล้ว Kitsune จะมีส่วนสูงที่น้อยกว่ามนุษย์ โดยมักจะสูงเท่าๆ กับคางของมนุษย์ทั่วๆ ไป และมีขนสีขาวแต้มแดง]]

 


Light-Paws, Emperor's Voice

 

ทั้ง Eiko และ Kaito โค้งคำนับอาจารย์ของทั้งคู่ด้วยความเคารพ

เพราะสำหรับเด็กทั้งสองแล้ว อาจารย์ Light-Paws แทบจะเป็นดั่งแม่อีกคนของพวกเขา

ถึงแม้ Kaito เองจะไม่ได้ยินดีกับกฏระเบียบที่มากมายของการอยู่ในเขตราชวัง, แต่เขาเองก็มุ่งหวังจะได้รับการยอมรับจากอาจารย์ Light-Paws เหมือนๆ กับที่ Eiko ได้รับ…

วิถีชีวิตแบบชาววังที่มีเพียง Eiko ผู้ดูเหมือนจะเข้ากับมันได้ง่ายๆ

 

อาจารย์ Light-Paws เอามือไขว้หลัง ก่อนที่จะมองมายัง Kaito และพูดขึ้น “เจ้ากับ Eiko จะไม่ได้เป็นคู้ฝึกซ้อมการต่อสู้กันอีกต่อไปแล้วนะ”

Kaito ขมวดคิ้ว ก่อนที่จะถามกลับไป “เราไม่ต้องฝึกซ้อมกันแล้วเหรอครับอาจารย์?” เขาหันไปมองพี่สาวของเขา… แต่เธอกลับทำได้เพียงเม้มปาก

“เจ้ายังต้องซ้อมอยู่” อาจารย์จิ้งจอกตอบ “แต่ไม่ได้ฝึกซ้อมด้วยกัน เพราะ Eiko ได้เลือกวิชาการฑูตระหว่างทวยเทพ เธอจะย้ายไปเรียนกับเหล่านักเรียนในจักรวรรดิคนอื่นๆ”

Kaito หันไปถามพี่สาวของเขาด้วยความสับสน “ทำไมไม่บอกกันก่อนล่ะ?”

Eiko ถอนใจอีกครั้ง “ฉันจะบอกนายหลายครั้งแล้ว… แต่นายก็เอาแต่บอกว่าไม่อยากพูดถึงเรื่องอนาคต… ฉันเองก็ไม่อยากจะประวิงเวลาไปมากกว่านี้แล้ว… เราทำตัวเป็นเด็กไปตลอดไม่ได้หรอกนะ Kaito

“ประวิงเวลา?” Kaito พูด “หมายความว่ายังไงอะ-เนะ?”

ที่ฉันยังไม่เลือกวิชาเฉพาะ เพราะฉันจะรอให้นายเลือกก่อน… ฉันคิดว่ามันจะทำให้อะไรๆ ง่ายขึ้น” Eiko ตอบ

 

Kaito ถึงกับชะงักงันในคำตอบนั้น… จริงอยู่ เขาไม่อยากให้อะไรๆ เปลี่ยน… แต่เขาเองก็ไม่อยากรั้งพี่สาวของเขาไว้เช่นกัน

และเขาก็ไม่รู้ว่าเธอต้องทนเก็บความลับนี้ไว้นานขนาดไหนแล้ว?

 

“พี่ขอโทษนะ” Eiko พูดขึ้น เอามือไปบีบไหล่น้องชายของเธอ “แต่มันคงถึงเวลาแล้วนะ… เวลาที่เราทั้งคู่จะต้องเลือกเส้นทางชีวิต… นาย… นายไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกนะ”

อาจารย์ Light-Paws ที่เฝ้าดูศิษย์ทั้งสองของเธอโดยไร้คำพูดใดๆ เธอนิ่งไม่ไหวติง แม้แต่หางทั้งเจ็ดที่เคยไสวไปมา

“ไม่เป็นไรเลย” Kaito ตอบ ทั้งๆ ที่ฝืนกลั้นน้ำตาอยู่ “ผมดีใจกับพี่ด้วยนะ” นี่คงเป็นวิธีตอบอย่างที่น้องชายที่ดีควรจะพูดสินะ

เพราะเขาคงจะเป็นนักเรียนของฝ่ายจักรวรรดิที่ดีไม่ได้… ขอแค่เป็นน้องชายที่ดีก็คงเพียงพอ

 

Eiko ปล่อยมือจากบ่าของ Kaito, หลังจากนี้ทุกๆ อย่างคงจะเปลี่ยนไป… เธอคงจะต้องวุ่นอยู่ในหอสมุด และห้องประชุมสภา… เธอคงต้องออกเดินทางไปยังใจกลางมหานคร Towashi… หรืออาจจะต้องเดินทางเข้าป่า Jukai เพื่อพบปะกับเหล่าทวยเทพ

ยิ่งพื้นที่ป่า Jukai ถูกรุกรานจากความเจริญของเมือง เหล่าทวยเทพ และวิญญาณสถิตย์ที่นั้นยิ่งหวงแหนพื้นที่ของตนมากยิ่งขึ้น… มันยิ่งเป็นเวลาที่ต้องการนักการฑูตที่มีฝีมือจริงๆ เพื่อรับมือกับความเกรี้ยวกราดของเหล่าเทพ

นั่นคงจะเป็นอนาคตของ Eiko ในซักวัน… แต่ Kaito คงจะต้องอยู่ที่นี่… ในราชวังตลอดไป… ถ้าเขายังไม่คิดจะวางแผนอนาคตของตนเอง

อาจารย์ Light-Paws เดินเข้ามาหา Kaito อาจารย์ Swift-Arm รอเจ้าอยู่ที่สวนซากูระ, เขาจะแนะนำคู่ซ้อมคนใหม่ให้กับเจ้า”

Kaito กลืนน้ำลายลงคอ แต่มันก็ไม่ช่วยให้ความแคลงใจของเขาหมดไป… อาจารย์ Swift-Arm ผู้นำสูงสุดของงานการฝึกวิชาดาบให้กับเหล่าซามูไรในจักรวรรดิ… อะไรที่ทำให้เขาถึงยอมสอน Kaito? และทำไม?

“ผมจะไปเดี๋ยวนี้ครับ” Kaito ตอบ และออกจากห้องไป

 

- คู่ซ้อม -

 

สวนซากูระนั้น ตั้งอยู่ลึกเข้าไปในใจกลางของเขตพระราชวัง

แม้ว่า Kaito จะรู้เส้นทางลัดจากการลัดเลาะไปตามกำแพง

แต่เขาก็เลือกที่จะเดินไปตามทางปกติ เพราะมันคงไม่ดีที่เขาจะกระโดดโลดโผนผ่านห้องของจักรพรรดินี และอารามแห่งเทพ Kyodai

 

[[เทพ Kyodai เป็นวิญญาณมังกรจากส่วนหนึ่งของ O-Kagachi ที่เป็นมหาเทพวิญญาณหลังจากจบสงคราม Kami War, เทพ Kyodai ได้ขึ้นเป็นตัวแทนของ Kamigawa ในฝั่งโลกวิญญาณ และเธอจะเป็นผู้เลือกสรรผู้ที่จะมาเป็นผู้ปกครองฝั่งโลกมุนษย์]]

 

แม้ว่า Kaito เองจะมีโอกาสได้พูดคุยกับจักรพรรดินีผ่านประตูกั้นด้วยเหตบังเอิญมาแล้วก็ตาม…

