- ผู้หลับไหล -


 

การเดินทางของ Kaya บนเรือ Cosima เริ่มต้นด้วยการเหม่อมองท้องฟ้ายามค่ำคืนของ Kaldheim...

เรือที่ไม่มีมือพาย ไม่มีหางเสือ... และเพียงแค่ Kaya ก้าวขึ้นเรือ มันก็ออกเดินทางโดยไร้คำถามใดๆ

คำพูดของเทพ Alrund กลับมาทำให้ Kaya ระลึกอีกครั้ง

“Cosima จะพาเธอไปที่ๆ ควรไปเอง...”

ใช่จริงๆ... เพราะตอนนี้รอบๆ ตัวของ Kaya ไม่มีอะไรนอกจากท้องฟ้าอันว่างเปล่า

การเดินทางข้ามอาณาจักรของ Kaldheim ไม่ต่างจากการเดินทางข้ามดาวของ Planeswalker เลย เพียงแต่ช่องว่างระหว่างอาณาจักรนั้น มัน "มีอยู่" จริงๆ หาใช่มิติว่างเปล่า (Blind Eternity) เหมือนกับช่องว่างระหว่างดวงดาว...

ซึ่งนั่นก็ทำให้ Kaya ไม่สามารถใช้พลังของเธอเพื่อเดินทางข้ามอาณาจักรต่างๆ ของ Kaldheim ได้

 

กระนั้น การเดินทางข้ามอาณาจักร นอกจากพลังของเหล่าเทพแห่ง Kaldheim, สัตว์จักรวาล หรือเรือ Cosima แล้ว Inga ก็ได้เล่าถึงอีกหนึ่งหนทางในการเดินทางข้ามอาณาจักร...

Doomskar... เหตุการณ์ที่เกิดการบิดเบือนของมิติอาณาจักรต่างๆ จนทำให้เกิดเส้นทางสำหรับเดินทางข้ามไปมาได้... และมันก็ไม่เคยเป็นเรื่องดีเลยซักครั้ง

อาณาจักร Bretargard อันเป็นที่อยู่ของเหล่ามนุษย์ปุถุชน ที่ Kaya พึ่งเดินทางจากมา เคยมีบันทึกถึงการเชื่อมโยงเข้ากับอาณาจักร Karfell...

 

Karfell ที่เป็นอาณาจักรโบราณบนป้อมปราการอันหนาวเหน็บ มันเคยมีความรุ่งเรืองศิวิไลซ์ไม่ต่างจาก Bretargard

แต่ด้วยเหตุใดก็ไม่ทราบได้ อาณาจักรนี่ล่มสลายลง ทิ้งไว้เพียงเศษซากอารยธรรม และบรรดาผู้คนที่กลายไปเป็นผีดิบแห่งน้ำแข็ง

 

และเมื่อทั้งสองอาณาจักรเชื่อมโยงกันแล้ว บรรดาผีดิบจาก Karfell หลั่งไหลเข้าโจมตี Bretagard อย่างไม่หยุดหย่อน

ผู้คนมากมายต่างล้มตาย จนสงครามครั้งนี้จบลงที่ป้อมปราการสุดท้ายของ Bretagard... ป้อมปราการ Beskir

กระนั้น แม้เรื่องราวของ Doomskar ในครั้งนั้น จะจบลงด้วยชัยชนะของประชาชนใน Bretagrad แต่มันก็สร้างความสะพรึงให้แก่ผู้คนที่ยังมีชีวิตอยู่

แต่สำหรับ Kaya แล้ว... ภารกิจของเธอคือล่าเจ้าสัตว์ปีศาจในถ้ำตัวนั้นให้สำเร็จ... แล้วออกไปจากที่นี่เสียที

 

...

 

มีแรงกระแทกเข้ากับเรือจนทำให้ Kaya สะดุ้งตื่นขึ้น... เธอหลับไปตอนไหนไม่ทราบได้

Kaya กระชับมีดสั้นที่เอวของเธอตามสัญชาตญาน... ก่อนที่จะพบว่า มันได้แล่นมาถึงชายหาดแห่งหนึ่ง และแรงสั่นสะเทือนนั่น ก็มาจากคลื่นที่กระแทกเข้ากับตัวเรือนั่นเอง

 

ถึงแล้วเหรอ? Kaya คิดในใจ พร้อมๆ กับเรือ Cosima ที่หยุดก่อนถึงชายหาด

ซึ่งก็แน่นอน ว่าเธอไม่ได้คำตอบจาก Cosima

Kaya จึงตัดสินใจลงจากเรือ พลางคิดไปว่าเธอจะต้องหาที่ผูกเรือไว้หรือไม่

แต่ทันทีที่บูทของเธอจมลงไปในทรายสีดำของชายหาดแห่งนี้ เรือ Cosima ก็ออกเดินทางด้วยตัวของมันเองทันที

ขอบใจ... ล่ะมั้ง Kaya รู้สึกเหมือนเธอถูกปล่อยลงที่จุดหมายปลายทางของเธอที่...

