- สอดแนม -

 

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ขัดอารมณ์ที่กำลังเพลิดเพลินของ Olivia Voldaren

แม้ว่าเธอจะไม่ได้อารมณ์เสียขนาดนั้น แต่ก็ต้องวางมาดขรึมเอาไว้... เพราะถ้าปล่อยให้ใครต่อใครเข้ามาขัดจังหวะของเธอได้ตลอดเวลา บรรดาทาสรับใช้ได้แอบก่อกบฏกันแน่ๆ

“เข้ามาได้ อย่าให้ฉันเสียเวลาเปล่าล่ะ” Olivia ตอบรับเสียงเคาะประตู “ฉันไม่ชอบให้ใครรบกวนเวลาเสริมความงามของฉันนักหรอกนะ”

Olivia พูดโดยไม่ลืมตาของเธอขึ้นด้วยซ้ำ เพราะถ้าขืนเธอลืมตาขึ้นมา ผิวหนังส่วนใบหน้าของสาวพรหมจรรย์ที่เธอใช้เป็นเครื่องประทินผิวคงได้เสียหายแน่ๆ

และการแล่ผิวหนังใบหน้าออกมา มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ไม่รวมกับกระบวนการพักชิ้นส่วนให้เลือดไหลเวียนอีก

“ท่านหญิง Olivia ผู้เลื่องลือและทรงอำนาจ” ทาสของ Olivia เข้ามาในห้อง

Olivia ยิ้มมุมปากออกมา... ดีมาก นี่แหละสิ่งที่เธอคาดหวังจากทาสของเธอ

“ข้าน้อยนำข่าวสารของเหล่ามนุษย์มาแจ้งขอรับ”

 


Olivia Voldaren
 

รอยยิ้มของ Olivia หุบลง แทนที่ด้วยคิ้วที่ขมวดด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ยังต้องเกร็งไม่ให้ใบหน้าของหญิงพรหมจรรย์ที่ใช้เพื่อพอกหน้าของเธอเกิดรอยยับย่น

“มันสำคัญขนาดนั้นเลยหรือไง?”

“เกรงว่าจะเป็นเช่นนั้นขอรับ” ทาสคนนั้นตอบกลับ และจากซุ่มเสียงของเขา ก็น่าจะเป็นนาย Feuer... เขามีหน้าที่สรรค์สร้างเครื่องเรือนจากกระดูกของเหยื่อ และก็เป็นผู้มีฝีมือระดับหาตัวจับยาก... ซึ่งมันก็ไม่สามารถตอบได้ ว่าเขามาที่ด้วยเหตุใด

“พวกมนุษย์กำลังทำอะไรบางอย่าง... น่าจะเป็นการย้อนคืนสมดุลระหว่างกลางวัน และกลางคืนขอรับ”

Olivia พึมพัมอยู่ใต้หน้ากากผิวหนัง ก่อนที่เธอจะหยุดตัวเอง เพื่อไม่ให้มันเสียหาย “แล้วพวกนั้นจะทำได้ยังไงเล่า?” เธอพูดพร้อมๆ ขยับท่าทาง ทำให้อ่างอาบเลือดของเธอกระเซ็นไปมา “ทำอย่างกับพวกนั้นจะเอาโซ่ไปคล้องพรอาทิตย์ลงมาอย่างงั้นแหละ”

“ท่านหญิง Olivia ผู้เลื่องลือและทรงอำนาจ, ข้าน้อยเชื่อว่า พวกมนุษย์กำลังจัดเทศกาลเพื่อคืนสมดุลขอรับ”

“เทศกาล?” Olivia  ถามด้วยความประหลาดใจ

“ใช้แล้วขอรับ งานเทศกาล” Feuer พูดตอบอย่างมั่นใจท่ามกลางความเคลงใจของ Olivia “ข้าน้อยได้เดินทางไปยังเมือง Gavony ในตอนที่กำลังตามล่าวัตถุดิบขอรับ”

เอ่อ... ทำไมไม่พูดแค่ไปตามล่ากระดูกก็พอ Olivia คิดในใจ

“ข้าน้อยได้พบกับ... เอ่อ หุ่นไล่กาที่ล้อเลียน Vampire, พวกมันสร้างขึ้นให้มีหน้าตาละม้ายคล้ายกับเรา... คล้ายกับท่าน”

“ร่างจำลองของข้างั้นเรอะ? ปล่อยไว้ไม่ได้”

“ใช่ขอรับ ท่านหญิง Olivia ผู้เลื่องลือและทรงอำนาจ, ด้วยการแฝงตัวเป็นทหารรับจ้างของข้าน้อย ข้าจึงได้สอบถามชาวบ้านนางหนึ่ง ถึงเหตุผลที่สร้างรูปจำลองปลอมๆ นั่นขึ้นมา และเธอก็บอกว่ามันเอาไว้ใช้กับเทศกาล Harvesttide, หลังจากนั้น ข้าจึงตอบแทนเธอด้วยการสังหารเธอที่ตรงนั้น และเผาทำลายรูปจำลองนั้นแล้วขอรับ”

Olivia ขมวดคิ้ว “เผาเลยเหรอ? นี่ Feuer เจ้าทึ่มเอ้ย แกน่าจะแบกมันมาที่นี่ อย่างน้อยก็เอาไว้รับแขกได้”

“ท่านหญิง Olivia ผู้เลื่องลือและทรงอำนาจ... อ... เอาไว้เมื่อมีโอกาสขอรับ” Feuer ตอบด้วยเสียงสั่นเครือ ก่อนที่จะหยุดกลืนน้ำลายและพูดต่อ “แต่อีกสิ่งที่ท่านน่าจะสนใจ ก็คือพวกมนุษย์ได้รวบรวมสมาชิกมากขึ้นๆ... จนข้าเจอเข้ากับกลุ่มของนักเดินทางที่ไม่เคยเจอมาก่อน แต่ผู้ที่ทำตัวเหมือนผู้นำคือ Arlinn Kord ข-”

“ยัยหมาพันธุ์ทาง” Olivia ขัดขึ้นมา

“ใช่ขอรับ” Feuer เล่าต่อ “เธอกำลังเดินทางตามหาสิ่งของ พร้อมกับผู้หญิงที่มีหัวลุกเป็นไฟคอยตื้อจะขอดูกุญแจที่เรียกว่า Moonsilver Key... ซึ่งทำให้ข้าเชื่อว่าพวกเขาได้สิ่งนั้นมาแล้ว”

ฮะ... ไอ้กุญแจโบราณอันนั้นนั่นเอง... นี่พวกมนุษย์สิ้นไร้ไม้ต่อขนาดต้องไปตามหาอะไรแบบนั้นแล้วเหรอเนี่ย? Olivia ลุกขึ้นนั่งก่อนที่จะพูดต่อ “มันเรียกว่า Harvesttide ใช่มั้ย?”

