- สู่อาณาจักรแห่งมาร -

 

นี่คงเป็นครั้งแรกๆ ใน Kaldheim ที่ Kaya ไม่ต้องพะวงกับเรื่องภูมิอากาศอันหนาวเหน็บ...

เพราะในตอนนี้ อีกฝั่งของประตูที่ Tyvar เปิดไว้ มันส่งกระแสลมร้อนออกมาอย่างรุนแรง และภาพหลังประตูนั่น ก็เต็มไปด้วยเปลวไฟ กับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆควันสีดำทะมึน ประดับประดาไปด้วยสายฟ้าสีแดง และแสงเรืองรองสีส้มจากลาวาเบื้องล่าง... 

ทั้งคู่ก้าวผ่านประตูเดินทางของ Tyvar มาอยู่ที่ยอดผาหินแห่งหนึ่ง

ภาพที่ Kaya เห็นมันเป็นภาพที่น่าสะพรึง และบรรยากาศสุดแสนเลวร้าย... จนกระทั่ง Tyvar ขัดจังหวะขึ้นมา

 

“มาถึงจนได้... ข้าไม่นึกว่าเราจะเข้ามาที่นี่ได้” Tyvar พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“หา... ทำไมล่ะ” Kaya ที่งงๆ กับคำพูดของ Tyvar ตอบกลับ

“ก็เหล่าเทพได้ผนึกที่นี่เอาไว้ ครั้งเมื่อ Varragoth จอมอสูรของที่นี่หลุดออกไปในครั้งก่อน แล้วก็ไม่มีใครสนใจจะมาที่นี่ด้วย... หรือไม่งั้น ผนึกมันก็อาจจะเสื่อมลงเพราะเจ้า Tibalt นั่นล่ะมั้ง” Tyvar เล่าถึงเหตุผล

“ฉันว่า... มันเป็นเพราะดาบที่ Tibalt มีมากกว่า มันใช้เปิดประตูมิติระหว่างอาณาจักรได้เลยนะ” Kaya หาเหตุผลมาสนับสนุน

แล้ว Tyvar ก็ชี้ไปที่ด้านหลังของ Kaya

เธอรีบหันหลังไป เตรียมพร้อมมีดสั้นในซองที่เอว... ก่อนที่เธอจะพบว่า มันพังไปทั้งหมดตั้งแต่ตอนปะทะกับพวก Troll แล้ว...

แต่เมื่อ Kaya หันไป ก็พบว่า Tyvar แค่จะชี้ให้เธอเห็นภาพแกะสลักรูปลูกศรบนหิน มันส่องแสงราวกับมันร้อนจัดอยู่ ที่ปลายทางเบื้องล่าง เสมือนมันเป็นป้ายบอกทาง...

 

“ไอ้ Tibalt นี่มันยียวนใช้ได้เลยแฮะ” Kaya บ่นพึมพำ ในขณะที่ Tyvar กระโดดไถลตัวลงไปหารอยแกะสลักนั้นทันที... เขาลงไปจนถึงพื้นเบื้องล่าง เพื่อพบเส้นทางที่ถูกตัดขาดโดยเส้นสายของลาวา

“จะมาป่ะเนี้ยะ?” Tyvar หันกลับมาถาม Kaya

 

เธอค่อยๆ ตามเขาลงไป จนถึงพื้นเบื้องล่าง... ที่คงจะต้องกระโดดข้ามแผ่นหินไปยังอีกฝั่ง

แต่ดูเหมือน Tyvar จะมีความคิดที่ดีกว่านั้น

เขาบอกให้ Kaya รอก่อน พร้อมกับเอามือแตะที่พื้นเบื้องหน้าของเขา...

แขนของ Tyvar ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดำเหมือนกับพื้นที่เต็มไปด้วยเถ้าถ่าน เขาหลับตาลง และพื้นดินก็ค่อยๆ ขยับตัว มันถักทอสร้างตัวเองขึ้นมาเป็นสะพานได้อย่างสวยงาม

 


Varragoth, Bloodsky Sire
 

Tyvar ไม่เพียงเปลี่ยนพวก Troll ให้กลายเป็นหิน แต่เขายังสร้างสะพานจากแผ่นดินได้ด้วย เจ้าเด็กคนนี้เป็นนักแปรธาตุชัดๆ... แถมยังเป็น Planeswalker ที่ไม่รู้ตัวอีกต่างหาก Kaya คิดในใจ

ตอนที่พวกเขากำลังเปิดประตูที่ Gnottvold ฝ่าย Tyvar ก็ยังแสดงความมั่นอกมั่นใจจนเกินหน้าเกินตา... ถ้าโดยปกติแล้ว Kaya คงจะปล่อยให้ Tyvar ไปตายเอาดาบหน้าด้วยตัวเอง แต่เมื่อ Tyvar เป็น Planeswalker ที่ไม่ประสา Kaya จึงเลือกที่จะตามมาคอยช่วยดูเขาอยู่ห่างๆ... เพราะกับ Planeswalker ที่มีความสามารถมากมายขนาดนี้ การจะหลงมาโดน Tibalt ฆ่าทิ้งคงไม่ใช่เรื่องที่น่าอภิรมย์เท่าใดนัก

และนี่ก็คือหัวข้อบทสนทนาระหว่างการเดินเท้าของทั้งคู่

 

“สรุปคือ แต่ละ Plane ก็เหมือนกับ Realm ของที่นี่งั้นหรือ? มันเชื่อมผ่าน World Tree ที่ใหญ่กว่านี้งั้นหรือ?” Tyvar ถาม Kaya

“ก็... น่าจะประมาณนั้น เพียงแต่มันไม่ได้เชื่อมโยงกันแบบกิ่งก้านของต้นไม้แห่งโลกเหมือนที่นี่ มันเป็นเพียงช่องว่างทางอวกาศ ที่ไม่มีสัตว์จักรวาลมาอยู่เฝ้าอ่ะนะ” Kaya ตอบ ก่อนจะพูดต่อ
“การเดินทางระหว่าง Plane ก็ไม่มีเวทย์มนต์ หรือประตูมิติ แต่เราต้องเป็น Planeswalker เท่านั้น”