ที่นี่ที่ไหนล่ะเนี่ยะ... Kaya เองไม่ได้กำเนิดที่ Kaldheim การถูกปล่อยกลางทางแบบนี้ ก็เหมือนลูกแกะหลงทาง... แต่ก็แน่นอนว่าเธอทำอะไรไม่ได้ นอกจากเดินลึกเข้าไป รับการผจญภัยที่... อาณาจักรใหม่แห่งนี้

 

- เทพแห่งความลวง ความลวงแห่งเทพ -

Kaya เดินทางลึกเข้าไปในอาณาจักรแห่งนี้

จากพื้นที่อันเป็นชายหาด สู่ป่ารกทึบ และก้อนหินมากมาย บ้างก็มีอักขระแปลกๆ สลักอยู่บนหินเหล่านั้น

Kaya ใช้เวลาพอสมควร... มันนานจนเธอเริ่มเหนื่อย และเลือกที่จะหยุดพักที่ขอนไม้เก่าๆ ท่อนหนึ่ง... บรรยากาศรอบๆ ตัวเธอ นอกจากป่า และหินแล้ว ก็มีเพียงเศษซากของสิ่งปลูกสร้างขนาดมหึมา ที่ทำมาจากหินเป็นส่วนใหญ่

เบาะแสอย่างสายแร่โลหะ หรือรอยเท้า แม้แต่รอยกรงเล็บของเจ้าสัตว์ปีศาจที่เธอเคยปะทะกับมัน ก็ไม่ได้ปรากฏขึ้นที่นี่แต่อย่างใด

ก่อนที่ Kaya จะได้ยินเสียงคล้ายคนคุยกัน

เธอรีบตามหาต้นตอของเสียงนั้น... แม้เธอจะยังจับความใดๆ ไม่ได้ แต่การเจอกับคนอื่นๆ ก็น่าจะพอเป็นเบาะแสให้กับภารกิจของเธอได้

 

ทว่า... เมื่อเธอเดินไปพบกับที่มาของเสียงเหล่านั้น มันกลับเป็นภาษาที่เธอไม่เข้าใจ กับสิ่งมีชีวิตที่เธอไม่เคยเห็น...

พวกมันนั่งอยู่กับพื้น แต่ทว่ามีความสูงพอๆ กับเธอที่ยังยืนอยู่ พวกมันสื่อสารกันไปมาด้วยเสียงที่ดังกังวาล และร่างกายที่ปกคลุมไปด้วยมอส บางตัวก็มีดอกเห็ดขึ้นมาตามร่างกาย สิ่งที่ดูเหมือนผมของพวกมันมีสีดำขลับ และปกคลุมทั่วร่างราวกับเป็นผ้าคลุม เขี้ยวของมันกระทบกับริมฝีปากยามส่งเสียงพูดคุย...

นี่คงเป็นพวก Troll ตามที่ Inga และเหล่า Omenseekers เคยเล่าถึง... และถ้าพวกมันเป็น Troll จริงๆ ตามเรื่องเล่าของ Omenseekers แล้ว

Kaya คิดว่า เธอควรจะหลบออกไปจะดีที่สุด เพราะเจ้าพวกนี้อารมณ์ร้อน, ชอบใช้กำลัง และไร้เหตุผลสิ้นดี

Kaya ค่อยๆ ย่องออกมาจากพื้นที่ชุมนุมของเหล่า Troll เพื่อกลับไปทางเดิมที่เธอเดินมา

แต่แล้ว กลับมีร่างของชายอีกคน ในชุดผ้าคลุมสีดำที่ประดับประดาด้วยแผ่นทองวงกลม

เขาเดินขึ้นไปยืนบนยอดหินขนาดใหญ่ ก่อนที่จะประกาศตัวตนของเขา

“สหายข้า” ร่างนั้นพูดด้วยเสียงดังกังวาน และทุ้มต่ำ กับเหล่า Troll ที่นั่งอยู่บนพื้นด้านล่างพิน

“พวกเจ้ารู้ดีว่าข้าเป็นใคร...” ร่างนั้นยังคงกล่าวต่อไป และเหล่า Troll ก็หันมาให้ความสนใจเขาแล้ว

“บ้างขานนามข้าว่าจอมเจ้าเล่ห์... บ้างก็เรียกข้าว่านักต้มตุ๋น... เจ้าชายผู้ชั่วร้าย... เทพแห่งความลวง... แต่ทุกคน ต่างรู้จักข้า ในนาม Valki ร่างนั้นยังคงพูดต่อไป

“และแรกสิ่งที่ข้ายินดีจะมอบให้พวกเจ้า คือรางวัลแห่งภาษา... รับฟังมัน เข้าใจมัน และข้าจะบอกเหตุแห่งรางวัลให้พวกเจ้ารับรู้”

 

คำกล่าวอ้างเหล่านั้น ทำให้ Kaya ต้องหันกลับไปสังเกตชายคนนั้นอีกครั้ง...