ในครั้งนั้น Kaito พยามยามหนีจากวิญญาณสถิตย์แห่งใบไม้ผลิ (Kami of Spring Blossoms) เพราะเขาดันไปเหยียบแปลงดอกไม้โดยไม่ได้ตั้งใจเข้า

Kaito ปีนกำแพงอย่างรีบร้อนจนพบว่าเขาเข้ามาถึงสวนที่ไม่คุ้นเคย มันเป็นสวนดอกไฮเดรนเยีย และบ่อปลาคราป, ที่พื้นมีการปูหินอย่างสวยงามทอดยาวไปยังประตูบานเลื่อน

เบื้องหลังม่านกระดาษนั้นมีแสงไฟ และส่งเงาของคนที่อยู่มุมห้องออกมา

Kaito ค่อยๆ ย่องเพื่อออกมาจากที่นั่น แต่เพียงแค่ก้าวที่สอง เสียงเรียกถามก็ดังออกมาจากประตูบานเลื่อน

Kaito ไม่รู้เลยว่า นั่นคือเสียงของจักรพรรดินี, เขาได้ยินเพียงเสียงของเด็กผู้หญิงที่อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกัน… เสียงที่เชื่อว่าคงอยากจะทำความรู้จักกับเขา มากกว่าจะเอาเรื่องทั้งหมดไปฟ้องอาจารย์ Light-Paws

 

Kaito จึงเอ่ยปากเล่าเหตุการณ์ทั้งหมด… เขาเล่าถึงการแอบย่องเขาไปยังพื้นที่หวงห้ามของหอสมุด, ถึงตอนที่ถูกจับได้, ถึงตอนที่หนีสุดชีวิต จนต้องปีนหลังคาบ้าน 3 หลัง, กำแพงอีกห้า ปีนตึกอีกซักหน่อย ก่อนที่จะโผล่เอาที่นี่

Kaito รู้ได้ว่าสาวน้อยที่หลังม่านยิ้มออกมา เพราะมันเจืออยู่ในน้ำเสียงที่เธอบอกกับเขาว่าเรื่องนี้มันรั่วชะมัด

เด็กชาย และหญิงนั่งคุยกันนานนับชั่วโมง ก่อนที่ Kaito จะรู้ตัวว่าเขากำลังจะไปเรียนสาย เขาจำต้องลาจากเด็กสาวคนนั้น

Kaito ถามชื่อเธอ แต่เธอก็ไม่ได้บอกกับเขา

 

มันเป็นเรื่องต้องห้าม ที่จักรพรรดินีจะบอกชื่อของเธอให้ใครก็ตามรู้, แม้แต่คนที่สนิทมากที่สุดก็ตาม

 

แต่เธอก็สัญญากับ Kaito ว่า เธอยินดีที่จะได้พูดคุยกันอีก ในวันที่เขาบังเอิญจะต้องหาที่ปลอดภัยอีกครั้ง

Kaito ปีนกำแพงออกมา และมันเป็นเวลานั้นนั่นเอง ที่เขาพึ่งตระหนักว่า เขาอยู่ในสวนของจักรพรรดินี

 

ชาวจักรวรรดิที่ดี คงไม่อาจเอื้อมเข้าไปยังสวนส่วนตัวของจักรพรรดินีอีกครั้งเป็นแน่, ไม่รวมว่าการพูดคุยโดยไม่ใช้ภาษาที่สำรวมนั้นเป็นเรื่องไม่เหมาะสม และกับเด็กวัยเรียนด้วยแล้ว การเถลไถลยิ่งไม่ใช่สิ่งที่ควรทำเลย

แต่ Kaito เอง นอกจากเรื่องทำตามหัวใจ เขาก็เอาดีอะไรไม่ได้เลย

มันก็ไม่แปลกที่เขาจะดอดเข้าไปพบกับจักรพรรดินีอีกครั้ง แถมทั้งยังคงใช้ภาษาแบบทั่วไป ทั้งๆ ที่เขาก็รู้ดีว่ากำลังคุยกับใครอยู่ นอกจากคำว่า “ทั่นจักรพรรดี๊ดี (Your Emperorness)” ที่จะใช้เรียกแทนชื่อแบบภาษาวิบัติหน่อยๆ แล้ว เด็กทั้งสองคนก็คุยกันเหมือนเป็นเพื่อนกันเสียมากกว่า…

ซึ่งนั่น ก็กลายไปเป็นความสัมพันธ์ที่แท้จริงของทั้งคู่

 

Kaito เดินมาถึงยังประตูหน้าสวนซากูระ เขากำหมัด แล้วคิดถึงการเจอจักรพรรดินีในครั้งหน้า… เขาอยากจะเล่าเรื่องของ Eiko ให้เธอฟัง แต่เขาก็กังวลถึงคำถามที่จะตามมา

อาจารย์ Light-Paws เอง คือผู้ที่ดูแลทั้ง Kaito และ Eiko ด้วยคำสั่งจากจักรพรรดินีเอง และสิ่งที่จักรวรรดิคาดหวังก็คือการเติบโตไปเป็นประชากรที่ทรงคุณค่า… 

Kaito ไม่รู้จะตอบกับจักรพรรดินีถึงความไม่เต็มใจในสิ่งที่เธอให้มาได้อย่างไร?

 

เอาเถอะ การเลือกเส้นทางของซามูไรก็คงไม่ได้แย่มากนัก, มันเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกับ Kaito อยู่ไม่น้อย

เพราะถ้าเทียบกับเด็กรุ่นๆ เดียวกัน เขาเองมีทั้งพละกำลัง และความว่องไวอยู่ในแถวหน้า, ไม่รวมว่าเขาเองมีพลังจิตเคลื่อนย้ายสิ่งของ (Telekinesis) ได้ด้วย

หรือการส่งให้ Kaito มาที่นี่ อาจจะเป็นการวางแผนของอาจารย์ Light-Paws ที่ให้อาจารย์ Swift-Arm ทาบทาม Kaito โดยตรง, ซึ่ง… มันจะเป็นเรื่องที่เด็กอย่างเขาไม่น่าปฏิเสธได้ลง

 

อาจารย์ Swift-Arm ที่ยืนรออยู่ตรงสนามหน้า สวมชุดเกราะหนักที่ออกแบบมารับกับสรีระของมนุษย์จิ้งจอกเป็นอย่างดี, แสงดวงอาทิตย์สะท้อนจากโลหะแวววับ ขับสีของทอง, เงิน และทองแดงบนเกราะ รับกับหางที่กางเป็นพัดอยู่เบื้องหลัง

อาจารย์ Swift-Arm ที่สวมหมวกเหล็กรับกับชุดเกราะพยักหน้าทักทาย “อาจารย์ Light-Paws บอกว่าเจ้าเป็นนักดาบที่มีฝีมือ”

แต่ Kaito ยังตกอยู่ในภวังค์ที่เขากำลังหาทางออก… นี่มันจะพาให้เขายิ่งเข้าใกล้กับชีวิตของชาววังเข้าไปอีก… ชีวิตที่มีแต่กฏระเบียบ ชีวิตที่เป็นซามูไรไปจนวันตาย

ก่อนเขาจะได้สติ และตาลีตาเหลือกตอบอาจารย์ Swift-Arm ไป “เ- เอ่อ… ค- ครับท่าน”

อาจารย์ Swift-Arm ส่งเสียงคำรามในลำคออกมาด้วยความไม่พึงพอใจเท่าใดนัก “ข้าไม่คิดว่าอาจารย์ Light-Paws จะเป็นพวกโกหกพกลม, แต่ทั้งชีวิตข้า ก็ไม่เคยเจอยอดนักดาบคนไหนที่สมองช้า” หนวดของอาจารย์ Swift-Arm ขยับไปมา “ลองกันใหม่ดีมั้ย?”