“การเป็น Planeswalker ก็ดูน่าสนใจดีนะ... แต่ว่า สำหรับข้าแล้วที่ Kaldheim ยังคงเต็มไปด้วยเรื่องราวที่เป็นปริศนาของแต่ละอาณาจักร และเกียรติยศ เรื่องเล่าของข้า... ที่คงหายไปตามกาลเวลา ถ้าข้าเลือกจะออกไปจากที่นี่” Tyvar ตอบ

... อืม... นั่นก็จริงของ Tyvar... ความน่าตื่นเต้นของการเป็น Planeswalker คือการเข้าสู่ Plane อื่นๆ พบกับเพื่อนใหม่, ศัตรูใหม่, สังคมใหม่ๆ... ก่อนที่จะพบว่าเรื่องตื่นเต้นเหล่านั้นก็กลายเป็นเรื่องที่สูบพลังชีวิตสุดๆ เมื่อเราไม่มีทางเลือกอีกต่อไป... Kaya คิดในใจ ก่อนที่จะตบบ่าของ Tyvar

“เธอเลือกไม่ได้หรอกไอ้หนู... เธอเป็น Planeswalker ไปแล้ว ถ้าถึงเวลาจำเป็น นายก็ต้องออกจากที่นี่ ไปแก้ปัญหาที่ Plane อื่นอยู่ดี และเมื่อเวลานั้นมาถึง นายก็ต้อง...” Kaya สะดุดกับคำพูดตัวเองไปพักหนึ่ง

“ต้องมีกฎของตัวเอง...” Kaya ผู้มีกฎของตัวเอง... อย่ายุ่งกับสิ่งที่ไม่จำเป็น ยกเว้นว่าภัยนั้นมาถึงตัว หรือเธอถูกจ้างให้ไปยุ่งกับมัน... เพราะเธอเคยพลาดใช้ความรู้สึกของเธอเข้าไปยุ่งกับงาน แล้วมันก็ส่งผลให้เรื่องต่างๆ มันวุ่นวายเกินกว่าที่ควรจะเป็น

“ข้ามีกฎของข้าเอง” Tyvar ขยับออกมาจากมือที่วางบนบ่าของเขา และชักสีหน้าไม่พอใจ “สิ่งเดียวกันกับที่นักรบ Skemfar ส่งต่อกันมารุ่นต่อรุ่น... ข้าไม่ต้องการคนแปลกหน้ามาสั่งสอนเรื่องพรรค์นี้หรอกนะ”

“ฉันแค่พยายามจะช่วยนาย” Kaya ที่มองเห็นตัวเองในอดีต ออกผจญภัยโดยไร้ผู้ชี้นำ... และเธอก็จบลงที่การเป็นทหารรับจ้าง... ขี้ขโมย... และฆาตกร... แน่นอนว่า Tibalt เองก็ไม่ได้ดีไปกว่าเธอ แต่คำพูดของมันในการปะทะกันเมื่อครั้งก่อน ทำให้เธอหวนกลับมานึกถึงสิ่งผิดพลาดที่เธอเคยผ่านมา

“ข้าไม่ใช้เด็กแบเบาะแล้ว เจ้าก็เห็นว่าข้าดูแลตัวเองได้สบายๆ” Tyvar พูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ก่อนที่จะเดินนำ Kaya ออกไป

ฉับพลันก็มีฉมวกอันหนึ่งพุ่งสวน Tyvar อย่างเฉียดฉิว ทั้งขนาดและน้ำหนักของมัน รุนแรงพอที่จะเจาะทะลุพื้นยางมะตอยของ Immersturm ได้สบายๆ

Tyvar ผู้คล่องแคล่วกลับยืนตกตะลึงในภัยที่เขาไม่ทันระวัง... เขาไม่ระวังแม้แต่ฉมวกอีกอัน... ที่วิถีของมันไม่พลาดเป้าแล้วในครั้งนี้

Kaya เข้ามาแตะตัวของ Tyvar และส่งพลังไร้สสารของเธอผ่านไปยังร่างของ Tyvar ได้ทันเวลา

ฉมวกอันนั้นพุ่งผ่านร่างของเขาไปอย่างไร้บาดแผล แต่ Tyvar ก็เสียหลักล้มไปจากความตกใจ

“ระวังขวา!” Kaya ตะโกนบอก Tyvar ให้เขากลับมาได้สติอีกครั้ง

 

ภาพที่เธอเห็นคือเรือยาวแบบเดียวกับที่ Omenseekers ใช้งาน... จะต่างก็ตรงที่ พื้นที่พวกมันเล่นอยู่ มันเป็นพื้นยางมะตอยที่ถูกตัวเรือแหวกให้เห็นลาวาด้านใต้ ใบเรือของมันเต็มไปด้วยไฟหาใช่ผ้าใบไม่ และมันกำลังพุ่งตรงมาที่พวกเธอ

“พวกมาร ระวังตัว” Tyvar บอก Kaya

 

และเมื่อเรือมันแล่นเข้ามาใกล้พอ Kaya ก็เห็น 3 ร่างอยู่บนเรือ ร่างที่มีขนาดใหญ่ที่สุด สยายปีกบินขึ้นฟ้า พร้อมๆ กับมืออีกข้างที่เงื้อฉมวกรอซัดเข้าสู่เป้าหมาย

แต่ในครั้งนี้ Tyvar เตรียมตัวมาพร้อมแล้ว เขาคิดว่าจะต้องเข้าประชิดก่อนที่ฉมวกนรกนั่น จะได้พุ่งออกมาจากมือของมารยักษ์ตัวนั้น เขาบอกแผนกับ Kaya แต่เธอตอบกลับไปว่ามันคงไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่พวกเขาจะต้องเข้าประชิดแล้ว

เพราะเรือปีศาจมันเพิ่มความเร็วขึ้นอีก ในดินแดนที่ไร้ลมทะเล แต่ใบเรือแห่งเพลิงของมันกลับปลิวไสวราวกับมันต้องลม