เทพงั้นหรือ... เหมือนกับลุง Alrund... แต่ว่า มันก็มีอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ กับเทพองค์นี้อยู่ไม่น้อย

 


Valki, God of Lies
 

“ช่วงเวลาแห่งความขัดแย้งจะมาถึงแล้ว... อีกไม่นาน ประตูสู่โลกที่แตกต่างไปจากโลกที่พวกเจ้ารู้จักกำลังจะเปิดอีกครั้ง... เหล่าคนเถื่อนจะเข้ามาอาณาจักร Gnottvold และเผาทำลายป่าของพวกเจ้า สหายข้า...”

ตอนนี้เหล่า Troll ทั้งหลายเริ่มส่งเสียงกัดฟันกระทบกันเป็นการตอบรับแล้ว

“ประตูสู่โลกแห่งความชั่วร้าย เหล่าผู้อาศัยของโลกนั้น จะมา...มา...” Valki เงียบไปพักหนึ่ง เหมือนจะหาคำที่เหมาะสมกับสถานการณ์นี้

“ปล้นสมบัติของพวกเจ้า!”

 

ทันทีที่สิ้นบทปลุกใจอันยาวยืด เหล่า Troll ต่างเกรี้ยวกราด พวกมันร้องคำราม กระทืบพื้น และชูอาวุธของมันไปมา และการโบกมือของเทพ Valki ก็ไม่สามารถทำให้เสียงคำรามของเหล่า Troll เงียบลงไปได้

จน Troll ขนาดยักษ์ตัวหนึ่ง เอากระบองทุบไปที่ Troll อีกตัว... เสียงของมันดังพอที่จะทำให้ Troll ตัวอื่นๆ กลับมาสนใจเทพ Valki อีกครั้ง

 

“และแน่นอน ข้ามีวิธีแก้ไขเรื่องนั้น... เหล่าสหายแห่ง Gnottvold พวกเจ้าต้องเป็นฝ่ายบุกโจมตีคนเถื่อนเหล่านั้นก่อน!” เทพ Valki ยังคงสานต่อการปลุกใจให้ Troll เริ่มสงคราม

 

แต่กับ Kaya นั้น เธอเริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากลกับลักษณะของเทพ Valki มาพักใหญ่ๆ แล้ว...

แสงเรืองรองที่ออกมาจากร่างของเทพ Valki นั้น มีความแตกต่างจากเทพ Alrund เป็นอย่างมาก... แสงของมันเป็นแสงเรืองอ่อนๆ ที่ไม่คงที่ มันส่งแสงได้ไม่ทันกับการเคลื่อนไหวของร่างกาย...

นี่มันน่าจะเป็นเวทย์ลวงตา... แต่ว่า เหตุใด Valki เทพแห่งความลวงจำเป็นจะต้องสร้างภาพลวงมาคุยกับเหล่า Troll ที่ Gnottvold กันด้วย...

Kaya จึงพิสูจน์ข้อสงสัยของเธอ... เธอใช้เวทย์มนต์เพื่อลบล้างภาพลวงตา และเป่ามันไปทางเทพ Valki...

กระแสลมพัดพาเวทย์มนต์ของเธอผ่านร่างของ Troll ทั้งหลาย จนไปถึงเทพ Valki...

ภาพของเทพ Valki หายไปกับสายลมนั้นทันที เหลือเพียงร่างของชายผิวสีแดงเพลิง พร้อมกับเขาสองข้าง

“ใครวะ! ออกมาเดี๋ยวนี้!” เจ้าของเวทย์มนต์ลวงตาตะโกนโวยวายทันที

 

ออกไปก็บ้าแล้ว... Kaya คิดอยู่ในใจ... แต่เธอจะลองทำตามความคิดของเธอที่ในบางครั้งมันก็ไม่ได้ผล และเธอเชื่อว่าครั้งนี้ เธอน่าจะคุมสถานการณ์นี้ได้...

Kaya เดินออกไปจากที่ซ่อนของเธอ

“Troll พวกนั้นไม่ฉลาดพอที่จะมองเวทย์ลวงตาห่วยๆ ของนายออกสินะ Tibalt

“สายตาเฉียบแหลมจริงๆ” Tibalt ชายผิวสีแดงกล่าวขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก... ที่ไม่ได้สะกดความโกรธที่เขาแสดงออกทางดวงตา “เรารู้จักกันหรือเปล่าแม่คุณ?”