Kaito ยืดตัวตรง “ผมมั่นใจในความสามารถด้านการประลองครับ, ผมฝึกซ้อมมากับพี่สาวของผมตลอดหลายปีเลยครับ”

“ดี” อาจารย์ Swift-Arm ตอบพลางหันไปมองที่ต้นซากูระ “เรากำลังต้องการคู่ซ้อมคนใหม่อยู่เลย… แต่ก็อยากได้คนที่ไม่ได้มารับดาบไปวันๆ โดยเฉพาะคนที่ยังไม่เคยฝึกอย่างอื่นนอกจากวิชาประลองพื้นฐานน่ะนะ”

Kaito รับรู้ได้ถึงความไม่พึงพอใจในน้ำเสียงของอาจารย์ Swift-Arm อยู่ดี 

จริงอยู่ที่เขาอาจจะเอาแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ แถมยังทำตัวไม่เหมาะกับการจะเป็นซามูไรผู้ทรงเกียรติในภายภาคหน้าได้  ซึ่งในตอนนี้ Kaito ก็ทำได้เพียงเก็บซ่อนความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้กับตัว

อาจารย์ Swift-Arm ยังคงมองหาอะไรที่แถวๆ ต้นซากูระ ก่อนที่จะพูดออกมา “เจ้าจงจำไว้… จงให้เกียรติคู่ต่อสู้, แต่อย่างไรก็ดี สำหรับการฝึกฝนครั้งนี้ จงทำเหมือนครั้งอื่นๆ, เข้าใจหรือไม่?”

Kaito พยักหน้ารับ และประตูที่อยู่ใกล้ๆ ก็เปิดออก เสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้, อาจารย์ Swift-Arm โค้งคำนับ

ในขณะที่ Kaito กำลังจะโค้งตามอาจารย์ Swift-Arm เขาก็ชะงักเมื่อเจ้าของเสียงฝีเท้าได้ปรากฏตัว

สาวน้อยที่มีผมขาวราวกับหิมะ, ดวงตาสีน้ำตาล และมาดที่ดูเข้มขึงเกินวัย

“ขอบคุณท่านอาจารย์ Swift-Arm” เสียงที่คงไว้ซึ่งความเป็นทางการและสูงส่ง… เสียงที่ Kaito คุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี

 

เสียงของจักรพรรดินีแห่ง Kamigawa

 

ดวงตาของ Kaito เบิกโต, เขาไม่เคยได้เห็นหน้าของเธอมาก่อน, ทุกครั้งที่ได้พบเจอก็เพียงเงาของเธอที่มีม่านกระดาษกั้น… เงาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น เงาที่มีหัวใจ เงาที่เป็นความหวังของดาวดวงนี้

บัดนี้ เธอเป็นมากกว่าเงาที่ให้ความหวังของ Kaito, เธอกลายเป็นตัวตนของคนที่ Kaito ใส่ใจ

ก่อนที่เขาจะหลุดออกจากภวังค์ และโค้งคำนับเธอ “ขอขอบพระคุณสำหรับโอกาสทั่นจักรพรรดี๊ด- เอ่อ… ฝ่าบาท”

 

เธอไม่แสดงอาการอะไรตอบรับชื่อประหลาดๆ ที่ Kaito ใช้เรียกเธอมาในทุกครั้งที่คุยกัน, แต่จมูกของอาจารย์ Swift-Arm ที่อยู่ใต้หมวกเหล็กกลับกระตุกไปมาด้วยความหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด

อาจารย์ Swift-Arm เอื้อมไปหยิบเอาดาบไม้ที่แท่นวางอาวุธ นำมันส่งต่อให้จักรพรรดินีด้วยมือที่ผายออกทั้งสองข้าง ไปพร้อมๆ กับการโค้งคำนับ

ก่อนที่จะหยิบเอาดาบไม้อีกเล่ม โยนข้ามลานประลองส่งมันให้กับ Kaito

แต่ Kaito ก็ว่องไวพอที่จะคว้าดาบนั้นจากกลางอากาศมาได้, อาจารย์ Swift-Arm จ้อง Kaito แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

 


When We Were Young

 

เด็กทั้งสองเดินเข้าสู่ลานประลอง ทั้งท่าเตรียมพร้อมที่จะฝึกซ้อมวิชาการต่อสู้

Kaito รู้ว่าทักษะการต่อสู้ที่ดี คือการจับจ้องและอ่านการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายให้ออก… แต่ตอนนี้ เขากลับไม่สามารถละสายตาจากดวงตาของจักรพรรดินีได้เลย

เธอจำเราได้มั้ย? จำเสียงเราได้มั้ย? เธอเห็นเราเป็นเพื่อหรือเปล่านะ? หรือเป็นเราที่คิดไปเอง?

อาจารย์ Swift-Arm ให้สัญญาณเริ่มการประลอง, Kaito รุกเข้าโจมตี แต่จักรพรรดินีก็ป้องกันไว้ได้

วิชาการต่อสู้ของเธอลื่นไหลราวกับสายน้ำ แต่มันก็ทรงพลังราวกับเกลียวคลื่น

ทั้งคู่เคลื่อนที่ไปรอบลานประลอง ดาบไม้กระทบกันครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ทั้งคู่ก็ไม่มีอาการเหน็ดเหนื่อยให้เห็น

Kaito รู้สึกถึงสายตาของอาจารย์ Swift-Arm ที่จ้องมาที่เขา…

ทำให้เหมือนกับการฝึกซ้อมครั้งอื่นๆ

 

เขากัดฟัน และทำได้แค่หวังว่าจักรพรรดินีจะเข้าใจสิ่งที่เข้าจะทำ

Kaito กระโจนเข้าโจมตีอีกครั้ง ด้วยความรุนแรงกว่าที่เคย จนจักรพรรดินีต้องล่าถอยไปจนถึงขอบเวทีการประลอง, ดาบไม้ของ Kaito ซัดโจมตีราวกับพายุลูกใหญ่ ในขณะที่คู่ต่อสู่ของเขาก็ยังป้องกันตัวได้ดี

ราวกับเขาคือคลื่นยักษ์ ที่ซัดเข้าหาบึงน้ำที่แสนสงบ

 

แต่ Kaito ก็มั่นใจว่า ในสถานการณ์แบบนี้ จักรพรรดินีจะล้าจากการป้องกันไปในที่สุด…

ทว่า หลังจากการปัดป้อง เธอหมุนตัวออกมาจากขอบเวทีด้วยท่วงท่าที่ไหลลื่น จนการโจมตีที่ตามมากลายเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย

ดาบไม้ของ Kaito ถูกกดลงไปที่พื้น ด้วยมือของจักรพรรดินี เธอหมุนตัวและใช้ดาบของตัวเองตวัดไปที่ด้ามดาบของ Kaito

แรงกระแทกแทบจะทำให้ดาบของเขาหลุดมือ แต่นั่นยังไม่จบ

ทันทีที่จักรพรรดินีได้สัมผัสพื้น เธอก็ใช้แรงเหวี่ยงส่งลูกเตะเข้ากลางลำตัวของ Kaito จนเขากระเด็นไป