มารอีกสองตัวที่ขนาดเล็กกว่าตัวแรกราวๆ ครึ่งหนึ่ง แต่ขนาดของมันก็ยังใหญ่กว่ามนุษย์ทั่วๆ ไปอยู่ดี กางปีกและส่งตัวเองขึ้นฟ้า เพื่อโฉบทะยานเข้าโจมตีทั้ง Kaya และ Tyvar

เรือปีศาจพุ่งชนสะพานที่ Tyvar สร้างขึ้น

Kaya เลือกที่จะหลบไปด้านหลัง แต่ Tyvar กระโดดไปด้านหน้า และเรือปีศาจก็คั่นกลางระหว่างทั้งคู่

มารตัวที่มีกระบองเป็นอาวุธ โฉบเข้าโจมตี Kaya ที่เธอหลบฉากออกไปได้ทันเวลา

 

สำหรับ Kaya แล้วการต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่งก็ไม่ได้เป็นปัญหา เธอใช้พลังไร้สสารของเธอเพื่อหลบการโจมตีของมารได้อย่างง่ายดาย

ก่อนที่จะสบโอกาส แปลงให้แขนและกระบองของมารตนนั้นอยู่ในสภาวะไร้สสาร และจมลงไปกับพื้นหิน มันใช้แขนข้างที่เหลือเพื่อคว้าตัว Kaya แต่ก็ไร้ประโยชน์

เพราะเพียงแค่การก้าวหลบไปด้านหลังก็...

 

สะดุด!

 

Kaya สะดุดเข้ากับฉมวกที่ถูกซัดออกมาก่อนหน้านี้ มันทำให้เธอเกือบเสียหลักล้ม แต่ปฏิกิริยาตอบสนองของเธอ ก็ไวพอที่จะใช้พลังไร้สสารก่อนที่เธอจะต้องล้มก้นจ้ำเบ้า

ขาของเธอไหลผ่านฉมวกอันนั้น และใช้มือจับมันขึ้นมา พร้อมๆ กับใช้พลังไร้สสาร ทำให้มันหลุดออกมาจากพื้นยางมะตอยที่ฝังอยู่

Kaya อาศัยแรงเหวี่ยงจากการสะดุด สร้างระยะระหว่างเธอกับมารกระบองที่ติดอยู่ที่กำแพงหิน ก่อนที่เธอจะซัดฉมวกขนาดยักษ์ที่ไร้น้ำหนักใส่มารตนนั้น

และเพียงมันพ้นจากมือของ Kaya ฉมวกมันก็กลับมามีน้ำหนัก และรับพลังงานจลน์จากแรงของเธอไปอย่างเต็มที่ มันซัดทะลุเกราะหนาๆ ของมารตนนั้นเข้ากลางอก จนฉมวกอันนั้นฝังอยู่กับตัวเรือด้านหลัง...

มารตัวนั้นดิ้นด้วยความทุรนทุรายก่อนที่มันจะแน่นิ่งไป

เธอใช้มันเป็นบันไดเพื่อปืนขึ้นไปยังเรือปีศาจที่ขวางระหว่างเธอกับ Tyvar อยู่

และภาพที่เธอเห็นก็คือ Tyvar กำลังง่วนอยู่กับการปะทะมารอีกสองตน

มารตนหนึ่งใช้ดาบสับสองด้าม ใบมีดเลื่อยของดาบเล่มนั้น กำลังกระหน่ำซัดไปที่ Tyvar ที่คอยหลบหลีกและปัดป้อง ด้วยแขนที่ไม่ได้เป็นสีดำจากยางมะตอยอีกแล้ว ตอนนี้แขนของเขาเปล่งแสงสีส้มเพลิง ราวกับพื้นลาวาเบื้องล่าง

ส่วนมารอีกตน ก็คือมารขนาดยักษ์ พร้อมกับค้อนศึกสองมือ ที่ทุกๆ การเหวี่ยงของมัน แค่แรงปะทะก็น่าจะทำให้หัวของ Elf อย่าง Tyvar หลุดกระเด็นไปได้ง่ายๆ

Kaya ต้องเข้าไปช่วย Tyvar ก่อนที่เขาจะพลาดให้กับมารไม่ตัวใดก็ตัวหนึ่ง เธอก้มตัวผ่านเปลวไฟจากใบเรือ พร้อมๆ กับยกมือขึ้นบังไอร้อนที่แผดเผาจากมัน ไปยังอีกฝั่งของลำเรือ และกระโดดเข้าเกาะหลังมารขนาดยักษ์

แผนของเธอคือการโจมตีเข้าจุดตาย... หัวใจของมัน

 


Demon แห่ง Immersturm
 

เมื่อเธอเกาะหลังมันได้สำเร็จ มารยักษ์ก็พยายามคว้าเธอจากหลังของมัน แต่ก็ไม่ถึงตัว Kaya

เธอเปลี่ยนแขนข้างหนึ่งให้เข้าสู่สภาวะไร้สสาร แสงสีม่วงเรืองออกมา ก่อนที่เธอจะแทงมันเข้าไปในร่างของมารตนนั้น

เพียงแค่ให้แขนของเธอกลับสู่สภาวะปกติ แรงที่เธอใช้ มันก็จะเหมือนหอกที่พุ่งตรงเข้าสู่หัวใจของมัน...

แต่สิ่งที่เธอได้รับคือความเจ็บปวดสุดแสนทรมานจากความร้อนภายในร่างของมารตนนั้น ราวกับเธอเอามือตัวเองเข้าไปในเตาหลอมเหล็ก

ด้วยความเจ็บปวดทำให้ Kaya ไม่ทันได้ตั้งตัว และเผลอปล่อยมืออีกข้างที่กำลังเกาะมารตนนั้น ลงไปล้มกองกับพื้น...

เช่นเดียวกับมารตนนั้น มันล้มลงคุกเข่า... การโจมตีของเธอได้ผล!