“ใช่ขอรับ... ข้าควรจะคุยกับหน่วยสกัดหรือไม่ขอรับ”

Olivia เอามือมาแตะปากของเธอ ที่ยังคงมีหน้ากากผิวหนังของหญิงบริสุทธิ์อยู่ “ไม่ต้องหรอก ปล่อยพวกมันไป”

“แต่ว่าท่านหญิง Olivia ขอรั-”

“ท่านหญิง Olivia ผู้เลื่องลือและทรงอำนาจ” Olivia ขัดขึ้นมา เพื่อให้ตำแหน่งของเธอถูกต้อง “นี่ Feure ถ้าเจ้าเจอใครกำลังแย่งกลุ่มเป้าหมายของเจ้า แล้วเจ้าจะทำอย่างไร”

Feuer ลังเลเล็กน้อย ก่อนที่จะให้คำตอบ “เอ่อ... ข้าก็คงสังหารคนที่แย่งเป้าหมายของข้าขอรับ”

“นั่นก็ใช่ แต่ข้าหมายถึง เจ้าจะลงมือสังหารมันเมื่อไหร่” Olivia ถามต่อ

“ทันทีเลยขอรับ” Feuer ตอบ “ไม่เช่นนั้นถือว่าเป็นการปล่อยให้มันดูถูกกัน”

Olivia หัวเราะร่วนออกมา “เจ้าคิดสั้นเกินไปนะเด็กน้อย” Olivia ลอกหน้ากากผิวหนังออกจากใบหน้าของเธอ คราบเลือดถูกดูดซึมเข้าใต้ผิวของเธอ

“อย่าไปขัดคนที่กำลังช่วยเจ้าทำงานอยู่สิ”

 

- ความหวังแห่งตะวัน -

 

ท่ามกลางเหล่าผู้ร่วมงานเทศกาลทั้งหลาย พวกเขาต่างมีเป้าประสงค์เดียวกัน, Innistrad จะผ่านพ้นช่วงเวลาอันโหดร้ายนี้ไปได้

ผู้คนมากมายที่หลั่งไหลเข้ามา ไม่ว่าจะจากตีนเขาของ Kessig, จากดินแดนที่ราบลุ่ม ของ Gavony, จากเมืองท่าเรือและอุโมงค์อันซับซ้อนของ Nephalia หรือจากเทือกเขาที่ไร้แสงสาดส่องของ Stensia

พวกเขาต่างเดินทางพร้อมกับเทียนไขนำทาง และเสบียงต่างๆ เพื่อมาอยู่ใต้ร่ม Celetus ที่ไม่เคยขยับเขยื้อนไปไหน

 

Innistrad จะผ่านพ้นช่วงเวลาอันโหดร้ายนี้ไปได้... นี่จะไม่ใช่จุดจบของ Innistrad

 

“อยากได้รูปอะไรดีจ๊ะ?” หญิงคนหนึ่งพร้อมกับมีดแกะสลัก และฟักทองลูกโตในมือ ถามกับเด็กๆ ที่ล้อมรอบตัวเธอ

ดวงอาทิตย์! พระอาทิตย์! เสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กๆ บ่งบอกสิ่งที่พวกเขาอยากได้ ก่อนที่ช่างแกะสลักคนนี้ จะเริ่มบรรเลงฝีมือการแกะสลักของเธอ

ใส้ของฟักทองถูกควักออกไปก่อนหน้านี้แล้ว ในขณะที่มือของเธอขยับด้วยท่วงท่าที่สง่างาม เธอก็อธิบายถึงความสำคัญของการเตรียมตัวเพื่อเทศกาลไปพลาง และสอดแทรกข้อคิดในการใช้ชีวิตให้กับเด็กๆ ฟัง

รัศมีเจิดจรัส และดวงอาทิตย์ได้ปรากฏบนผิวของฟักทอง เศษของมันร่วงหล่นลงบนพื้นที่มีน้ำค้างแข็ง เขียนไขที่ส่องแสงประกายอยู่เหนือหัวถูกเรียกจากช่างแกะสลัก (ที่ยังเป็นแม่มดอีกด้วย) ลงมายังใจกลางของฟักทองลูกนั้น

“อธิฐานได้เลย” ช่างแกะสลักคนนั้นบอกกับเด็กน้อย “อยากได้อะไร ก็ขอได้เลยนะลูก”

เด็กน้อยคนนั้นหลับตาลง อธิฐานของให้อาทิตย์ขึ้นค้างฟ้า แต่เธอก็ไม่ได้พูดออกมา เพราะเขาว่ากันว่า ถ้าเราพูดคำอธิฐานของเรา มันจะไม่เป็นจริง

แม่มดคนนั้น บอกให้เด็กน้อยเตะไปที่น้ำตาเทียน ก่อนที่มันจะแปลงเป็นรูปพระอาทิตย์ และพระจันทร์ แม่มดยิ้มและส่งฟักทองให้เด็กน้อยคนนนั้น

“นี่จ๊ะ ดวงอาทิตย์ของเธอที่จะไม่ดับลง, สุขสรรค์เทศกาล Harvesttide จ้า!”