“ไม่ล่ะ... แต่ชื่อเสียของนายมันดังกระฉ่อนไปหน่อย... ก็นะ Planeswalker ที่เป็นปีศาจเนี่ย ไม่มีตัวไหนมีดีเลยซักตัว” Kaya ตอกกลับ Tibalt ไป

“อู้ย... ก็ชมเชยกันเกินไป แล้วข้าติดหนี้คำชมใครอยู่ล่ะเนี่ยะ?” Tibalt ถามกลับไปยังหญิงผมหยิกปริศนาตรงหน้าเขา

“Kaya” Kaya ตอบชื่อของเธอไป

“อ้าห์... คุ้นๆ เลยนะ... น้องตีนแมว ขี้ขโมย... แล้วก็ เป็นนักฆ่าด้วยสินะ” Tibalt เริ่มตอกกลับ Kaya บ้างแล้ว

“ฟังแล้วเหมือนถูกโยนความเลวเข้าตัวแฮะ... นายมาทำอะไรที่นี่” Kaya ถามกลับไป

“อืม... นั่นก็เป็นคำถามที่ข้าอยากจะถามเจ้าเหมือนกัน... Planeswalker จะไปไหนมาไหนก็ได้ตามอำเภอใจอยู่แล้วนี่นา” Tibalt เลี่ยงที่จะตอบคำถามของ Kaya

“แต่ไม่ต้องตอบข้าก็ได้... เพราะเจ้ามันไร้มารยาทสิ้นดี ข้ากำลังง่วนอยู่กับภารกิจของข้า ก่อนที่จะโดนเจ้ามาขัดจังหวะ... งั้นก็... ฆ่าเธอซะ!” Tibalt จบประโยคด้วยการสั่งให้ Troll ทุกตัวเข้าโจมตี Kaya ทันที

 


Tibalt, Cosmic Impostor
 

บรรดาฝูง Troll เข้าโจมตี Kaya ทันที หนึ่งใน Troll ขนาดยักษ์วิ่ง 4 ขาเข้ามาอย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม มันวิ่งชนจนเพื่อนๆ ที่ตัวเล็กกว่ากระเด็นกระดอนไปทั่ว

มันกระโดดมาพร้อมกับขวานขนาดยักษ์ในมือ หมายมั่นว่าจะฟันมนุษย์ตัวเล็กๆ คนนี้ขาดครึ่ง

แต่แรงปะทะที่ควรจะเกิดขึ้นมันหายไปจนหมด ร่างของ Kaya ส่องแสงสีม่วงออกมา พร้อมๆ กับขวานยักษ์ที่ผ่านร่างของเธอไปอย่างไรบาดแผล และ Troll ตัวนั้นที่ไม่ได้ตั้งหลักก็กลิ้งไปด้วยแรงเหวี่ยงจากการโจมตีของตัวเอง

Troll อีกตัวใช้ดาบของมันแทงมาที่ร่างของเธอ Kaya หลบฉากและส่งพลังของการไร้สสารไปที่ Troll ตัวนั้น ก่อนที่มันจะพุ่งชนบรรดาต้นไม้ในป่า และร่างของมันก็กลับมาเป็นปกติ พร้อมๆ กับการติดอยู่ท่ามกลางต้นไม้ในป่านั่นเอง

พวก Troll ที่เหลือกลับชะงักที่จะโจมตี Kaya แล้ว... เมื่อพวกมันรู้ว่าพรรคพวกของมันที่เก่งที่สุดยังไม่สามารถต่อกรกับมนุษย์ตนนี้ได้ พวกมันก็ทิ้งอาวุธ และวิ่งหนีทันที... พร้อมกับ Tibalt ที่เห็นว่าบรรดาสมุน Troll ของมันไม่สามารถหยุด Kaya ได้

 

Kaya รีบรุดตาม Tibalt ไป

แม้ว่า Tibalt จะเป็นครึ่งคน ครึ่งปีศาจ และมันก็มีความคล่องตัวค่อนข้างสูง แต่กับพื้นที่ป่ารกทึบ และมีอุปสรรคขวางทางมากมาย มันก็ไม่มีวิธีไหนจะเร็วไปกว่าการแปลงกายให้ไร้สสารของ Kaya เพื่อวิ่งทะลุสิ่งกีดขวางเหล่านั้น

และเพียงไม่กี่อึดใจ Kaya ก็ตะครุบ Tibalt ได้ทัน

 

“ความไว... เป็นเรื่อง... ของปีศาจ...” Tibalt ที่ถูกจับตัวไว้ได้ ตอบกลับแกมตลกด้วยความเหนื่อยระดับหอบตัวโยน

“จะบอกได้ยัง ว่าแกมาทำอะไรที่นี่” Kaya ที่ดูไม่เหนื่อยกับการวิ่งไล่ Tibalt ถามกลับไป

“แม่ยอดยาหยี... ความเละเทะมันก็คือรางวัลของชีวิต... และสำหรับข้า ความวายป่วงนี่แหละ ที่ทำให้ข้ายิ้มได้” Tibalt ที่เริ่มหายเหนื่อย ตอบกลับไปอย่างไม่รู้สึกผิดใดๆ “แต่นั่นมันก็เรื่องของข้า ที่นี่ไม่ใช่ดาวของเจ้า... ไม่ใช้คนของเจ้าด้วยซ้ำ และเจ้าก็ไม่ควรมายุ่ง”