ก่อนที่มันจะเอาฆ้อนศึกของมันพยุงตัวเอาไว้... มันหันหน้ามามองเธอ ดวงตาแดงก่ำ และลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงปรากฏทะลุหมวกเหล็กของมันออกมา ปากที่คำรามพร้อมกับของเหลวสีดำที่ทะลักออกมาราวกับน้ำมันดิบที่กำลังเดือด

การโจมตีของเธอได้ผลก็จริง... แต่มันไม่รุนแรงพอที่จะทำให้มารตนนี้ถึงแก่ชีวิต มันเริ่มพยุงตัวขึ้นยืนอีกครั้ง

และ Kaya ก็ต้องทดลองใช้พลังที่เธอไม่รู้ว่ามันจะได้ผลหรือไม่... เธอพยายามดึงพลังแห่งเวทย์น้ำแข็งมาเพื่อประคบบาดแผลจากความร้อนภายในร่างของมาร

มารตนนั้นยกค้อนยักษ์ของมันขึ้นเหนือหัว หมายจะทุบมนุษย์ตนนี้ให้เป็นส่วนหนึ่งของพื้นแห่งดินแดน Immersturm

Kaya อาศัยจังหวะนี้ เปลี่ยนพื้นใต้ร่างของมารให้กลายเป็นสภาวะไร้สสาร ร่างของมันเสียหลักจากพื้นที่หายไป แม้ว่ามันจะสยายปีกเพื่อบินหนีจากลาวาเบื้องล่าง แต่การบินของพวกมารก็ต้องใช้เวลาในการสร้างแรงดึง

ขาของมันจมลงไปในลาวา ค้อนศึกของมันก็ถูกทิ้ง เพื่อใช้มือทั้งสองตะเกียกตะกายขึ้นมาจากความตายที่รอมันอยู่

แต่ก็ไม่ทันการ Kaya จัดการส่งมันลงไปสู่บ่อลาวาด้วยลูกเตะของเธอ ก่อนที่พื้นตรงนั้นจะกลับสู่สภาวะปกติ

 

ทางด้านของ Tyvar ที่ไม่ต้องระแวงกับค้อนขนาดยักษ์แล้ว เขาก็สามารถสร้างจังหวะเพื่อโจมตีกลับมารอีกตนได้อย่างง่ายดาย

ปลอกแขนพร้อมมีดทองเหลืองของเขายาวขึ้นกว่าปกติ และมันยังได้รับพลังเช่นเดียวกับแขนของเขา มันเปล่งแสงของลาวา และส่งความร้อนออกมา ก่อนที่เขาจะใช้มันโจมตีมารตรงหน้า

เพียงการโจมตีเดียว แขนข้างหนึ่งของมันก็ขาดไปพร้อมกับดาบสำหรับสับ ที่ยังติดอยู่ที่มือของมัน และการโจมตีอีกครั้ง ก็ส่งหัวของมารตนนั้นร่วงลงไปสู่บ่อลาวาที่ใกล้เคียง พร้อมกับกลิ่นเหม็นไหม้ และเสียงราวกับเนื้อย่าง... การปะทะกันระหว่าง Tyvar กับมารตัวสุดท้ายก็จบลง

 

แขนของ Kaya ยังไม่รู้สึกดีขึ้น แม้ว่ามันจะผ่านการประคบเย็น... ที่เธอคิดว่ามันคงจะเป็นการปฐมพยาบาลที่ดีที่สุดที่เธอจะทำได้ในตอนนี้

 

“เจ้า... เจ้านี่สุดยอดจริงๆ” Tyvar บอกกับ Kaya ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“จ้า จ้า...” Kaya ตอบไปก่อนที่จะถูกขัดจังหวะด้วยความตื่นเต้นของ Tyvar

“มารตนนั้นมันขนาดใหญ่เท่าตัวของเจ้าของคนมัดรวมกันเลยนะ! เจ้ารู้มั้ย ว่ามีมนุษย์ซักกี่คนเชียวในตำนานของ Kaldheim ที่จะสามารถล้มมารได้ซักตัว! นี่ยังไม่รวมว่าวันนี้เจ้าจัดการไป 2 ตน! แถมยังใช้เพียงมือเปล่าอีก! พวก Skald ที่นับถือเหล่ามารนักหนาต้องได้ยินเรื่องนี้ ข้าจะไปบอกกับพวกมันด้วยตัวข้าเองเลยล่ะ!” Tyvar ที่ยังพูดไม่หยุด

“เอ่อ... ขอบใจ” Kaya รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย กับสิ่งที่ Tyvar แสดงออก เพราะเขาดูเหมือนเด็กที่ขอบคุณคนไม่เป็น... “แต่ถ้าเป็นไปได้ ครั้งหน้าขอแบบมีอาวุธจะดีกว่า” เธอตอบไป เพราะไม่อยากจะมาเสี่ยงทำอะไรพิศดารแบบครั้งนี้อีกแล้ว

ดวงตาของ Tyvar ก็เปล่งประกายทันที “ได้แน่นอน ขอเวลาซักเดี๋ยว”

 

และ Tyvar ก็เดินไปที่ค้อนยักษ์ของมารตัวที่จมลาวาลงไป

Kaya กำลังจะห้ามเพราะเธอไม่ยอมแบกค้อนยักษ์ไปเกะกะตัวเองแน่ๆ

แต่ Tyvar ใช้นิ้วของเขาแตะไปที่ค้อนอันนั้น นิ้วของเขาจมลงไปในค้อน ราวกับมันเป็นเพียงดินปั้น ก่อนที่เขาจะหยิบเอาวัสดุบางอย่าง ราวๆ สองกำมือออกมาจากค้อนอันนั้น

“คุณภาพไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าจัดให้” Tyvar มองไปที่วัสดุทั้งสองก้อน เขาวางก้อนหนึ่งไว้ที่พื้น ก่อนที่จะเริ่มบีบวัสดุอีกก้อนจนมันเริ่มเปลี่ยนรูปร่างคล้ายกับผลไม้ทรงรี ก่อนที่จะฝังมันลงไปในดิน และก็หยิบอีกก้อนมาทำเช่นเดียวกัน