แล้วหนูน้อยคนนั้นก็วิ่งออกไปอย่างมีความสุข พร้อมกับดวงอาทิตย์ส่วนตัวของเธอ... มันคงจะทำให้โลกใบนี้สว่างขึ้น ไม่มากก็น้อย

แม่มด Deidamia มองเด็กน้อยคนนั้น... และเธอก็ได้เหตุผลที่ Innistrad จะผ่านพ้นช่วงเวลาอันโหดร้ายนี้ไปได้... นี่จะไม่ใช่จุดจบของ Innistrad

Katilda ก็เช่นกัน เธอเชื่อว่ามันจะไม่ใช่จุดจบของ Innistrad

และเมื่อ Deidamia มองขึ้นไปที่ Celestus, เธอก็คาดหวังให้สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องจริง... ให้ประกายของความหวังยังคงส่องแสงเหมือนกับเทียนไขที่ล่องลอยอยู่ในท้องฟ้าเวลานี้

แม้เทียนเหล่านั้นจะเพียงช่วยให้เด็กๆ เพลิดเพลินในโมงยามเหล่านี้ก็ตาม

 


 

แสงอาทิตย์เริ่มคล้อยตกดิน เหล่าแม่มดเริ่มร่ำร้องเพลงเพื่อเทศกาลด้วยน้ำเสียงแปลกๆ ของพวกเธอ

ซุ้มถัดจาก Deidamia เป็นซุ้มของ Shana อีกแม่มดที่กำลังถือเหยือกเบียร์หมักเองรสเผ็ดร้อนอยู่ในมือ... ถ้าพระอาทิตย์ไม่กลับมา พวกเขาอาจจะต้องจากโลกนี้ไปในไม่กี่เดือน... แต่ตอนนี้ คงไม่มีอะไรทดทแนรสชาดของเบียร์หมักได้

Deidania พยักหน้าให้กับ Shana เธอร่ายมนต์พึมพัม ก่อนที่มันจะส่งให้แก้วเบียร์ลอยไปหา Deidamia

Deidamia จิบมัน แม้ว่าสายตาของ Shana จะอยากพูดคุย และเริ่มพิธีกรรมให้เร็วที่สุด

แต่ Katilda ก็ได้แจ้งให้เหล่าแม่มดของเธอทุกคนได้รับรู้ก่อนหน้าแล้ว...

พวกเธอต้องรอกุญแจ Moonsilver ในระหว่างนี้... คงทำได้แค่เฝ้าระวัง และให้เหล่าผู้ร่วมเทศกาลปลอดภัยมากที่สุด

Deidamia มองไปรอบๆ คอยตรวจสอบเวทย์ปกป้อง ไปพร้อมๆ กับคอยดูไม่ให้เด็กๆ หายไปจากสายตาของผู้ปกครอง

Shana ตะโกนแจ้งข่าวการกลับมาของเป้าหมาย

กลุ่มของ Arlinn ได้กลับมาแล้ว

เหล่านักดนตรีต่างเริ่มบรรเลงเพลงแห่งเกียรติยศเพื่อต้อนรับพวกเขา

ผู้คนต่างออกมาเพื่อรอพบกลุ่มของ Arlinn จน Deidamia ไม่สามารถมองเห็นได้ทั่วถึง ในตอนนี้เธอเห็นเพียงเปลวไฟพุ่งขึ้นมา... คงจะมีจอมเวทย์แห่งเพลิงอยู่ในกลุ่มของ Arlinn

หนุ่มน้อยที่กำลังยืนรอฟักทองแกะสลักของเขาอยู่ เร่งเร้าให้ Deidamia รีบแกะสลักพระอาทิตย์ให้กับเขาไวขึ้น

และทันทีที่เธอยื่นมันให้เด็กน้อยคนนั้น เขาก็ออกวิ่งอย่างว่องไวไปทางกลุ่มของ Arlinn ทันที

ตอนนี้ซุ้มแกะสลักของ Deidamia ที่เคยวุ่นวายก็เงียบเชียบลงทันที

ซุ้มของ Shana ก็เช่นกัน, Deidamia มองไปยังกลุ่มของ Arlinn ก่อนที่จะเดินไปยังซุ้มของ Shana เพื่อเติมเบียร์สำหรับการเฉลิมฉลองในค่ำคืนนี้

กลิ่นของเบียร์ และแอปเปิลอ่อนๆ โชยขึ้นมาเมื่อมันถูกรินออกมาจากเหยือก ก่อนที่ Deidamia จะรับรู้ถึงม่านพลังเวทย์ที่ถูกรบกวน...

 

และเสียงเห่าหอนก็ขานรับสิ่งนั้น...

 

- บุกรุก -

 

อาจจะเป็นกลิ่นของแอปเปิล, อาจจะเป็นเพราะเครื่องเทศมากมาย, อาจะเป็นเพราะกลิ่นของฟักทอง หรืออาจจะเพราะผู้คนมากมายที่มารวมตัวใต้ Celestus

ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไรก็ตาม มันต่างส่งผลให้ Arlinn ไม่ได้กลิ่นของผู้รุกราน

และกว่าที่พวกเขาจะรู้ตัวว่าม่านป้องกันพลังของพวกเขาถูกรบกวน หมอผีของเหล่าหมาป่า พร้อมเสียงเห่าหอนก็ได้มาเยือนถึงหน้าประตูแล้ว

เสียงโห่ร้องเพื่อต้อนรับเหล่าวีรบุรุษ และวีรสตรี ได้กลายเป็นเสียงกรีดร้องของความหวาดกลัวมาแทนที่

เด็กน้อยทั้งหลายต่างวิ่งกลับไปหาอ้อมกอดของแม่

เหล่าแม่มดตะโกนร้องเรียกผู้คน พร้อมกับสวมหน้ากากแปลกๆ ที่ทำจากไม้ และกระดูก พวกนางคอยจัดแจงพาผู้คนให้ไปยังอีกฝั่งของ Celestus

ผู้ร่วมเทศกาลต่างหลั่งไหลไปยังอีกฝั่งราวกับฝูงปลาที่กำลังว่ายน้ำหนีอวน

บ้างก็กระโดดข้ามโต๊ะ และทำลายซุ้มที่เคยจัดแจงไว้อย่างเป็นระเบียบ ฟักทองถูกเหยียบเละแหลกอยู่กับพื้น ไวน์และน้ำหมักดองในขวดที่แตกเต็มพื้น ได้ฉาบให้พื้นมันเปลี่ยนไปเป็นสีเลือด...