Kaya รู้ดีว่าเรื่องที่ Tibalt ทำมันไม่ใช่เรื่องของเธอ แต่ภารกิจที่ได้รับว่าจ้าง กับสัตว์ปีศาจที่เดินทางข้ามอาณาจักรได้ มันอาจจะเป็นผลมาจากการวุ่นวายของ Tibalt ก็ได้... ดังนั้น Kaya จึงถามมันเพื่อข้อมูล

“มันมีสัตว์อสูรกายอยู่ที่นี่... จากหน้าตาแล้วมันน่าจะมาจากดาวอื่น แกพอจะรู้อะไรเกี่ยวกับมันมั้ย”

Tibalt หดหัวลง แล้วทำท่าเหมือนหวาดกลัวเสียเต็มประดา “อสูรกายเหรอ... น่ากลัวจังเลย ข้าสั่นยันปลายเท้าแล้วเนี่ย... ข้าคงต้องหาที่ซ่อนตัวก่อน ไปแล้-”

“หยุดเลย แกไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น... และตอนนี้ สหาย Troll ของแกก็ไม่อยู่ขวางแล้วด้วย... ถ้ามันขวางได้แต่แรกน่ะนะ” Kaya ไม่ยอมให้ Planeswalker ปีศาจตัวนี้จบประโยคกวนๆ ของมันด้วยซ้ำ

“อู้ย... ไม่หรอกจ๊ะ” Tibalt ตอบกลับ Kaya พร้อมกับรอยยิ้มแยกฟันที่ทำให้ Kaya เริ่มไม่สบายใจ “สหาย Hagi คือสายพันธุ์ที่แม่จัดการได้ง่ายๆ... แต่ถ้าเป็นสหาย Torga ข้าอาจจะพอมีหวังก็ได้นะ”

และเมื่อจบประโยค Tibalt ก็สอดนิ้วเข้าปากตัวเอง พร้อมพ่นลมส่งเสียงหวีดออกมา ทั้งโทน และความดังของมันทำให้ Kaya ต้องเอามือทั้งสองไปปิดหู

แต่ก็... ไม่มีตัวอะไรออกมาแต่อย่างใด มีเพียงก้อนหินผาขนาดใหญ่ที่น่าจะถล่มจากแรงสั่นสะเทือนของเสียง ก้อนหนึ่งกลิ้งลงมาเท่านั้น

“ไหนล่ะ สหาย Troll ของแกน่ะ... กลับเข้-” Kaya พูดไม่ทันจบประโยค

หินก้อนนั้นที่ไม่น่าจะกลิ้งมาทิศทางนี้ กลับตัดหน้าขวางระหว่างเธอกับ Tibalt

ก่อนที่ Tibalt จะปีนขึ้นไปบนหินก้อนนั้น

 

“สงสัยเจ๊จะตาถั่วกว่าที่เจ๊คิดนะจ๊ะ” Tibalt แขวะ Kaya

และพิ้นดินบริเวณนั้นเริ่มยกตัวขึ้น บรรดาสิ่งปลูกสร้างที่อยู่บริเวณนั้นก็เริ่มถล่มลงมา

ร่างที่ลุกขึ้นมาจากพื้นดินมีมากมาย คราวนี้มันสูงราวๆ 6 เมตร รูปร่างที่ดูไม่ค่อยแตกต่างจากก้อนดิน กำปั้นขนาดหินผา กับหญ้าและมอสที่ปกคลุมทั่วร่าง... บริเวณที่ควรจะเป็นส่วนหัวมีดวงตาสีแดงซ่อนอยู่ใต้ร่มเงาของต้นหญ้า... บางตัวลุกขึ้นมาหาวราวกลับพึ่งตื่นนอน และภายในปากของเจ้าพวกนี้ ก็ไม่ได้น่าภิศมัยเอาเสียเลย...

“สหาย Torga ไม่ชอบเวลาโดนรบกวนเวลานอนอ่ะนะ” Tibalt ส่งรอยยิ้มเย้ยหยันมาทาง Kaya อีกครั้ง “ปกติแล้ว ถ้าพวกเขาโดนปลุกแล้ว... พอหายงัวเงียก็คงฟาดทุกอย่างที่ขวางทางแหละ”

“แกจะบ้าหรือไง” Kaya ตั้งท่าเตรียมพร้อมรับมือกับ Troll สายพันธุ์ Torga ทั้ง 6 ตัว... ถ้าเธอนับไม่ผิด

“เดี๋ยวก็ได้ตายกันหมด!” Kaya สบถใส่ Tibalt ที่เธอรู้สึกว่ามันเล่นเกินเบอร์ไปแล้ว... เธอแค่ต้องการข้อมูลเท่านั้น

 