“นายทำอะไรเนี่ยะ?” Kaya ถาม Tyvar ด้วยความประหลาดใจ

“ทุกอย่างบนโลก มีความสามารถที่จะเติบโต ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ ผู้คน” Tyvar พูดในขณะที่กำลังลุกขึ้นยืน “ศิลาและโลกนี้ก็เช่นกัน เพียงแต่มันต้องใช้เวลามากหน่อย... ยกเว้นจะเติมเวทย์มนต์ลงไป และพลังของข้าเอง มันก็ส่งผลแตกต่างกันไปตามแต่อาณาจักร, ที่ๆ ไร้ซึ่งชีวิตเช่น Immersturm ทุกๆ สิ่งย่อมต้องการจะเติบโต... และข้าก็มั่นใจ ว่าข้าคิดไม่ผิด” Tyvar ยิ้มมุมปากออกมา

 


Troll แห่ง Gnottvold
 

Kaya ยังคงประหลาดใจกับเวทย์มนต์ของ Tyvar เธอจึงถามต่อไป

“แล้ว... ที่ Gnottvold... นายทำอะไรกับพวก Troll ล่ะ?”

“ง่ายๆ พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ผูกพันกับผืนดิน และใช้ชีวิตเหมือนกับก้อนหิน ข้าก็แค่เร่งให้พวกมันกลายเป็นหินจริงๆ เท่านั้นเอง” Tyvar ตอบ พร้อมๆ กับบางอย่างที่งอกออกมาจากพื้นดินที่ฝังวัสดุทั้งสอง

มันเป็นวัสดุคล้ายเหล็ก มีสีดำแต่สะท้อนแสงแวววาว พวกมันค่อยๆ ขดตัว ถักทอตนเองไขว้ไปมาในรูปแบบที่ซับซ้อน

Tyvar ดึงมันออกมาเหมือนกับการถอนหญ้า และยื่นด้ามของมันให้ Kaya

“ข้าคิดว่าเจ้าคงอยากได้อาวุธที่คล่องตัว ว่องไว และสมดุล” Tyvar บอกกับ Kaya

 

Kaya รับมันมา ส่วนด้ามมันให้ความความรู้สึกสากๆ เมื่อจับ และน่าจะเหมาะกับการใช้งานจริง ที่ปลายของมัน คือขวานที่มีการถักของเนื้อโลหะเป็นรูปแบบที่ซับซ้อน แต่ก็สวยงาม และเมื่อเธอทดลองความสมดุลของมัน มันคืออาวุธที่มีความสมดุลสูง เธอโยนมันขึ้นเพื่อที่ทดสอบน้ำหนักของมัน และมันทั้งสมดุล เบา เหมาะกับรูปแบบการต่อสู้ที่เน้นความของคล่องตัวของเธอ

Kaya กล่าวขอบคุณ ก่อนที่จะนำขวานทั้งสองด้ามเหน็บไว้ที่ซองเข็มขัดของเธอ แทนที่มีดสั้นที่เธอเคยใช้

 

“ข้ามั่นใจว่าเจ้ามีความสามารถที่จะใช้มัน” Tyvar ตบบ่าของ Kaya และส่งยิ้มให้เธอ ก่อนที่จะชวนเธอออกเดินทางอีกครั้ง...

แต่ Kaya กลับมีความคิดที่น่าสนุกกว่านั้น เธอเลือกจะใช้เรือปีศาจที่ไม่เหลือคนขับอีกต่อไป เป็นพาหนะในการเดินทางสู่เป้าหมาย

แม้ว่าการควบคุมเรือปีศาจจะเสี่ยงที่จะถูกขอบข้างเรืออันถูกประดับประดาไปด้วยของแหลมคมเข้าทิ่มแทง หรือใบเรือที่พร้อมจะเผาผมของ Kaya ให้ไหม้ไปด้วยความร้อน แต่ Tyvar ก็มีประสบการณ์ในการเดินเรือมาโชกโชนพอ ที่จะทำให้เรือเดินทางไปใกล้เป้าหมายของทั้งคู่มากขึ้นได้โดยไม่เกิดเหตุอันตรายใดๆ

 

ก่อนที่ทั้งคู่จะเห็นเขตเทือกเขา ที่มีภูเขาลูกหนึ่งส่องแสงบางอย่างบริเวณนั้น จนท้องฟ้าที่เคยขมุกขมัวไปด้วยควันไฟของ Immesturm จุดนี้แตกต่างไปจากจุดอื่นๆ

แสงที่ฉายออกมา มีลักษณะเช่นเดียวกับแสงจากเทพของ Kaldheim... แต่มันก็เป็นแสงแบบเดียวกับดาบของ Tibalt เช่นกัน

Kaya รีบบอกให้ Tyvar เดินเรือไปทางนั้นทันที... ก่อนที่ Tyvar จะพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นอีกครั้ง

“ภูเขาไฟ Bloodcrag! ข้าไม่คิดเลยว่าจะเห็นมันด้วยตาของข้า”

 

"Bloodcrag คือภูเขาไฟที่ไม่ได้ปะทุลาวา แต่มันคือภูเขาไฟที่ปล่องของมันเต็มไปด้วยเลือด มันเป็นเลือดจากสิ่งมีชีวิตใดๆ ที่ถูกเหล่ามารสังหารลง ยกเว้นมารด้วยกันเอง เลือดของเหยื่อจะถูกส่งมาที่ปล่องภูเขาไฟแห่งนี้ และเมื่อใดก็ตาม ที่เลือดมันถูกเติมเต็มจนถึงปากปล่องภูเขาไฟ มารตนใหม่ จะก่อกำเนิดขึ้นมาจากภูเขาไฟ Bloodcrag"

 

... นั่นไงล่ะ... Kaya นึกอยู่ในใจ ว่าตอนนี้ เธอกำลังจะก้าวข้ามกฏที่เธอเขียนขึ้นสำหรับตัวเอง... อย่าไปยุ่งในเรื่องที่ไม่ควรยุ่ง... และก็ไม่มีใครจ่ายเธอมาล่า Tibalt ด้วย...