แต่ก็ไม่มีใครใส่ใจมันหรอก เมื่อในเวลานี้ฝูงหมาป่าได้มาถึงแล้ว

 

ในตอนนี้ Arlinn รับรู้ถึงผู้บุกรุกแล้ว พวกหมอผีของหมาป่าเฝ้ารออยู่บนต้นไม้ด้วยผ้าคลุมขนสัตว์ ถูกย้อมด้วยประสบการณ์ในการออกล่านับครั้งไม่ถ้วน พร้อมกับแสงเรืองสีแดงจากเวทย์มนต์ที่ใช้เพื่อเปิดม่านพลัง

เหล่าหมาป่าอีกมากมายบ้างก็ซุ่มรออยู่บนต้นไม้ บ้างก็วิ่งวนไปมาที่หน้าประตู พร้อมจะบุกโจมตีทุกเมื่อ

 

Arlinn เห็นพวกมันทุกตัว และปริมาณก็คงไม่ต่ำกว่าร้อยตัวแน่ๆ...

ซึ่งมันอดทำให้เธออึดอัดในหัวใจไม่ได้

 

Arlinn” Kaya เรียกชื่อเธอ “เรื่องใหญ่แล้วใช่มั้ยล่ะ?”

“ไม่หรอก... ถ้าเราปกป้องพวกมนุษย์ไว้ได้” Arlinn ตอบ... แต่ด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าและไร้ความมั่นใจ... ไม่ใช่ว่าการจะเป็นผู้นำมันต้องเข้มแข็งมากกว่านี้หรอกเหรอ Kaya เอากุญแจไป... ส่งมันให้ถึงมือ Katilda ซะ”

“รับทราบ” ทันทีที่ Teferi ส่งกุญแจให้กับ Kaya เธอก็เปลี่ยนไปเป็นสภาวะไร้สสารและหายไปในหมอกแห่งความวุ่นวายทันที

Arlinn รู้สึกจุกอยู่ในลำคอ แต่เธอก็ไม่มีเวลาจะใส่ใจมัน ในตอนนี้มนุษย์หมาป่าที่ร่างใหญ่ไม่ต่างจากหอคอยได้ยืนตระหง่านอยู่หน้าม่านพลังแล้ว

มันต่อยหมัดอันมโหฬารของมันมาที่ม่านพลัง

 

เปรี๊ยะ!

 

Arlinn ไม่สามารถละสายตาไปจากฝูงหมาป่าที่เตรียมพร้อมจะเข้าโจมตี โดยเฉพาะเหล่าหมาป่าแท้ๆ ที่เธอไม่อยากจะเห็นฝูงหมาป่าที่เธอคุ้นเคย... ยิ่งเธอคิดถึงมันมากเท่าไหร่ จะยิ่งทำให้เธอเป็นกังวลไปเสียเปล่าๆ

Chandra, Adeline-” Arlinn เรียกก่อนที่จะโดนตัดบท

“ไม่ต้องบอกหรอกเจ๊” Chandra สวนกลับทันควัน

Arlinn มองไปก็พบว่า Adeline อยู่บนหลังม้าของเธอ และยื่นมือมารับ Chandra ขึ้นหลังม้า

ทั้งคู่พร้อมที่จะออกประจันกับเหล่ามนุษย์หมาป่าเต็มที่แล้ว

 


Adeline, Resplendent Cathar
 

สิ่งที่ขับเคลื่อน Arlinn ในตอนนี้คือเป้าหมายสู่การเป็นผู้พิทักษ์ และผู้นำทาง... สิ่งที่ติดอยู่ในใจของเธอมายาวนาน... มันคงไม่มีช่วงเวลาไหนที่เหมาะสมไปมากกว่านี้แล้ว

แต่ทำไม... อะไรคือสิ่งที่คอยฉุดรั้งเธอเอาไว้.... เหตุใดที่ปีศาจในตัวของเธอถึงยากจะควบคุมนัก...

ก่อนที่สายตาของเธอจะสะดุดเข้ากับคำตอบนั้น...

Tovolar อยู่ที่นี่

 

เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!

 

เสียงลั่นของม่านเวทย์มนต์ที่ถูกทำลายลงจากเหนือหัว มันแตกกระจายเหมือนกับกระจกร่วงหล่นลงมา, Arlinn มองขึ้นไปในชุดชุ่มเลือดของเธอ และน้ำตาไหลอาบแก้ม...

 

ราวกับคลื่นยักษ์กระทบหินที่เมืองท่าแห่ง Nephalia, ฝูงหมาป่ากระโดดเข้ามาจากช่องว่างของม่านเวทย์มนต์ที่ถูกทำลายลง

พวกมันพุ่งเข้าหาเป้าหมาย... เหล่าผู้เข้าร่วมงานเทศกาล

เลือดพุ่งกระจายในอากาศ, เสียงของกระดูกที่ถูกบดขยี้ใต้คมเขี้ยวที่เปลี่ยนความหมายให้กลายเป็นความตาย, เสียงเห่าหอนที่ขานรับกัน ส่งให้ Arlinn ยิ่งรู้สึกเกลียดความกระหายเลือดที่ก่อตัวขึ้นมา

“Arlinn”

เสียงเลือดที่สูบฉีดในหูของเธอทำให้เธอแทบจะไม่ได้ยินเสียงของ Teferi ที่ยืนอยู่ข้างๆ, แต่มือของเขาที่บีบไหล่ของเธอกลับช่วยดึงเธออกมาจากภวังค์

“Teferi- ฉันต้อง- มีคนที่ต้อง-”

“ผมรู้แล้ว” Teferi ตอบ... แม้จะมีความกังวลอยู่ในน้ำเสียงของเขา แต่มันกลับเต็มไปด้วยความกล้าหาญที่ส่งผ่านมาให้ Arlinn “ผมกำลังจะบอกว่า ผมยังติดหนี้การชมดวงอาทิตย์ตกดินกับคุณอยู่นะ”

 

Arlinn หรี่ตาลง เธอไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่ Teferi พูดเท่าใดนัก

แต่ Teferi ก็เอาคฑาของเขาปักที่พื้น และเพียงเท่านั้นก็ทำให้ Arlinn ยิ้มออกมา... เธอเข้าใจความกล้าหาญ และมั่นใจในน้ำเสียงที่ซ่อนอยู่แล้ว

“เหล่าแม่มดแห่ง Dawnheart Coven!” Teferi เปล่งวาจาออกมาสุดเสียง “เริ่มพิธีได้เลย!”