ก่อนที่ Kaito จะตั้งหลักได้ ดาบไม้ทั้งสองเล่มก็อยู่ในมือของจักรพรรดินี และไขว้อยู่ที่คอของเขาเสียแล้ว

แสงอาทิตย์ที่ส่องจากท้องฟ้าด้านหลังจักรพรรดินี ส่งภาพเงาของเธออกมา… เหมือนกับครั้งที่ทั้งคู่ยังคงต้องพูดคุยกันผ่านม่านประตู…

จักรพรรดินีแอบยิ้มที่มุมปาก… รอยยิ้มที่บ่งบอกว่า เธอจำเขาได้แต่แรกอยู่แล้ว

 

ด้วยสายตาของอาจารย์ Swift-Arm ที่มองดูอยู่ตลอด, Kaito ต้องหักห้ามใจไม่ให้ยิ้มตอบ แม้หัวใจของเขาจะอิ่มเอมแค่ไหนก็ตาม

 

- แสงสว่าง -

 

เป็นเวลานานนับปี ที่ทั้ง Kaito และจักรพรรดินีได้ฝึกซ้อมร่วมกันมา

และในยามที่ว่างเว้นจากการฝึกซ้อม ทั้งคู่ก็ไปนั่งคุยกันในสวนของจักรพรรดินีเหมือนเช่นเคยอยู่ดี

Kaito อยากให้ช่วงเวลาแบบนี้คงอยู่ไปตราบนานเท่านาน

แม้มันจะเป็นไปไม่ได้ ทั้งจากข่าวลือเรื่องกลุ่มผู้ต่อต้าน (Upriser) จากเทือกเขาแถวๆ เมือง Sokenzan ที่ว่ากันว่าเตรียมการจะก่อกบฏ

หรือกลุ่มก้าวหน้า (Futurists) ที่เริ่มไม่พึงพอใจกับกฏหมายควบคุมเทคโนโลยีของฝ่ายจักรวรรดิ (Imperial) 

และเรื่องของวิญญาณสถิตย์ที่ต่างหนีการเติบโตของสังคมเมืองไปรวมกันที่ป่า Jukai จนความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับเหล่าวิญญาณเต็มไปด้วยความตึงเครียด

ส่วน Eiko ก็วุ่นวายอยู่กับการเรียน จนทำให้ Kaito อดคิดไม่ได้ ว่าทั้งชีวิตเขาคงเหลือเพียงจักรพรรดินีคนเดียว

 



 

Kaito ที่อยู่บนหลังคากระเบื้องสีดำ ตรวจสอบอุปกรณ์ของเขาอีกครั้ง, มันเป็นคืนที่ฝนตกพรำๆ และเขาก็ไม่อยากจะพลาดเพราะลื่นหลังคาที่เปียก

 

ไกลออกไป ขบวนรถไฟของ Eiganjo กำลังจอดเทียบท่า, หุ่นรักษาการณ์ขนาดใหญ่เดินตรวจตราความเรียบร้อยตามแนวเขา และผีเสื้อจักรกลบินวนคอยต้อนรับแขกผู้มาเยือน… เหล่ากลุ่มก้าวหน้าที่เดินทางมาจากเมืองลอยฟ้า Otawara เพื่อพบปะกับตัวแทนของฝ่ายจักรวรรดิ

 

Kaito  จัดการซาลาเปาใส้ถั่วแดงชิ้นสุดท้ายเข้าปากไป, ปัดเศษขนมออกจากมือ ก่อนที่จะลัดเลาะไปตามแนวหลังคา

ก่อนที่จะไปถึงที่หมาย เขาก็พบกับชายอีกคนที่แต่งตัวเหมือนกับพวกกลุ่มก้าวหน้า, เขาเป็นชาว Moonfolk ที่กำลังลอยไปมาอยู่ในสวนแบบขั้นบันได

 

[[Moonfolk หรือ Soratami: เป็นชนเผ่ามนุษย์กระต่ายที่อยู่ใน Kamigawa, พวกเขาจะมีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์ มักจะมีร่างกายที่ผอมบาง สีผิวเป็นสีฟ้าอมเทา กับหูที่ยาวมากๆ, พวกเขามีความสามารถในการบิน, และอาศัยอยู่ที่ Otawara ที่เป็นเมืองลอยฟ้า และมักจะเรียกเมืองอื่นๆ ว่าเมืองชั้นผิว (Surface city)]]

 

สงสัยจะมาถึงก่อนเพื่อนแฮะ Kaito คิดในใจ

 

แสงสีฟ้าๆ ออกมาจากชุดส่วนนอกของชายคนนั้น มันวิ่งไปมาไม่เป็นรูปร่างเท่าใดนัก ก่อนที่จะปรากฏแผ่นโลหะสีทองชมพูที่ไหล่ของเขา, ชายคนนั้นดึงมันออกมาราวกับเด็ดใบไม้จากต้น

แผ่นโลหะแผ่นนั้นพับไขว้ไปมา มันเปลี่ยนรูปร่างราวกับศิลปะการพับกระดาษ (Origami) จนมันกลายไปเป็นรูปร่างแบบนกกระเรียนกระดาษ และบินออกไปสู่ความมืดมิด

ชายคนนั้นหันหลังกลับมาเพื่อพบว่า Kaito ได้ยืนประจันหน้ากับเขาเสียแล้ว


Replication Specialist

 

สีหน้าของชายคนนั้นแสดงความตระหนกออกมาอย่างเห็นได้ชัด, เขาจดจ้องๆ และคาดเดาช่วงอายุของ Kaito ก่อนที่จะแสดงสีหน้าสบายใจออกมา

เขาลงมายืนบนพื้น แล้วพูดกับ Kaito “เจ๋งดีนี่ไอ้หนู… หายากนะเนี่ยะ ที่จะมีคนแอบดอดมาจากด้านหลังฉันได้” ชายคนนั้นหัวเราะคิกคัก ก่อนที่จะพูดต่อ “โชคดีนะ ที่ฉันต้องฝากอาวุธไว้ที่ทางเข้า ไม่งั้นได้แผลไปแล้ว, ฉันมันพวกต่อยก่อนค่อยถาม”

Kaito ยังคงยืนตระหง่าน ก่อนที่จะตอบกลับ “ฉันไม่ใช่ไอ้หนูนะเห้ย” ก่อนที่จะยักหน้าเพื่อพูกเหน็บแนมต่อ “ฉันว่า พวกก้าวหน้าไม่ได้รับอนุญาติให้เอาเทคโนโลยีจากข้างนอกเข้ามาในเขตราชวังนะ”

“ก็แค่ใช้มันส่งข้อความทั่วๆ ไปน่ะ” ชายคนนั้นตอบอย่างไม่หยี่ระ

“ทั่วไปขนาดต้องแอบมาส่งจากในสวนงั้นเหรอ?”