ใจหนึ่งเธอก็คิดจะหันหลังกลับ... แต่เธอก็คิดได้ว่า Tibalt มันก็สร้างศัตรูไปทั่ว... หวังว่าถ้าเธอจัดการมันได้ มันคงจะพอมีค่าหัวคุ้มเหนื่อย...

อย่างน้อยๆ Chandra ก็น่าจะเป็นหนึ่งในคนที่ยินดีจะจ่าย

 

เรือของพวกเขาเดินทางมาถึงชายฝั่งที่มันไม่สามารถวิ่งทะลุแผ่นยางมะตอย และลาวาที่เย็นตัวได้อีกแล้ว พวกเขาจึงต้องเดินเท้าไปยัง Bloodcrag และจบเรื่องราววุ่นวายนี้เสียที

พวกเขาค่อยๆ เดินขึ้นไปตามบันไดที่มาจากการสกัดหิน แม้ว่าแต่ละขั้นของมันจะใหญ่เกินกว่ามนุษย์ทั่วๆ ไปจะเดินได้อย่างสะดวกสบาย แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหากับทั้ง Kaya และ Tyvar ที่มีความคล่องตัวทั้งคู่

 

ก่อนที่ Kaya จะสังเกตเห็นอะไรเคลื่อนไหว ที่ไกลออกไป... มันคือกองเรือปริมาณมหาศาล

“เทพ Einir!” Tyvar บ่นพึมพำ “พวกมันมากันเป็นโหลเลย”

“น่าจะเป็นร้อย” Kaya ตอบ “สงสัยเรือที่เราใช้น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของกองเรือมันล่ะมั้ง... ทีนี้พวกมันก็คงจะตามเรือนำทางอย่างพวกเรา... ไม่งั้นก็มาฆ่าพวกเราซะ”

แต่มันก็ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย... คนสองคนที่ต้องยอมรับว่ามีฝีมือ แต่ก็ไม่น่าจะต้องขนปีศาจทั้งอาณาจักรมาเพื่อจัดการมนุษย์แค่สองตน... Kaya ครุ่นคิด...

เว้นเสียแต่ว่า... พวกมันไม่ได้มาล่ามนุษย์... มันมาเพื่อดาบของ Tibalt และจะออกไปจาก Immersturm เพื่อล่าเผ่าพันธุ์อื่นต่างหาก!

 

“ดาบ! พวกมันจะมาเอาดาบ” Kaya พูดกับ Tyvar “ดาบเล่มนั้นมันเปิดมิติระหว่างอาณาจักรได้”

Tyvar มอง Kaya แบบงงๆ จนทำให้ Kaya ต้องขยายความ “ไอ้ปีศาจ Tibalt นั่น มันจะทำให้เกิด Doomskar!”

“พูดให้ถูกคือ ข้าเริ่มไปแล้วต่างหาก” Tibalt ตอบมาจากบันไดชั้นบน ก่อนที่มันจะเปิดฉากโจมตีทั้งคู่แบบไม่ให้ตั้งตัว

มือข้างหนึ่งมันส่งบอลเพลิงลงมา ในขณะที่อีกข้างก็ถือดาบผลึกแก้วสีสันสวยงามเอาไว้

 


Tibalt
 

“เราต้องเอาดาบนั่นมา” Kaya บอกกับ Tyvar ในขณะที่ทั้งคู่ต้องคอยหลบบอลไฟจาก Tibalt

พวกเขาเลือกที่จะตีโอบ Kaya เลือกไปทางซ้าย ส่วน Tyvar แยกไปอีกทาง

แม้ว่ามันจะไม่ใช่ทางที่สร้างมาเพื่อเดินทาง แต่กับ Tyvar ที่มีความคล่องตัวสูง เขาสามารถลัดเลาะไปตามหินผาได้อย่างไม่ยากเย็น

ส่วน Kaya เอง เธอไล่จับ Tibalt มาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้เส้นทางที่เป็นอุปสรรคมากกว่าเดิม ยิ่งทำให้เธอได้เปรียบจากพลังไร้สสารของเธอ

 

และเมื่อได้ระยะที่เหมาะสม Kaya ขว้างขวานด้ามหนึ่งใส่ Tibalt ที่ไม่ทันระวังตัว แต่มันก็สามารถหลบการโจมตีจากจุดตายได้ กระนั้น แรงกระแทกของขวานที่เฉี่ยวไหล่ของมันก็ทำให้มันเสียหลัก

Kaya ไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือ เธอกระโจนเข้าใส่ พร้อมดึงขวานอีกด้าม แต่ภาพที่เธอเห็นคือ Tibalt ที่กำลังล้มลง มันสูดอากาศเข้าทางปากของมันจนอกแอ่น และส่งพลังออกมาจนแก้มของมันบวมเป่ง

Kaya ไม่สามารถจะหลบหรือถอยออกไปได้อีกแล้ว Tibalt พ่นควันไฟออกมาจากปากของมัน และโลกของ Kaya ก็มืดมัวลง

...

Kaya แสบคอราวกับถูกไฟเผา แม้เธอจะปัดป้องด้วยการปิดหน้าปิดตาด้วยมือข้างที่เหลือแล้วก็ตาม

ดวงตาของเธอเจ็บปวดราวกับถูกเข็มทิ่มแทง เธอหลับตาลงเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด ก่อนที่ประสาทสัมผัสที่เหลือของเธอจะเริ่มทำงาน

“หนีไปซะ...” ความคิดแปลกประหลาดแทรกเข้ามาในสติของเธอ

“เรื่องมันจบแล้ว... Tibalt เริ่ม Doomskar ไปแล้ว เธอจะมาทนอยู่ที่นี่ทำไม?”