Teferi เอาคฑากระแทกลงที่พื้น คลื่นพลังส่งออกจากจุดศุนย์กลาง กล้ามเนื้อของเขาเขม็งเกร็งด้วยพลังที่เขาใช้...

และ Arlinn ก็รู้ดี ว่าเธอจะปล่อยให้ช่วงเวลาก่อนตะวันตกดินในครั้งนี้ ที่จะยาวนานเป็นพิเศษนั้นศูนย์เปล่าไม่ได้

เพราะความฝันของ Arlinn จะดับลง ในวินาทีที่แสงอาทิตย์สุดท้ายลับลงจากเส้นขอบฟ้าของ Innistrad

เธอต้องทำทุกอย่าง เท่าที่เธอจะทำได้

 

- ตั้งรับ -

 

Adeline ถือเป็นคนที่เกิดมาเพื่อเป็นผู้นำ

เพียงแค่เธอวิ่งไปยังแนวรับของเหล่าทหารศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาก็รับคำสั่งของเธอราวกับการหายใจเข้าออก

หอกของเหล่าทหารศักดิ์สิทธิ์โจมตีเข้ากลางอกของพวกมนุษย์หมาป่าที่อาจหาญจะโจมตี

และเมื่อเธอสั่งให้ป้องกัน โล่ของพวกเขาก็พร้อมจะปกป้องเหล่าผู้ร่วมเทศกาลให้ปลอดภัย

 

ในขณะที่ Tovolar ไม่แม้แต่จะออกคำสั่งใดๆ และ Arlinn ก็รู้ดี

เขาเพียงปล่อยให้สัญชาตญาณดิบในจิตใต้สำนึกของคุณล่องลอยไป ไม่ต้องมีกฎเกณฑ์ใดๆ แค่ปล่อยไปตามธรรมชาติ... หลายๆ คนคิดว่า Tovolar ไม่พูดกับใครเพราะเขาเป็นใบ้ แต่แท้จริงแล้ว Tovolar แค่เชื่อในสัญชาตญานเหนือสิ่งอื่นใดก็เท่านั้นเอง

และสัญชาตญาณก็พาให้ทุกสิ่งมาถึงตรงนี้...

 

ท่ามกลางเสียงออกคำสั่งของ Adeline

ท่ามกลางเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำจากเวทย์มนต์ของ Chandra

และท่ามกลางแสงสีทองของดวงตะวันที่ควรจะลับฟ้าไปแล้ว...

หากไร้ซึ่งสิ่งเหล่านี้ มนุษย์คงไร้ซึ่งทางต่อกร

เพราะแม้ในร่างของมนุษย์ เหล่ามนุษย์หมาป่าจากฝูง The Dire ยังคงมีพละกำลังเหนือมนุษย์ทั่วๆ ไปเกินจะเปรียบเทียบ

ร่างกายที่บึกบึนกว่าช่างตีดาบคนไหนๆ เพียงแค่ใช้อาวุธง่ายๆ ทุบไปที่โล่ของเหล่าทหารศักดิ์สิทธิ์ ก็ส่งพวกเขาลงไปล้มจ้ำเบ้าอยู่ที่พื้นได้อย่างง่ายดาย

และมันก็ทุบ ทุบ ทุบ ไม่หยุด ทหารคนนั้นทำได้แค่หดตัวให้อยู่หลังโล่ของตัวเองให้ได้มากที่สุด

 

Arlinn นึกถึงวันวาน ที่หมู่บ้านของเธอมักจะมีพ่อค้าจากต่างถิ่นนำสินค้าเข้ามาแลกเปลี่ยนอยู่เสมอๆ

หนึ่งในสินค้าที่ทำให้หนูน้อย Arlinn ประทับใจคือโคมไฟกระดาษฉลุ

เมื่อเราหมุนมัน จะปรากฏเงาของทหารศักดิ์สิทธิ์กำลังขี่ม้าเคลื่อนที่ไปมา และแม้ Arlinn จะปรารถนามันมากแค่ไหน แต่เธอก็รู้ดีว่าพ่อแม่ของเธอไม่ได้ร่ำรวยขนาดจะเอาเงินมาซื้อของอะไรแบบนี้

 

มนุษย์หมาป่าที่กำลังเงื้อค้อนของมันขึ้นเหนือหัว แต่ก็ไม่ได้ทุบลงมา มันชะงักงันเหมือนกับโคมไฟฉลุทหารศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ได้ทำงาน

และเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก็เพียงพอที่ทำให้ทหารคนนั้น พลิกตัวออกมาจากเงื้อมมือปิศาจตนนี้... Teferi นั่นเอง ที่หยุดการเคลื่อนไหวของมนุษย์หมาป่าตัวนี้ไว้

 


 

Arlinn ส่งสัญญาณเรียกฝูงหมาป่าของเธอด้วยความเคยชิน แต่ก็ไร้เสียงตอบรับ... เธอรู้ดีว่าพวกมันปล่อยไปตามสัญชาตญานของตนเอง

และเธอก็รู้ดี ว่าเธอเลือกที่จะยืนหยัดเพื่อมนุษย์

 

Arlinn หยิบคฑาของทหารที่ตกอยู่ขึ้นมา ก่อนที่จะพุ่งใส่เจ้ามนุษย์หมาป่าฝูง The Dire

ก้อนกล้ามเนื้อมันอาจจะมอบพลังได้มากเกินคนานับ แต่ข้อต่อก็ยังคงเป็นจุดอ่อนอยู่ดี

เจ้าปีศาจหมาป่ากำลังง่วนกับการไล่ล่าเหยื่อของมันจนไม่ทันระวังคฑาของ Arlinn ที่ซัดเข้าตรงข้อพับขา