ชาว Moonfolk เอียงคอด้วยความสงสัย “โทษนะไอ้หนู แต่นายดูไม่เหมือนคนของจักรวรรดิเลย” เขาเอามือกวาดหน้าตัวเองเพื่อประกอบท่าทาง
“ปกติพวกนั้นจะแบบ หน้าบูดๆ น่ะ, แต่ดูนายสิ มีแต่ความเป็นเจ้าหนูขี้สงสัย… ที่สำคัญ นายยังยืนคุยกับฉันอยู่ ถ้าเป็นคนอื่นฉันมีหวังโดนหิ้วไปแล้ว”

Kaito กอดอก แล้วตอบ  “ฉันไม่ได้เกิดในวัง แต่ตอนนี้มันคือครอบครัวของฉันแล้ว” แม้ปากจะพูดไปแบบนั้น แต่ลึกๆ แล้ว Kaito เองกลับไม่ชอบที่ตัวเองต้องโกหกความรู้สึกของตัวเองเลย

“เป็นลูกกำพร้าสินะ?” Kaito ไม่ตอบ ชายคนนั้นก็เพียงแค่ยกไหล่ และพูดต่อ
“เหมือนกันแหละ, พ่อ-แม่ ฉันตายจากอุบัติเหตุที่โรงงาน… สารเคมีมันรั่วไหล แล้วตัวจับสัญญาณมันดันไม่ทำงานน่ะ… กว่าที่คนงานจะรู้ตัว, ก๊าซพิษมันก็เต็มโรงงานไปหมดแล้ว” 

เขากัดกราม “ถ้าใครๆ เข้าถึงอุปกรณ์ที่ดีกว่าไอ้เครื่องตรวจสารพิษห่วยๆ นั่นได้ก็คงดี… แต่ก็ติดที่พวกจักรวรรดิดันออกกฏหมายควบคุมจนราคามันสูงเกินกว่าคนทั่วๆ ไปในเมือง Undercity จะเอื้อมถึง…” 

ชายคนนั้นเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะฝืนยิ้มออกมา “เอาเถอะ ฉันโชคดีที่มีญาติอยู่ที่ Otawara ไม่งั้นคงได้ติดแหงกอยู่ที่นี่ แล้วต้องมาทนใช้ของล้าสมัย… ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดไปปวันๆ”

 

Kaito ไม่ได้ตอบเรื่องพ่อ-แม่ ของเขา… เขาไม่ได้พูดถึง Eiko, หรือจะพูดถึงใครก็ตาม

มันไม่ใช่เรื่องที่น่าบ่นเลย… ในเมื่อจักรวรรดิให้ที่อยู่ ที่เรียน และปัจจัย 4 กับเขาอย่างพร้อมเพรียง… ให้มากเสียจนประชาชนบางคนใน Kamigawa ยอมจะใช้กำลังเพื่อแลกมันมา

แต่ทำไมกัน…

“มันมีเหตุที่ห้องทดลอง Towashi… ที่ๆ พ่อกับแม่ของผมทำงานอยู่ที่นั้น… ทั้งคู่รับเอากัมมันตรังสีไปเต็มๆ” Kaito รู้สึกอึดอัดที่อยู่ดีๆ จะเล่าเรื่องส่วนตัวกับคนแปลกหน้า…

แถมยังระคนไปด้วยความรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหักหลังฝ่ายจักรวรรดิ… หักหลัง Eiko, หักหลังอาจารย์ Light-Paws

แต่การได้ระบายอะไรๆ ก็คงดี… ยิ่งระบายมันกับคนไม่รู้จักนี่แหละ

“อืม…” ชายคนนั้นตอบ “ที่เมืองชั้นผิวแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะหาวิธีรักษาผลจากการรับสารกัมมันตรังสี… ทั้งยาก และก็แพงเกินไป”

สีหน้าของ Kaito เปี่ยมไปด้วยความเจ็บแค้นแบบที่เขาไม่เคยรู้ว่าเขามี… “พ่อ- พ่อของผม เขาได้ยารักษา… เขากำลังจะทดลองใช้มันกับแม่… แต่… แต่มันไม่ได้รับการรับรอง”

“ตลาดมืดงั้นเหรอ?”

Kaito พยักหน้า “พ่อถูกจับ… เขาต้องตายในคุก ส่วนแม่…ไม่นานแกก็ตายตามไป”

“มันไม่ใช่สิทธิ์ของใครก็ตาม ที่จะมาตัดสินชีวิตของผู้อื่น…” ชายชาว Moonfolk เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเห็นใจ “เทคโนโลยี เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องเข้าถึงได้… ให้พวกเขาใช้มันดูแลกันเอง… ในยามที่ไม่มีใครจะดูแลพวกเขา”

“แต่ถ้าไม่มีกฏหมายควบคุม มันก็เสี่ยงเกินไปที่จะให้ทุกๆ คนสร้างเทคโนโลยีใช้เอง” Kaito ตอบ… จากคำสอนของอาจารย์ Light-Paws

 ชายคนนั้นตบบ่าของ Kaito “นั่นคือข้ออ้างของคนที่จะอยากจะควบคุมคนอื่นไงล่ะ” เขาเด็ดเอาแผ่นโลหะอีกชิ้นจากชุดของเขา มันพับตัวเองเป็นนกกระเรียนขนาดเล็ก “เอา… ถือว่าเป็นของขวัญจากคนที่เจ็บปวดจากกฏเหมือนกัน”

Kaito รับของขวัญชิ้นนั้นมา มันกลับให้ความรู้สึกสบายใจอย่างที่เขาไม่เคยรู้สึก… จริงอยู่ที่ฝ่ายจักรวรรดิก็มีหุ่นโดรนเป็นของตัวเอง แต่นกกระเรียนตัวนี้ กลับส่งความรู้สึกของการผจญภัยในโลกกว้างที่ Kaito รอมานาน

ชายชาว Moonfolk เดินไปยังประตู ก่อนจะพูดกับ Kaito “ฉันจะไปประชุมสายเอาแล้วล่ะ, ขอบคุณที่คุยกันนะไอ้หนู”

“ไม่เด็กแแล้วเห้ย” Kaito ตะโกนกลับ

ชายลึกลับหัวเราะออกมา “ถ้าอยากได้งานใหม่ พวกกลุ่มก้าวหน้าคงจะสนใจคนอย่างนาย, แค่ถามหา Katsumasa ก็พอ”

เขาเดินหายเข้าไปในอาคาร ทิ้งให้ Kaito ได้รับรู้ถึงอิสระที่รอเขาอยู่, อิสระที่เขาเลือกจะทิ้งมันไป… จนกระทั้งตอนนี้

 

Kaito อยากจะคุยกับใครซักคน… 

ถ้าเป็น Eiko ที่ยึดถือวิถีของจักรวรรดิมาแต่แรก… เธอก็คงไม่เข้าใจสิ่งที่เขาเก็บงำไว้

ถ้าเป็นจักรพรรดินียิ่งแล้วใหญ่… เพราะเธอคือผู้ปกครองเมือง Kamigawa เธอย่อมต้องเห็นพ้องกับการใช้กฏควบคุมเทคโนโลยีอยู่แล้ว…

Kaito ได้แต่เหม่อมองไปยังท้องฟ้าที่ประดับประดาไปด้วยผีเสื้อจักรกล… อาจารย์ Light-Paws จะยังมั่นใจอยู่มั้ย ว่าศิษย์ของเธอจะยังจงรักภักดีต่อจักรวรรดิ?

แต่ก็เอาเถอะ… สิ่งที่เห็นๆ อยู่ตอนนี้คือเขาได้อยู่กับคนที่เขาใส่ใจ… การจะตัดเอาความอิสระที่เป็นเสียงเรียกหาในหัวใจของตนเองแค่ส่วนหนึ่งออกไป เพื่อให้ครอบครัวของตัวเองปลอดภัยคงจะดีกว่าล่ะมั้ง?