ตอนนี้ทั้งผิว คอ และตาของเธอยิ่งปวดแสบปวดร้อนมากยิ่งขึ้น แขนของเธอที่จับขวานที่เหลืออยู่ กลับไร้เรี่ยวแรง และขวานน้ำหนักเบา สุดสมดุลที่ Tyvar สร้างให้เธอ กลับหนักอิ้งจน Kaya ไม่สามารถจะยกมันมาไว้ที่ข้างตัวได้

“Kaldheim ไม่ใช่ดาวของเจ้า... ผู้คนที่นี่ไม่เคยสร้างบุญคุณอะไรไว้กับเจ้า... กลับสู่ Blind Eternities ซะ... ออกไปจากที่นี่ ก่อนที่เจ้าจะตายอยู่ที่นี่... มันเป็นเรื่องที่เจ้าทำได้ดีที่สุดอยู่แล้วนี่”

เสียงในหัวพรั่งพรูเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และ Kaya เองก็ไร้พลังที่จะต่อต้านความคิดเหล่านี้ออกไปจากหัวของเธอ... เธอรับรู้ได้ว่าร่างของเธอกำลังรับพลังจากมิติอันว่างเปล่า... มันกำลังจะพาเธอออกไปจากที่นี่

“ไปซะ... มันง่ายกว่าที่เธอจะทนอยู่ที่นี่เยอะเลย...”

เสียงในของเธอหัวเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และเสียงของมันก็เป็นที่คุ้นเคยอย่างยิ่ง... มันเหมือนกับ เสียงของเธอเอง

แต่ก่อนที่เธอจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น ม่านควันที่หน้าของเธอก็ถูกแหวกออก ภาพอันเลือนลางของดาบ Tibalt กำลังตัดผ่านควันเพื่อเงื้อโจมตี

“ไล่ออกไปดีๆ ไม่ยอมไปใช่มั้ยเจ๊” Tibalt ที่ถือดาบตะโกนออกมาก่อนจะฟาดดาบลงมา หมายสังหาร Kaya ที่ไร้เรี่ยวแรง

Kaya พยายามจะยกขวานขึ้นปัดป้อง... แต่แขนของเธอก็ไม่ทำตามคำสั่ง เธอทำได้เพียงหลับตาลงอีกครั้ง... และยอมรับชะตากรรมที่กำลังจะมาถึง

 

แคร๊ง!

 

เสียงของโลหะปะทะกัน... ไม่ใช่โลหะที่ตัดผ่านชิ้นเนื้อ... และเธอก็ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่รอรับแต่อย่างใด

Kaya ฝืนลืมตาที่ยังคงแสบร้อนของเธอขึ้นมา และ Tyvar ก็เข้ามาปกป้องเธอได้ทันเวลา

และดาบของ Tibalt ก็ติดอยู่กับดาบบนปลอกแขนของ Tyvar มันพยายามดึงดาบออก แต่ก็ไม่สามารถทำได้

“แกเป็นใครวะ!?” Tibalt สบถออกมาอย่างหัวเสีย

Tyvar ใช้ท่าปัดป้องที่เขาฝึกฝนมาอย่างชำนาญ เพียงการหมุนข้อมือเล็กน้อย ดาบแห่งแสงก็หลุดออกมาจากมือของ Tibalt

“Tyvar Kell, เจ้าชายแห่ง Elf วีรบุรุษแห่ง Kaldheim” Tyvar ตอบด้วยท่าทางสุดมั่นใจของเขาอีกครั้ง

 

Kaya เริ่มได้สติ และพละกำลังของเธอกลับมาอีกครั้ง... เธอเข้าใจแล้วว่า การโจมตีจาก Tibalt มันคือการเล่นกับจิตใจ และความกลัวของเธอ... ครั้งนี้เธอยอมรับว่านี่คือเวทย์มนต์ที่ส่งผลกระทบกับเธอ... มันไม่เหมือนกับเวทย์มนต์หลอกเด็กที่ Tibalt เคยใช้มาก่อน

แต่ทำไมกับ Tyvar เวทย์ควันที่บั่นทอนจิตใจของ Tibalt ถึงไม่ได้ผลกันล่ะ? ความสงสัยนี้ก่อขึ้นในใจของ Kaya ก่อนที่เธอจะได้คำตอบ

Tyvar เขายังเด็กเกินไป... เด็กเกินกว่าที่จะรู้ว่าตัวเองมีจุดอ่อนตรงไหน... และงี่เง่าเกินกว่าจะยอมรับมันด้วย... บ้าจริง ความน่ารำคาญของ Tyvar มันกลับทำให้จิตใจของเขาแข็งแกร่งเกินกว่าเวทย์ของ Tibalt จะได้ผล

 

ในขณะเดียวกัน Tibalt ก็ถอยและกำลังจะใช้บอลเพลิงโจมตีกลับมา แต่ Tyvar ก็เข้าประชิดและคว้าปลอกคอหนามของมันได้ทัน ก่อนที่จะจับ Tibalt ทุ่มลงไปกองกับพื้นแข็งๆ

Tyvar เอาดาบทองเหลืองของเข้าจ่อไปที่คอของ Tibalt หวังจะรีดความจริงออกจากปากของปีศาจตนนี้

“เจ้าอสูร บอกมาว่าเจ้าทำอะไรลงไป”

“ก็ดูเอาเองสิ” Tibalt ตอบด้วยรอยยิ้มสุดเจ้าเล่ห์ ก่อนที่บรรยากาศรอบๆ ตัวมันจะเปลี่ยนไป

Kaya กำลังจะตะโกนบอก Tyvar แต่ไม่มีเสียงใดๆ ออกมาจากคอที่แห้งผากของเธอ

ดวงตาของ Tibalt เปลี่ยนไปเป็นสีแดงเพลิง ร่างของมันหายไปในกองขี้เถ้าสีส้ม ทิ้ง Tyvar ไว้กับความว่างเปล่า...