แต่ Tibalt ไม่ได้ตอบอะไร มันเอาดาบเล่มหนึ่งออกมา มันส่งแสงรัศมีเหมือนกับแสงของเทพ Alrund

และข้างๆ ตัว Tibalt ก็มีโพรงอันดำมืด ฉับพลันอากาศเริ่มร้อนขึ้น และมีกลิ่นของกัมถันราวกับที่นี่มีภูเขาไฟ...ออกมาจากโพรงนั้น

 

“สั่งได้อย่างใจนึก!... งั้นก็ขอให้โชคดีละกันเจ๊... แต่ถ้าเจ๊โชคดี ข้าคงกลายเป็นคนตอแหลสินะ” Tibalt ส่งยิ้มมาทาง Kaya ก่อนที่จะโดดลงไปในโพรงอันมืดมิด... และโพรงนั้นก็ปิดตัวลง

 

Kaya ที่ถูกทิ้งไว้กับ Troll ที่ถูกขัดจังหวะการนอน ค่อยๆ เอื้อมไปหยิบมีดสั้นของเธออย่างเงียบเชียบ... เท้าค่อยๆ ย่องถอยหลังเพื่อว่ามันจะยังมีทางออก... ทางออกที่เธอไม่ต้องปะทะกับพี่ยักษ์อารมณ์ร้ายทั้ง 6 ตน

“นี่... ไอ่คนที่ปลุกมันไปแล้วนะ ขอฉันอธิบา-”

Troll ตัวหนึ่งกางมือของมันแล้วตบลงที่ Kaya เหมือนคนตบยุง

Kaya ใช้พลังไร้สสารของเธอได้ทัน แต่แม้ว่าจะไม่โดนฝ่ามือขนาดมหึมาอันนั้น แต่แรงสะเทือนที่มันกระทบกับพื้นป่า ก็ทำให้ Kaya สะเทือนไปทั้งร่างอยู่ดี

Kaya รู้แล้วว่า การพยายามคุยกับพี่ยักษ์ไม่น่าจะได้ผล และมันก็คงเหลือทางเดียวที่จะออกไปจากที่นี่...สังหาร Troll พวกนี้ซะ

 


Troll แห่ง Gnottvold
 

เธอใช้มีดสั้นของเธอแทงเข้าไปที่แขนของ Troll ตัวแรก... แต่ผลของมันไม่ต่างจากการเอามีดสั้นไปทิ่มหิน ผิวของพวกมันหนากว่าที่ Kaya คาดคิดไว้มาก... และนั่น ก็ทำให้มีดสั้นของเธอหักเป็นสองท่อน...

Kaya ตะลึงงันกับอาวุธที่พังลงของเธอ... แม้จะเป็นเวลาเพียงไม่กี่วินาที แต่มันก็ยาวนานพอที่จะเปิดโอกาสให้เจ้า Troll มันโจมตีกลับ มันกวาดท่อนแขนของมันมาปะทะร่างของเธอที่ไม่ทันตั้งตัว

แต่ Kaya ก็ยังประคองร่างของเธอกลับมาจากแรงปะทะครั้งนั้นได้ เธอหมุนนมีดของเธออย่างคล่องแคล่ว และเปลี่ยนท่าจับเป็นแบบ Reverse Grip เพื่อเพิ่มพลังการโจมตีครั้งต่อไป...

เธอวิ่งเข้าใส่ Troll อีกตัวที่ถอนต้นไม้แถวๆ นั้นมาเป็นอาวุธของมัน

มันกวาดท่อนไม้ผ่านร่างไร้สสารของ Kaya ก่อนที่เธอจะพุ่งเข้าโจมตีข้อเท้าของมัน...

แต่ทว่า ร่างของมันไม่ได้ล้มลงอย่างที่ใจเธอคิด มันเป็นแค่แผลถากๆ ที่ดูจะไม่ระคายความรู้สึกของ Troll ตัวนั้นเลยด้วยซ้ำ

แต่เวลาพิจารณาและวางแผนของ Kaya ก็มีไม่นานนัก เพราะมันก็กลับมาไล่ตบแมลงวันหัวฟูอีกครั้ง

ครั้งนี้ Kaya คงต้องโจมตีที่จุดตาย เธอหลบการโจมตีและกระโดดขึ้นเกาะหลัง Troll ตัวที่พยายามจะตะปบเธอ

Kaya ใช้พลังของเธอถ่ายทอดไปที่มีดสั้น มันเปล่งแสงสีม่วง และไร้สสาร เธอแทงมันเข้าไปที่กระดูกสันหลังของ Troll ตัวนั้น ก่อนที่เธอจะปล่อยมืออกจากมีด เพื่อให้มันกลับไปเป็นมีดในโลกแห่งความจริง

Kaya กระโดดออกมาจาก Troll ตัวนั้น พร้อมๆ กับที่มันล้มลง...