เสียงหอนอันโหยหวน และกระดูกที่ดังลั่นคือรางวัลของการโจมตีครั้งนี้

เจ้าปีศาจเสียหลัก และยืนโงนเงน เหล่าทหารศักดิ์สิทธิ์วิ่งเข้ามาจากด้านหลัง

“ฮะ... เจ้าคนโปรดของ Tovolar มนุษย์หมาป่าพูดขึ้นด้วยเขี้ยวที่เริ่มโง้งยาวออกมาผิดมนุษย์ไปแล้ว... พวกมันกำลังจะกลายร่างไปเป็นหมาป่าเต็มตัว

“แกไม่ได้รู้จักฉัน” Arlinn ตอบ และยกคฑาของเธอขึ้น “ออกไปซะ นี่ไม่ใช่ศึกที่พวกแกจะชนะ”

แต่ปีศาจหมาป่ากลับหัวเราะร่วนออกมา มันไม่ได้ระวังคมดาบของเหล่าทหารศักดิ์สิทธิ์ที่วิ่งเข้ามาเสริมกำลังเลยแม้แต่น้อย

แผลแรกที่ขาของมันไม่ได้ทำให้มันขยับเลยด้วยซ้ำ แต่แผลที่สอง เมื่อมันซ้ำไปที่หัวเข่าข้างที่บาดเจ็บอยู่ ก็ทำให้มันทรุดตัวนั่งลง ก่อนที่จะถูกแทงเข้าที่ซี่โครง

แต่มันก็ไวพอที่จะเอื้อมมือไปคว้าเอาทหารคนหนึ่งมาได้ทัน Arlinn ไม่รอช้า เธอฟาดคฑาของเธอลงไปสุดแรง และเสียงของกระดูกก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง...

 

เลือดชุ่มไปทั้งมือของ Arlinn เธอพึมพัมบทสวดส่งให้ไปสู่สุขคติ เหล่าทหารศักดิ์สิทธิ์ขอบคุณเธอเข้ามาขอบคุณเธอ... แต่ในใจเธอ กลับไม่รู้สึกว่าเธอได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย...

มันไม่มีอะไรที่ถูกต้องเลย

คนโปรดของ Tovolar งั้นเหรอ?

Arlinn วิ่งเข้าประจัญบานในแนวหน้า...

เธอออกวิ่งเพราะที่ปีศาจตัวนั้นพูดมันไม่ใช่เรื่องจริง... คนโปรดของ Tovolar งั้นเหรอ?

มันจะเป็นไปได้ยังไง?... 2 ปีภายใต้การสั่งสอนของ Tovolar และจบลงด้วยการฝากแผลเป็นไว้กับเขา ก่อนที่ Arlinn จะหนีออกมากลางดึก

Arlinn หนีจากความทรงจำในคืนนั้น... แต่ความทรงจำคือนักล่าชั้นพระกาฬ เลือดที่อยู่ใต้เท้าของเธอก็ทำให้เธอหวนคิดถึงคืนนั้น

เสียงกรีดร้องของผู้ร่วมเทศกาล ก็ย้อนให้เธอนึกถึงเสียงของชาว Kessig... และคราบเลือดในมือของเธอก็ไม่เคยจางหายไป

 

“เราเป็นอะไรที่ดีขึ้นมากกว่านี้ได้มั้ย?” Arlinn ถาม Tovolar

แต่นี้แหละ สิ่งที่เป็นอยู่นี่แหละ คือสิ่งที่ Tovolar เห็นว่าดีที่สุดแล้ว... มันไม่มีอะไรมากไปกว่านี้... เลือดที่ชุ่มพื้น, รสของเนื้อสดๆ และกลิ่นของความกลัว

 

ร่างของผู้ร่วมเทศกาลที่นอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น ไม่ต่างจากภาพของชาว Kessig ในอดีต

และ Tovolar ผู้ยืนตะหง่านอยู่ท่ามกลางความวุ่นวาย... เขายืนนิ่งด้วยแววตาที่ลุกโชนกว่าเปลวเพลิงที่กำลังแผดเผาป่า และจ้องมองมาที่ Arlinn

Tovolar!” Arlinn ตะโกน “หยุดเรื่องนี้ซะ!”

Tovolar ยิ้มมุมปาก และส่ายหัว “ไม่”

 

Arlinn เดินเข้าหา Tovolar พร้อมกับคฑาในมือของเธอ

ดาบศักดิ์สิทธิ์ของทหารที่ตัดผ่านคอของมนุษย์หมาป่า, เหล่าแม่มดที่ใช้เวทย์มนต์ของเธอเพื่อปกป้องภัยร้าย และเปลวเพลิงของ Chandra ที่สาดแสงให้ทุกอย่างกลายเป็นสีอมส้ม

“ตะวันจะตกดินแล้วนะ Arlinn, ยังพอมีเวลาที่จะเปลี่ยนฝั่งนะ” Tovolar พูดขึ้น เขาไม่ได้เห็นอาวุธในมือของ Arlinn... หรือไม่ เขาก็ไม่ได้สนใจมันด้วยซ้ำ

 

 

แต่เขาก็ไม่ควรจะประมาทเธอ

Arlinn เหวี่ยงคฑาในมือของเธอพร้อมกับส่งเสียงคำราม

ทว่า Tovolar ก็หยุดมันเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว

“ทำไมฉันต้องย้ายฝั่งเล่า?” Arlinn คำรามพร้อมกับเพิ่มแรงที่ส่งไปยังคฑาของเธอ... แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ Tovolar ออกอาการใดๆ

“ก็เคยทำมาแล้วนี่” Tovolar ตอบ “และฝ่ายนี้ ก็คือที่ของเธอ” เขาผลักคฑาของ Arlinn ออกไป เธอเสียหลักเล็กน้อย

“อย่ามาตัดสินว่าฉันควรจะอยู่ตรงไหน!” Arlinn เหวี่ยงคฑาของเธออีกครั้ง แต่คราวนี้ Tovolar จับที่ก้านของมัน ทำให้คฑานั้นหักทันที

ดวงอาทิตย์กำลังจะลาลับฟ้า และ Teferi ก็ไม่สามารถจะยืดเวลาไปมากกว่านี้ได้แล้ว

ตาประสานตา ต่างฝ่ายต่างจ้องมาที่กันและกัน

“พวกหมาป่าต่างชอบเธอ ก็เพราะว่ามันคิดว่าเธอชอบพวกมัน” Tovolar พูดขึ้น “แต่ฉันรู้ ว่าเธอไม่ได้รักพวกมัน”