 

“มัน... มัน” Tyvar งงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“มัน Planeswalk ไปแล้ว...” Kaya พูดขณะพยุงร่างตัวเองขึ้นมาจากพื้น “ขอบคุณที่ช่วยฉันไว้นะ”

“ไม่เป็นไร... แต่ถ้ามันกลับมาอีกล่ะ” Tyvar ถาม Kaya กลับ

“มันกลับมาไม่ได้หรอก... คือ... ถ้ามันจะกลับมา ก็ต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ๆ เลยนะ เพราะการ Planeswalk มันต้องใช้พลังมาก... นั่นหมายความว่า แม้มันจะกลับมา มันก็ไม่มีพลังมากพอที่จะทำอะไรพวกเราอีกแล้วล่ะ...” Kaya อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไป

“งั้น... นี่คือจบเรื่องแล้วงั้นเหรอ? เราชนะศึกนี้?” Tyvar ถามด้วยความไม่แน่ใจ และรู้สึกว่างเปล่า

 

แต่คำตอบจาก Kaya คือการมองไปบนท้องฟ้าของ Immertrurm ที่มีแสงส่องลงมา... “ฉัน... ไม่คิดว่างั้น”

การปะทะกับ Tibalt ทำให้ทั้งคู่ไม่ทันสังเกตสิ่งรอบตัว... และที่ยอดเขา Bloodcrag ยิ่งทำให้ทุกอย่างแจ่มชัด

ท้องฟ้ามันถูกเปิดออกด้วยดาบแห่งอาณาจักรโดย Tibalt ไปเรียบร้อยแล้ว

รอยแผลที่ยาวตลอดเส้นขอบฟ้า ภาพของทิวเขา อาณาจักรต่างๆ ท้องทะเล ทุ่งหญ้า... ต่างส่งรัศมีเรืองรองจากช่องว่างนั้น...

“ข้าแต่พระเจ้า...” Tyvar พึมพำขึ้น

“ทำอะไรซักอย่างได้มั้ย? ใช้เวทย์มนต์ ใช้ดาบนั่นก็ได้” Kaya เริ่มตระหนกกับภาพที่เธอเห็นแล้ว

Tyvar ทำได้แค่ส่ายหัว... แม้ว่าเขาจะมั่นใจในพลังระดับวีรบุรุษของเขา แต่เขาก็รู้ดีว่า สิ่งนี้มันเกินความสามารถของเขาไปแล้ว

และที่เบื้องล่าง... เหล่ามารทั้งหลายก็สยายปีก พวกมันนับพันๆ ตนทะยานขึ้นสู่รอยแยกนั้น โดยไม่ได้ใส่ใจมนุษย์สองคนที่ยืนอยู่บนยอดเขาเลยแม้แต่น้อย...

เพราะตอนนี้พวกมันมีเหยื่อที่จะเติมเต็มเลือดในปล่องภูเขาไฟ Bloodcrag รออยู่...

อยู่ที่ทุกๆ อาณาจักรของ Kaldheim

 

และก็มีมารร่างเล็กตนหนึ่ง ที่เพียง Kaya เห็นมัน ก็ทำให้เธอระลึกถึงเรื่องเล่าจากเหล่า Omeseekers... มารที่ใช้ขวานยักษ์เป็นอาวุธ มันบินแซงเหล่ามารตนอื่นๆ ขึ้นไปยังรอยแยกด้วยความรีบร้อน... ราวกับมันต้องการออกไปจากที่นี่เสียเต็มทน...

มันคือ Varragoth... และนี่คงถึงจุดจบของ Kaldheim แล้ว

Kaya รีบบอกกับ Tyvar ให้หนีออกไปจากที่นี่ซะ... มันเกินความสามารถที่เธอจะรับผิดชอบไหวแล้ว

 


Sword of the Realms
 

แต่ Tyvar ก็เหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่ Kaya พูดกับเขา... เขาตอบกลับมาว่า

“เราต้องหยุดพวกมัน... เราต้องไปเตือนผู้คนที่อาณาจักรอื่นๆ!”

“Tyvar...” Kaya เรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน... เพื่อแสดงความจริงใจกับเขา “เราต้องไปจากที่นี่แล้ว... ฉันรู้ว่านายคือยอดวีรบุรุษแห่ง Kaldheim แต่เราทำอะไรกับมันไม่ได้แล้ว... เราต้องเอาชีวิตให้รอดก่อน เรายังมีโอกาสแก้ตัวที่ดาวอื่...” Kaya ยังไม่ทันจบประโยค แต่ Tyvar ก็หันมามองเธอและสวนกลับทันที

 

“นี่คือสิ่งที่พวกเจ้าทำกันเป็นประจำหรือไง... หายตัวไปในตอนที่โลกต้องการพวกเจ้ามากที่สุด... หายตัวไปเมื่อสิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง... ถ้างั้นเจ้าก็ไม่ต่างจากไอ้ปีศาจ Tibalt นั่นหรอก”

 

คำพูดของ Tyvar ทำให้ Kaya สะดุด... แต่เธอยังคงคิดคำตอบที่จะกล่อมให้ Tyvar ไปจากที่นี่ซะ

แต่ Tyvar ได้ใช้พลังของเขาเพื่อเปิดประตูข้ามอาณาจักรแล้ว...

“ถ้านี่คือสิ่งที่ Planeswalker ทำ... ข้าเลือกที่จะไม่เป็นเสียดีกว่า” Tyvar พูดก่อนที่จะก้าวเข้าไปในประตูของเขา

...

Kaya รวบรวมพลังได้มากพอจะ Planeswalk ออกไปจากที่นี่... แต่เธอกลับลังเลที่จะก้าวเข้าสู่ Blind Eternities...

มันไม่ใช่เรื่องของเธอ มันเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในเวลานี้... และมันคือกฏการเป็น Planeswalker ของเธอ... อย่ายุ่งในเรื่องที่ไม่ควรยุ่ง...

แต่ความคิดของเธอก็ย้อนไปถึงความกลัวจากก้นบึ้งของจิตใจ ที่เธอได้พูดคุยกับมันในตอนที่ปะทะกับ Tibalt... มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอรู้สึกแบบนั้น... แค่ Tibalt ไปกระตุ้นมันขึ้นมาอีกครั้งเท่านั้นเอง...

และมันคงถึงเวลาที่จะก้าวข้ามความกลัวนั้นแล้ว

 

Kaya เลือกที่จะเดินตาม Tyvar ไปในประตูข้ามอาณาจักรของเขา