เหอะ มันก็ไม่ได้ยากอ-

Kaya คิดกับตัวเอง แต่ก็โดนมือของ Troll ตัวที่พึ่งล้ม ตบจนเธอกระเด็นไป

แผลที่ข้อเท้าของ Troll ตัวนั้นค่อยๆ กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง... ดาวดวงนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างมันรักษาตัวเองได้ทั้งหมดเลยรึไง Kaya สบถอยู่ในหัว

Troll หกตัว ต่อคนหนึ่งคน... แม้ว่า Kaya จะเคยล้มศัตรูมามากมาย... แต่ทุกครั้งมันเป็นไปได้เพราะเธอยังมีอาวุธของเธออยู่กับตัว... แต่ตอนนี้ มีดของเธอหักไปหนึ่งเล่ม... ส่วนอีกเล่ม ก็ติดอยู่กลางหลัง Troll อีกตัว... ไม่รวมว่าร่างของเธอเริ่มฟ้องอาการบาดเจ็บจากการโดน Troll ตบไปสอง - สามที

 

- ความลับ -


 

“ต้องการความช่วยเหลือมั้ย” เสียงปริศนามาจากทางซ้ายของ Kaya

เธอหันไปพบกับชายคนหนึ่ง ยืนพิงต้นไม้ด้วยท่วงท่าสบายๆ ผมของเขามีสีอมแดง และถักเปียตามรูปแบบของชาว Celtic เผยให้เห็นหูที่แหลมตั้ง และฟ้องว่าเขาเป็น Elf นั่นเอง...

แม้ว่าเผ่าพันธุ์ Elf จะขึ้นชื่อเรื่องใบหน้าแห่งความเยาว์วัย แต่ Elf ตัวนี้ก็ดูเหมือนจะเด็กกว่า Elf ตัวอื่นๆ ไปอีก

แต่นี่ก็เป็น Elf ที่ล่ำบึกกว่า Elf ที่ Kaya เคยรู้จัก แถมท่าทางของเขาก็ดูภาคภูมิใจกับมัน... กล้ามเนื้อที่เปิดเผยผ่านร่างที่ไม่ได้สวมเสื้อ... ท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บขนาดนี้ ทำไม Elf ตัวนี้ถึงทนอยู่ได้

แถมเครื่องแต่งกายของเขาก็ดูประหลาด มันประดับประดาไปด้วยทองเหลือง ปลอกแขนข้างหนึ่งมีดาบทองเหลืองติดอยู่ และบริเวณคอที่เต็มไปด้วยเครื่องรางของเขา

 

“มายืนดูตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยะ” Kaya ถามกลับไป

“ก็นานพอจะเห็นว่าเจ้าเริ่มมีปัญหานั่นแหละ... แต่ข้าก็ไม่โทษเจ้าหรอก พวก Troll สายพันธุ์ Torga ลำพังตัวเดียวก็ไม่ใช่ขนมอยู่แล้ว... ไม่ต้องพูดถึง 1 ต่อ 6 เลย” Elf ตนนี้พูดไปพร้อมๆ กับท่าทางสบายๆ “แต่ก็โชคดี ที่ข้าผ่านมาเจอพอดี”

“ไอ้หนู หลบไปก่อนจะเจ็บตัวดีกว่านะ... ฉันเอาอยู่” Kaya ไม่ได้ดีใจกับการปรากฏตัวของ Elf หนุ่มตนนี้... น่าจะเป็นเพราะมาดสุดยียวนของเขาส่วนหนึ่ง

“ข้าว่า... เจ้าไม่น่าเอาอยู่แล้วล่ะ... อาวุธของเจ้าก็เสียหายไปทั้งหมด... แต่ข้ายังไม่ได้โชว์ของเลยด้วยซ้ำ” Elf หนุ่มยังคงแสดงมาดยียวนต่อไป

“ไอ่ดาบนั่นน่ะเหรอ” Kaya หมายถึงดาบทองเหลืองที่ไม่น่าจะใช้งานได้จริงของเขา

“ไม่หรอก ข้าหมายถึงเจ้านี่ต่างหาก” Elf ตัวนั้นโยนหินแบนๆ สีเทาขึ้นฟ้า ก่อนที่จะขว้ามันไว้ในมือ

“หินเนี่ยะนะ!?!” Kaya ทำหน้าเหมือนคนที่ไม่เชื่อสิ่งที่เห็น

แต่ Elf หนุ่มคนนั้นก็หันมาส่งยิ้มให้เธอ ก่อนที่จะเดินเข้าไปหาเหล่า Troll ทั้ง 6 ราวกับเป็นเรื่องปกติ

“เดี๋ยวสิ ไอ้หนู” Kaya ตะโกนไล่หลัง Elf หนุ่ม ที่กลายเป็นไอ้โง่ในสายตาของเธอ แม้ว่าเธอจะพยายามตามไปเพื่อใช้พลังไร้สสารของเธอกับเขา แต่ร่างกายของเธอก็ปฏิเสธความต้องการของเธอเอง