ชีวิตที่ไร้พ่อ-แม่ มันก็เปล่าเปลี่ยวมากพอแล้ว… Kaito ไม่อยากจะเสียใครไปอีก

เขาเก็บเอาโดรนรูปกระเรียนเข้าไปในกระเป๋า ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ ว่าเขาเองก็มีนัดที่จะต้องไปเช่นกัน

 

- ความลับ -

 

เวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านไปอย่างเชื่องช้า นับตั้งแต่วันที่ Kaito ได้พบกับชายสมาชิกกลุ่มก้าวหน้าที่สวน, ความลับที่เก็บงำในใจมานับเดือนก็ติดอยู่ในใจของเขาเหมือนเดิม

 

แม้เขาจะได้พูดคุยเรื่องความคิดที่เปลี่ยนไปกับจักรพรรดินี, แน่นอนว่าเธอเองไม่ได้เห็นด้วยกับความคิดของ Kaito แต่เธอก็เปิดใจรับฟัง

ซึ่งนั้นก็ยิ่งเสริมให้ความคิดที่ Kaito มีอยู่ได้มั่นคงยิ่งขึ้นไปอีก… แม้ชีวิตจริงของเขายังคงติดบ่วงของวิถีแห่งจักรวรรดิเช่นเดิม

 

จนกระทั่งวันซ้อมประลองครั้งหนึ่ง, คนที่ยืนรอเขาที่ลานประลองสวนซากูระนั้น กลับกลายเป็นอาจารย์ Light-Paws แทนอาจารย์ Swift-Arm

อาจารย์ Swift-Arm ไปไหนเหรอครับ?” Kaito ถามขึ้นมา
“หรือว่าการซ้อมประลองวันนี้ถูกยกเลิกครับ?”

“ไม่มีวิชาการฝึกประลองแล้วล่ะ” อาจารย์ Light-Paws พูดพลางเอามือมาไขว้ไว้ที่ด้านหน้า… วันวานที่่อาจารย์ Light-Paws เคยสูงตระหง่านได้เป็นเพียงอดีตไป เพราะในตอนนี้ Kaito เองก็สูงพอๆ กับอาจารย์เองแล้ว

“ผมไม่เห็นจะเข้าใจเลยครับอาจารย์” Kaito พูด พลางชะเง้อไปที่อาคารด้านหลัง หวังว่าจะเห็นองค์จักรพรรดินี… แต่ก็ไม่

จมูกจิ้งจอกของอาจารย์ Light-Paws กระตุกไป-มา
“เจ้ากำลังจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ Kaito, มันพ้นวัยที่เจ้าจะเป็นเพียงคู่ซ้อมของคนอื่น… ถึงเวลาที่เจ้าต้องเลือกเส้นทางชีวิตของตนเองแล้ว, และอาจารย์ Swift-Arm ได้แจ้งมาว่า เจ้าเหมาะส-”

“ผมไม่อยากเป็นซามูไร” Kaito ขัดขึ้นมา… มันเป็นสิ่งที่เขาพูดโดยไม่ได้ยั้งคิด… และมันก็เป็นสิ่งที่อยู่ในใจของเขา

สิ่งที่เขาทนอึดอัดมานาน

 

หางของอาจารย์ Light-paws ตั้งตรงขึ้นมา “ข้ารู้เรื่องความสัมพันธ์ฉันมิตรของเจ้ากับองค์จักรพรรดินี” Kaito หลบตา แต่อาจารย์ Light-Paws ยังคงพูดต่อ
“มันถึงเวลาที่เจ้าทั้งสองจะต้องทำหน้าที่ เพื่อรับใช้ Kamigawa… องค์จักรพรรดิทำเพื่อราษฏร และ เจ้าทำเพื่อองค์จักรพรรดิ”

“ผมไม่เห็นว่ามันจะจำเป็นต้องเข้าไปเป็นนักเรียนซามูไร (Golden-Tail Academy) ซักหน่อยนี่” Kaito ยังคงไม่ยอมรับข้อเสนอ

“ราชวงศ์ตกเป็นเป้าจากศัตรูมากมาย ที่รอให้เราพลาด” อาจารย์ Light-Paws พูดขึ้น “จักรพรรดินีต้องการซามูไรที่จงรักภักดีกับราชวงศ์” เสียงของเธอเข้มขึ้น
“ไม่ใช่แค่คู่ฝึกซ้อมการประลอง กับคนที่คอยเพ้อเจ้อถึงความก้าวหน้าถ้ากล้าที่จะเปลี่ยน”

“ธ… เธอเล่าในอาจารย์ฟังเหรอ?” Kaito ถามด้วยหัวใจที่แตกสลาย… ทั้งๆ ที่พวกเขาพูดคุยกันในแทบจะทุกๆ เรื่อง… ความกังวล และความหวังที่มีให้กับ Kamigawa

แต่ Kaito ก็ไม่ได้คิดว่าสิ่งที่พวกเขาคุยกัน เธอจะหักหลังเขาด้วยการไปเล่าอีกต่อกับอาจารย์ Light-Paws

“มันเป็นเรื่องของพวกเราทุกคนที่จะปกป้ององค์จักรพรรดินี, ความลับเป็นเพียงเรื่องลวงตาสำหรับคนที่ต้องเป็นผู้นำ” อาจารย์ Light-Paws ถอนใจ, เดินเข้าหา Kaito
“บางทีข้าอาจจะปล่อยให้เจ้าอยู่กับความสนุกสนานของวัยเด็กนานเกินไป… ข้าน่าจะชี้แนะเส้นทางที่ดีกว่าให้เร็วกว่านี้”

“เส้นทางที่ดีกว่างั้นเหรอ?” Kaito พูดด้วยนำเสียงที่ก้าวร้าว กำหมัดแน่น
“อาจารย์ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร!”

สายตาของอาจารย์ Light-Paws จ้องมองมาที่ Kaito “ความสมดุลย์ นั่นคือหนทางที่แท้จริง… เทคโนโลยีอาจจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างของ Kamigawa ได้, และพลังมหาศาลขนาดนี้ ย่อมต้องการผู้คอยดูแล”

“หนทางที่แท้จริงคือความเท่าเทียมต่างหากเล่า” Kaito ตะโกนกลับ
“พวกจักรวรรดิใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอยู่หลังกำแพงในเมือง Eiganjo, เหล่าวิญญาณสถิตย์และเทคโนโลยีก้าวเดินไปพร้อมๆ กันอย่างที่พวกจักรวรรดิต้องการ" 
"
แต่ข้างนอกนั่น… ไม่ใช่ทุกๆ ที่จะเข้าถึงความสะดวกสบาย เหตุที่ทุกคนต้องดิ้นรนพัฒนาเทคโนโลยีมันเพราะโลกนี้มันไม่เคยสุขสบาย…"
"
แต่พวกคุณก็ทำลายมันลง… พวกจักรวรรดิออกกฏหมายควบคุมเพราะพวกคุณไม่สนใจว่าประชาชนเขาต้องการความปลอดภัย ต้องการใช้ชีวิต…"
"คุณเอาแต่ควบคุมๆๆ โดยไม่แม้แต่จะสนใจว่าใครจะเข้าถึงเงื่อนไขมากมาย และราคาที่แพงเกินจะจ่ายไหว, แล้ว
ไหนล่ะความสมดุลของอาจารย์? นี่มันฆาตรกรรมทางอ้อมชั-”