“นายไม่ได้รู้จักฉัน” Arlinn ตอบกลับ

ครานี้ เป็น Tovolar ที่โจมตี Arlinn ด้วยกรงเล็บของเขา Arlinn หลบการโจมตีนั้นได้ แต่มันยิ่งทำให้เธอใกล้เขามากขึ้น ใกล้จนมองเห็นรอยแผลเป็นยาวจากหัวไหล่ของเขายาวลงมาถึงเอว “แน่ใจแล้วเหรอ?” Tovolar ถามต่อ

“แน่สิ” ก่อนที่ Arlinn จะเหวี่ยงหมัดของเธอไปที่ปลายคางของ Tovolar

แรงสะท้อนมาที่แขนของเธอ มันดูรุนแรงกว่าความเสียหายบนใบหน้าที่ถูกหมัดนั้นกระแทกไปมาก

แต่ Arlinn ก็ไม่ได้หยุดหมัดของเธอ จนทำให้ Tovolar ถอยไปได้ “หยุดเรื่องลงนี้ซะ ยังมีเวลาอยู่”

เลือดที่ไหลซึมออกมาตามฟันของ Tovolar เขาถุยมันลงที่พื้น “ตลกแล้วล่ะ”

“ไม่!” Arlinn ตอบ “หยุด The Dire ซะ, ให้พวกมนุษย์จบพิธีกรรมของพวกเขา แกจะเอาล่ายามราตรีก็ล่าไป แต่ปล่อยให้มนุษย์ได้ใช้ชีวิตของพวกเขา”

“แล้วพวกมันจะทำยังไง?”

“พวกเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อไป” Arlinn ตอบ “นั่นแหละ คือสิ่งที่จำเป็นที่สุด”

Tovolar เข้าโจมตี Arlinn อีกครั้ง

เธอรับหมัดของเขาด้วยมือทั้งสองข้าง กล้ามเนื้อของเธอตอบรับการโจมตีนั้นได้  แต่ส้นเท้าของเธอจมลงไปในดินแล้ว

“แกมาได้แค่นี้แหละ ฝูงของแกรู้ดี... มันคือพวกเรา ที่จะต้องปะทะกับมนุษย์... มันเป็นแบบนี้มาตลอด”

เสียงหอนขานรับที่ทำให้ Arlinn ต้องเจ็บปวดหัวใจดังขึ้นมา แม้เธอจะรู้ดีว่าการหลบตาจาก Tovolar เป็นเรื่องอันตรายมากขนาดไหน แต่ความรู้สึกที่เธอมีตอนนี้ มันก็แย่มากพอแล้ว

Arlinn หลับตาลง เธอไม่อาจให้อะไรมารบกวนเป้าหมายของเธอได้

เธอเอาหัวพุ่งชน Tovolar อย่างจัง ก่อนที่จะเหวี่ยงหมัดตามไปทันที

แต่สัมผัสที่สะท้อนกลับมา ยิ่งทำให้ Arlinn จมดิ่งสู่ความหวาดหวั่นยิ่งขึ้น... ปากของ Tovolar ที่เริ่มยาวขึ้น เขี้ยวที่โง้งยาวกว่าเดิม... เวลาของเธอกำลังจะหมดลงแล้ว

“ช่วยเจ๊ Arlinn หน่อย!” Chandra ตะโกนออกมา

แม้เสียงของเธอจะได้ยินไปทั่วบริเวณ แต่มันก็ไร้ซึ่งการตอบกลับ... สิ่งเดียวที่ Arlinn จะทำได้ในตอนนี้ก็คือการตะโกนกลับไป

“ฉันยังไหว ช่วยปกป้องทุกๆ คนด้วย!”

 

- หมดเวลา -

 

ร่างของ Tovolar สูงขึ้น สูงขึ้น

ปีศาจในตัวของ Arlinn เริ่มกรีดร้อง ฟันของเธออยากจะงอกยาวออกมา แขนของเธอสั่นไปด้วยพลังงานที่อัดแน่น และรอจะปลดปล่อยมันออกมาในขณะที่เธอควานหาอาวุธชิ้นใหม่

ดาบของทหารที่ถูกสังหาร ได้มาอยู่ในมือของ Arlinn และเธอทำได้แค่สวดส่งให้เขาไปสู่สุขคติ

เธอกดแรงปรารถนาของปีศาจเอาไว้ได้... ตอนนี้ เธอต้องเอาชีวิตให้รอดก่อน

Tovolar กระโจนเข้าโจมตี Arlinn ด้วยแรงสัญชาตญาน และกรงเล็บที่ตวัดด้วยความพึงพอใจของเขา

แต่ Arlinn ก็ยังคงปัดป้องด้วยดาบของเธอได้ แต่ความเร็วของ Tovolar จะทำให้ Arlinn ไม่สามารถทำอะไรนอกจากป้องกันตัวไปเรื่อยๆ ก็ตาม

ซึ่งมันก็อยู่แบบนั้นได้ไม่นานนัก เมื่อ Arlinn สะดุดเข้ากับร่างอันไร้วิญญาณของทหารนายหนึ่ง

เธอเสียหลักล้มลง และกรงเล็บของ Tovolar ก็ตวัดเปิดแผลที่ใบหน้าของเธอ

กลิ่นของเลือดกลบความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น จมูกของเธอบอกรสชาดของทองแดง และผลักดันสัญชาตญานดิบให้ตื่นขึ้น

แต่ก็ไม่... เธอยังควบคุมมันไว้ได้

“แกคือหมาป่า” Tovolar พูดด้วยสำเนียงที่เริ่มฟังไม่ได้ศัพท์ เพราะรูปปากที่กลายร่างไปแล้ว “เลิกพยายามโกหกตัวเองซะที”

“ฉันไม่เคยบอกว่าฉันไม่ใช่หมาป่า” Arlinn ตอบ และ Tovolar ก็กระโจมเข้าหาเธออีกครั้ง ซึ่ง Arlinn ก็หลบฉากไปได้อย่างหวุดหวิด

“ปลดปล่อยมันออกมาซะ” Tovolar กระตุ้นเธอ

แผลเป็นบนร่างของ Tovolar ยิ่งปรากฏชัดขึ้น เมื่อมันขยายไปตามขนาดตัวของเขา

 

แผลเป็นที่ย้อนให้ Arlinn นึกถึงวันวาน... ในตอนที่ Tovolar บังคับให้เธอสังหารมนุษย์ลง เพื่อพิสูจน์ความเป็นหมาป่า...