“พอได้แล้ว Kaitoอาจารย์ Light-Paws ห้ามไม่ให้ Kaito พูดมากไปกว่านี้ หูและจมูกของเธอขยับไปมา “กฏระเบียบเหล่านั้น มีไว้เพื่อรับประกันความปลอดภัยของผู้ใช้งาน, คำพูดที่ก้าวร้าวของเจ้าไม่เป็นที่ยอมรับในราชวังแห่งนี้หรอกนะ”

“ที่อาจารย์อยากจะพูดจริงๆ ก็คือ…” Kaito ตอบด้วยเสียงที่ปวดร้าว “ผม… ไม่เป็นที่ยอมรับที่นี่สินะ”

Kaito หันหลังเดินจากมา… นี่คงเป็นครั้งแรกที่เขาหันหลังให้กับอาจารย์ของเขา, มันไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดี หรือมีพลังอะไรเลย…

มันกลับให้ความรู้สึกของสายสัมพันธ์ที่ขาดสะบั้น และยากจะกลับมาเป็นเช่นเคย

 

- หันหลัง -

 

Kaito ไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้… สมองมีแต่เรื่องของอาจารย์ Light-Paws คอยรบกวน

แต่แล้ว สัญญาณเตือนภัยในเขตราชวังได้ดังขึ้น… Kaito เองที่ยังไม่ได้นอนลุกขึ้นจากเตียง หยิบเอาจักรกลกระเรียนที่เก็บเอาไว้ในตู้เสื้อผ้าออกมา

มันถูกเขาปรับแต่งเพื่อใช้งานในชีวิตประจำวัน มันกลายร่างมาเป็นกำไลข้อมือของเขา

ท่ามกลางความวุ่นวาย เหล่าซามูไร และเจ้าหน้าที่ของจักวรรดิต่างรีบร้อนวิ่งไปประจำตำแหน่งของตัวเอง

ส่วน Kaito ก็เตรียมไปหา Eiko ที่ห้องพักของเธอ

ก่อนที่บรรณารักษ์คนหนึ่งสวนทางมาด้วยท่าทางแตกตื่น, Kaito ขว้าแขนของเธอไว้ “เกิดอะไรขึ้น?”

เธอส่ายหัวไปมา แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “มีผู้บุกรุก… เขาลือกันว่าเป็นพวก Uprisers” เธอตอบ ก่อนที่จะสะบัดแขนออกแล้ววิ่งออกไป

Kaito ถึงกับชะงัก… แน่นอน ไม่มีใครไปตามล่า Eiko อยู่แล้ว เพราะเธอจะปลอดภัยเมื่ออยู่กับทั้งอาจารย์และบรรดาเพื่อนักเรียนของเธอ

 

แต่ไม่ใช่กับจักรพรรดินี

 

Kaito วิ่งออกไปยังระเบียง, แน่นอนในเขตพระราชวังนั้น มีเหล่าทหาร และซามูไรคอยตรวจตราความปลอดภัยของพื้นที่ทุกซอกทุกมุมอยู่แล้ว

แต่ Kaito รู้ดี

พวกเขาแทบจะไม่ตรวจตราหลังคาในเขตราชวังเลย

 

ใต้ท้องฟ้าสีแดงยามค่ำคืน และแสงดาว, Kaito วิ่งลัดเลาะด้วยเส้นทางลับ เพื่อไปถึงห้องพักของจักรพรรดินีให้เร็วที่สุด

ที่สวนของเธอ มีเพียงความมืดมิด ไร้แสงใดๆ กับประตูบานเลื่อนที่ถูกเปิดทิ้งไว้

Kaito กระโดดลงมาจากแนวกำแพงที่เขาใช้เดินทาง ค่อยย่องเข้าไปด้วยความระมัดระวัง

เขาย่องไปจนถึงหน้าประตู แกะเอากำไลข้อมืดที่เปลี่ยนร่างกลับไปเป็นหุ่นโดรนรูปกระเรียนอีกครั้ง, มันบินเข้าไปในห้องพักที่มืดมิด

Kaito แตะที่ขมับของเขา มันส่งภาพจากโดรนเข้ามา ภาพของห้องที่ว่างเปล่า ไม่มีร่องรอยของจักรพรรดินี… หรือแม้แต่ผู้บุกรุก…

แสงจันทร์เรื่อๆ ที่ส่องจากห้องของเทพ Kyodai บ่งบอกว่าประตูแห่งเทพถูกเปิดทิ้งไว้

 

เสียงบางอย่างสะท้อนไปมาในห้องนั้น, เสียงของมันราวกับคนสามคน ที่กำลังร้องไห้, ตะโกน, ร้องเพลง, กระซิบ ทับซ้อนกันไปมาเจือด้วยความเจ็บปวด

Kaito ไม่รอภาพจากโดรนในห้องนั้น เขาพุ่งเข้าไปทันที

เพราะถ้าเทพ Kyodai มีปัญหาแล้ว… จักรพรรดินีคงไม่ต่างกัน

Kaito เข้าไปในห้องพร้อมๆ กับหุ่นโดรนที่กลับมาที่ข้อมือของเขา, ห้องของเทพ Kyodai ที่เต็มไปด้วยหมอกที่คลุมพื้นแอ่งน้ำเบื้องล่าง, น้ำพุร้อนตั้งอยู่ใกลๆ ที่ท้ายห้อง ราวกับมันจะทอดยาวเกินขนาดอาคารที่เห็นภายนอก

 

Kaito เองไม่เคยได้พบกับเทพ Kyodai มาก่อนในชีวิต… เทพผู้พิทักษ์ของ Kamigawa ที่ติดต่อกับโลกมนุษย์ผ่านทางองค์จักรพรรดิเพียงคนเดียว, องค์จักรพรรดิที่ต้องได้รับการยอมรับจากเทพ Kyodai เท่านั้น และผูกมัดด้วยการติดต่อระหว่างโลกที่จะจบลงเมื่อองค์จักรพรรดิได้ตายลง

 

ร่างขนาดมหึมาของเทพ Kyodai ประกอบด้วยมือมากมายของมนุษย์สีทอง ลูกบอลทองลอยอยู่กลางอากาศล้อไปตามครีบแผงหลังของเธอ

ที่หน้าผากของเธอมีลูกบอลสีดำขนาดใหญ่ ประดับด้วยหน้ากากอีกสามอันที่เป็นตัวแทนของ Michiko Konda - จักรพรรดินีองค์แรกที่ได้ติดต่อกับเทพ Kyodai

 


Portrait of Michiko

 

ที่ฝ้าเพดานนั้นมีเครื่องจักรขนาดมหึมาที่ตามคำบอกเล่านั้น จะเป็นสิ่งที่เทพ Kyodai คอยบินวนเวียนอยู่บริเวณนั้น ราวกับช่วยให้เธอแยกตัวตนจากโลกมนุษย์

แต่ในตอนนี้ ภาพที่ Kaito เห็น, เทพ Kyodai กลับนอนแน่นิ่งอยู่ท่ามกลางหมอกเบื้องล่าง, แสดงอาการเหมือนเจ็บปวดและสับสน

แต่ก็ไม่รู้ว่าจักรพรรดินีอยู่ที่ไหน

Kaito ตะโกนเรียกหาความช่วยเหลือจากทหารยาม แต่กลับมีคนเดินออกมาจากม่านหมอกข้างกายของเทพ Kyodai

 