การปฏิเสธของ Arlinn ไม่ใช่เรื่องยากเลย แค่เธอโค่น Tovolar ลง... แค่สังหารเขา เธอก็จะขึ้นมาเป็นจ่าฝูง และเรื่องมันก็คงไม่วุ่นวายมาถึงทุกวันนี้

แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด... เมื่อสุดท้ายแล้ว เขาก็ไม่ตาย และเธอก็ไม่สามารถโค่นเขาลงได้

แผลเป็นบนร่างของเขา และแผลเป็นที่อยู่กับเธอ คือผลจากเหตุการณ์ในวันนั้น

ท่ามกลางการปะทะกันอย่างวุ่นวาย Arlinn รู้สึกได้ถึงเสียงกลองศึกในคืนวันนั้น... วันที่เธอลุกขึ้นมาต่อต้านเขา วันที่สมาชิกทั้งฝูงจับจ้องมาที่เธอ... วันที่จบลงด้วยการอยู่ตัวคนเดียว... วันที่เธอพิสูจน์ว่าเธอเลือกเส้นทางที่ถูกต้อง และเขากลายเป็นผู้หลงทาง

 

 

แขนของ Arlinn สั่นเทิ้ม ความอ่อนล้าของกล้ามเนื้อก็เป็นเหตุหนึ่ง เธอใช้มืออีกข้างบีบมันไว้ เธอเริ่มพึมพัมสวดขอพร... ถ้าสิ่งที่เธอจะทำต่อไปนี้- ถ้ามันจะชี้ทางสว่างให้กับ Tovolar... ไม่ เธอไม่สามารถปลดปล่อยปีศาจในตัวเธอได้

“ยอมซะเถอะ ปลดปล่อยมันออกมา จะรออะไรอยู่”

“เพราะ- เพราะว่า...”

ไร้ซึ่งคำพูดใดๆ ตามออกมา จากปากของ Arlinn มีเพียงเสียงหอนที่ขานรับกันเป็นทอดๆ : ออกล่ากับพวกเราเถอะ เราเป็นพวกเดียวกัน

เสียงเพรียกจากร่างกายของเธอ เสียงของอิสระที่เธอรู้จักมันดี

Arlinn หลับตาลง สัมผัสทั้งหลายหลั่งไหลเข้ามา ก่อนที่เธอจะลืมตาขึ้นมา และพบกับฝูงหมาป่า ที่เดินเข้ามาหาเธอ...

Streak, Patience, Redtooth และ Boulder... พวกมันจ้องมอง และ แยกเขี้ยวใส่เธอ

มีเพียง Patience เท่านั้น ที่เดินเข้ามาหาเธอ... มันเอาหัวของมันมาชนเข้ากับขาของ Arlinn งับกระตุกขากางเกงของเธอ และมองมาด้วยสายตาอ้อนวอน: มากับพวกเราเถอะ... มาออกล่าไปด้วยกัน

 

Arlinn ยอมให้ Tovolar ในร่างหมาป่าฉีกร่างของเธอให้ขาดครึ่งยังจะเจ็บปวดหัวใจน้อยกว่านี้เสียอีก...

เธอไร้ซึ่งหนทางที่จะบอกกับฝูงเก่าของเธอ ว่าเหล่ามนุษย์ที่คอยจ้องมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตรนั้น เป็นฝ่ายที่ดีกว่า... ดีกว่าฝูงหมาของ Tovolar ที่ออกล่าและเล่นสนุกด้วยกันในตอนนี้ คือหนทางแห่งความวิบัติ

Arlinn ยืนชะงักงันอยู่ตรงนั้น น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของเธอ... “ฉันทำไม่ได้” เธอสะอื้นออกมา

 

และแค่นั้นเอง ที่ Boulder ต้องการ

มันโถมเข้าชน Arlinn ด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มันมี

Arlinn กลิ้งไปตามแรงกระแทกนั้น อากาศถูกดันออกจากปอดของเธอไปพร้อมๆ กับเสียงหักของซี่โครง หน้าคว่ำอยู่ในกองโคลน กับเสียงฝีเท้าของหมาป่าของเธอ

ก่อนที่ Tovolar จะจิกผมเธอขึ้นมาจากโคลน

“มาทำให้เรื่องนี้จบสวยๆ เถอะ” Tovolar ตอบ “ไม่งั้นก็ตายอยู่ตรงนี้ไปซะ”

Tovolar คว้าคอของเธอไว้ เข่าของเขาดันหลังของเธอไว้... แค่จะหายใจยังถือเป็นความเสี่ยงในตอนนี้เลย

“เอา Arlinn ตัวจริงออกมาซะ... พวกเราอยากจะเห็นมัน!”

 

อยากได้แค่นี้งั้นเหรอ?

งั้นก็จะจัดให้...

แต่ไม่ใช่เพราะเขาร้องขอ ไม่ใช่เพราะฝูงหมาป่าของเธออยากจะเห็นมัน ไม่ใช่เพราะเธออยากจะพิสูจน์ตัวเอง

แต่เพราะ Tovolar พูดบางอย่างที่ถูกต้องออกมา... ในเมื่อเธอเป็นหมาป่าเหมือนกับเขา... และนี่ก็คงเป็นทางเดียวที่จะจบเรื่องทุกอย่างลงในวิถีแบบหมาป่า

จบด้วยเลือด คมเขี้ยว และกรงเล็บ

 

ดวงตะวันลับเส้นขอบฟ้า

สนธยาผันผ่านเป็นราตรี

และ Arlinn Kord ได้กลายร่างเป็นหมาป่าเต็มตัว

 

 

Magic Story By K. Arsenault Rivera