เขาเดินมาพร้อมกับชุดเกราะสีแวววับ ไม่คุ้นตา พร้อมกับแขนที่เป็นโลหะส่องแสงสีม่วงๆ จากพลังงานที่อัดแน่นภายใน และมือที่กลายเป็นกรงเล็บโลหะขนาดยักษ์

ชายคนนั้นจ้องมาที่ Kaito ดวงตาของเขาส่องแสงสีชมพูแบบที่ Kaito ไม่เคยเห็นมาก่อน

 

ชายคนนั้นสแยะยิ้ม ก่อนที่จะกระโดดหนีไปที่ระเบียง, Kaito มีเพียงมือเปล่า แต่เขาก็ไม่ใส่ใจมันอีกต่อไป… เขาจะปล่อยให้ผู้บุกรุกหนีไปไม่ได้

Kaito พุ่งตัวตามไปถึงหลังคา, น้ำหนักตัวของชายลึกลับคนนั้นทำให้กระเบื้องหลังคาแตกหัก แต่ด้วยความมุ่งมั่นที่ผลักดัน มันก็ไม่ทำให้เขาช้าลงเลย

ส่วน Kaito เองก็มุ่งมั่นเช่นกัน

 

Kaito ใช้เศษกระเบื้องที่แตกหักออกมา ใช้มันโจมตีไปยังศรีษะของชายลึกลับ…

แต่แค่เศษกระเบื้องนั้น ไม่ได้ชะลอความเร็วของเขาลง

เขาหันหน้ามาแยกเขี้ยวด้วยความไม่พอใจ, แขนจักรกลเริ่มเคลื่อนไหว สายตาของเขาจับจ้องมาที่ข้อมือของ Kaito และเขาก็ขยับกรงเล็บจักรกล

Kaito รู้สึกถึงแรงที่มากระชากข้อมือของเขาจนเสียหลัก, แม้ว่าจะพยายามคว้าขอบหลังคาเอาไว้ แต่มันก็ไม่ทันการ

 

ร่างของ Kaito ร่วงลงกระแทกกับพื้นทรายด้านล่าง เขากระชากเอาแผ่นโลหะที่เคยเป็นโดรนจากแขนของเขาทิ้งไป, แม้จะยังไม่มั่นใจว่ามันเป็นต้นเหตุหรือไม่

Kaito กระโจนกลับขึ้นแนวกำแพง หวังจะไล่ล่าชายลึกลับด้วยความเร็วเท่าที่ร่างกายของเขาในตอนนี้จะพาไปได้

 

แต่ทว่า ชายคนนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย…

 

 

Kaito กลับไปยังห้องแห่งเทพ Kyodai อีกครั้ง, ทหารยศสูงมากมายมาถึงในพื้นที่แล้ว… และองค์จักรพรรดินีก็หายไปเช่นกัน

เหล่าทหารยศสูงต่างปรึกษากันด้วยสีหน้าแคร่งเครียด, พวกเขาไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรกับสถานการณ์แบบนี้นอกจากกล่าวโทษพวก Uprisers ที่น่าจะเป็นต้นเหตุ

“ผมเห็นคนผู้บุกรุก” Kaito พูดแทรกบทสนทนาของพวกเขา “คนที่บุกรุกเข้ามาเขามีแขนเป็นโลหะ แล้วตาก็มีแสงวาบๆ เขาไม่ใช่พวก Upriser แน่ๆ”

หรืออาจจะใช่?… แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะทั้งเครื่องแต่งกายที่ไม่เหมือนพวก Upriser และพลังการควบคุมเครื่องจักรกลที่เขามี… พลังที่ Kaito ไม่เคยเห็นมาก่อน

อาจารย์ Light-Paws เดินเข้ามา “แขนโลหะงั้นหรือ?”

Kaito พยักหน้า เขารู้สึกโล่งใจว่าอย่างน้อยๆ อาจารย์ของเขาก็คงจะรับฟังเขาบ้าง, อย่างน้อยๆ เธอก็คงจะเข้าใจว-

อาจารย์ Light-Paws หันไปมองเหล่าทหารชั้นสูง “หรืออาจจะเป็นพวกก้าวหน้า (Futurists) พวกเขาอาจจะใช้เทคโนโลยีอวัยวะเทียมที่ไม่ได้รับการรับรองเพื่อลักพาด้วยองค์จักรพรรดินีไปเป็นตัวประกัน เพื่อกดดันให้ทางเราต้องยกเลิกกฏควบคุม”

เดี๋ยว! ไม่ใช่แล้วอาจารย์!” Kaito พูดด้วยความลนลาน “ไม่ใช่พวก Futurist แน่ๆ ครับอาจารย์ ผมรู้ดีว่าผมเจออะไรมา!”

ทว่า อาจารย์ Light-Paws กลับเมินเฉยต่อสิ่งที่ลูกศิษย์ของเธอพูด เธอยังคงปรึกษากับเหล่าจักรวรรดิคนอื่นๆ ที่ยังคงตามหาแพะรับบาปอยู่

เทพ Kyodai ที่ยังตัวสั่นเทิ้มราวกับเธอสับสนว่ามันเกิดอะไรขึ้น? ราวกับว่าเธอไม่รู้ตัวว่าเธออยู่ที่ไหน? หรือเธอเป็นใคร?

หรือมันอาจจะยังพอมีหวังว่าจักรพรรดินียังคงแอบซ่อนอยู่ที่ไหนซักที่

“พวกคุณกำลังหลงทางแล้วนะ, จะมัวแต่โทษพวก Futurist ไม่ได้นะ คนที่แขนเป็นโลหะต่างหากที่พวกคุณต้องตามหา”

แต่มันก็ไม่มีใครหยุดฟังเขาเลย…

“เขาหนีไปไกลแล้ว ใครก็ได้ออกตามล่าเขาที ไม่งั้นเราจะไม่เจอจักรพรรดินีอีกแล้วนะ!” Kaito ตะโกนอย่างสุดเสียง ด้วยอารมณ์โกรธและโมโห

อาจารย์ Light-Paws หันมามองด้วยสายตาดุๆ “กลับห้องของเจ้าไปก่อน Kaito, นี่เป็นเรื่องของจักรวรรดิ”

และนั่น ก็ตอกย้ำความรู้สึกของเขา…

เขาไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิ

ไม่เคยเลย…

 

Kaito ปลีกตัวออกมา น้ำตาของความเจ็บแค้นไหลออกมาอาบแก้ม

ทันทีที่เขากลับมาถึงห้อง เขาก็รู้ได้ทันที ว่าเขาต้องทำอะไรต่อไป

 

มันคงจะเจ็บปวดหัวใจที่เขาต้องจากลา Eiko… แต่เธอเหมาะสมที่จะใช้ชีวิตอยู่ที่ Eiganjo… เธอเป็นคนมีเป้าหมาย

Kaito เองก็มีเป้าหมาย… แม้มันจะเป็นเป้าหมายที่เขาไม่ได้เต็มใจรับมัน

 

เขาจะต้องตามหาชายที่มีแขนเป็นจักรกลโลหะ, จะต้องตามหาเพื่อของเขา และพาเธอกลับบ้าน…

และถ้าเป็นไปได้ เขาจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีก

 

คืนนั้น, Kaito ก็ข้ามกำแพงสุดท้ายของ Eiganjo… และจากไป โดยไม่เหลียวหลังกลับมามอง

 

 

 

Magic Story By Akemi Dawn Bowman