 

แต่กับ Troll พวกนั้น มันไม่ได้สนใจว่าคู่ต่อสู้คนใหม่ของมันจะเป็นใคร... ใครก็ตามที่ขัดขวางการนอนของพวกมัน ต่างคือแมลงที่น่ารำคาญทั้งนั้น มันเริ่มโจมตีทันทีที่ Elf หนุ่มตนนั้นเข้าสู่ระยะโจมตี

แต่ความเร็วในการก้าวเดินของ Elf ตนนั้นก็ไม่ได้ลดลง เพียงแค่ก้าวหลบฉากก้าวเดียว ร่างของเขาก็ปลอดภัยจากการโจมตีอันเกรี้ยวกราดของ Troll พวกนั้น

แม้ว่า Elf จะไม่ได้มีความสามารถในการเปลี่ยนร่างของตัวเองให้ไร้สสารเหมือน Kaya แต่เธอก็ต้องยอมรับความว่องไวที่เขามี

ไม่ว่า Troll จะพยายามมากแค่ไหน แต่พวกมันก็ไม่สามารถจับตัว Elf ตัวนี้ได้... และลีลาการหลบหลีกของเขา บางครั้งมันก็เหมือนจะทำไปเพื่อโชว์ให้ Kaya เห็นว่าเขาเหนือกว่าเท่านั้นเอง

ก่อนที่เวลาเล่นสนุกของพวก Troll จะหมดลง

Elf หนุ่มได้จังหวะเข้าประชิดตัว เขาบีบหินก้อนนั้นในมือ แขนของเขาเปล่งแสงวาปขึ้นมา และกลายเป็นสีเทาเหมือนกับหินก้อนนั้น และเพียงเขาสัมผัสเข้ากับขาของ Troll ตัวหนึ่ง

ขาของมันค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเทาเหมือนกับสีผิวของ Elf หนุ่ม จะต่างกันก็ตรงที่ ผิวของมันกลายเป็นหินไปด้วย

ร่างของมันขยับไม่ได้ และเปลือกหินสีเทาก็ลามไปทั่วร่างกายของ Troll ตัวนั้น จนไปถึงส่วนหัวที่ถูกหยุดพร้อมๆ กับใบหน้าตระหนกตกใจของมัน

เขาหลบการโจมตีและเริ่มโจมตีด้วยการแตะตัวเหล่า Troll ตัวแล้ว ตัวเล่า จนพวกมันทั้งหมดกลายเป็นหิน

Elf หนุ่มหยุดการเริงระบำของเขาที่กิ่งไม้กิ่งหนึ่ง และหันมามองที่ Kaya พร้อมสายตา และท่าทางที่แสดงความมั่นใจในฝีมือของเขาเกินพิกัด

 

“แจ๋วนี่ไอ้หนู” Kaya ยอมรับว่า Elf ตนนี้เก่งกว่าที่เธอคิดไว้

“หยุดเรียกว่าแบบนั้นซักทีถอะ” Elf หนุ่มเริ่มเซ็งๆ กับสรรพนามที่ Kaya เรียกเขาแล้ว

“แล้วจะให้ข้าเรียกว่าอะไรล่ะ” Kaya ถามกลับไป

Tyvar Kell เจ้าชายแห่งอาณาจักร Skemfar, วีรบุรุษแห่งทุกอาณาจักร และผู้ที่เพิ่งช่วยชีวิตเจ้า”

“Tyvar ละกันนะ” Kaya ตอบไปพร้อมๆ กับห้ามไม่ให้ตัวเองต้องมองบน “ฉันชื่อ Kaya ขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือนะ”

“ว่าแต่ ยอด “วีรบุรุษ” อย่างท่าน มาทำอะไรกลางป่า... หรือนายแอบตามฉันมา” Kaya ถามด้วยน้ำเสียงปะชดประชัน ก่อนที่จะเริ่มคิดว่าทำไมเรือ Cosima ถึงมาส่งเธอที่นี่

“ไม่ใช่เจ้า แต่เป็น Valki” Tyvar ตอบกลับมา

“งั้นก็วืดแล้วล่ะเจ้า Valki นั่นจริงๆ แล้วชื่อ Tibalt” Kaya พูดพลางตามหามีดที่หักของเธอ และมีดอีกเล่ม... ที่หลังของ Troll ซักตัวหนึ่ง

“รับทราบ ขอบคุณสำหรับข้อมูลใหม่” Tyvar ตอบรับ ก่อนที่จะพูดต่อไป “ก่อนหน้านี้ไม่นาน เจ้านั่นมาที่ท้องพระโรง เพื่อเข้าเฝ้า Herald พี่ชายของข้า ผู้ทรงดำรงตำแหน่งพระมหากษัตริย์แห่งอาณาจักร Skefar... ข้ารู้เพียงว่า มันมาเพื่อเตือนเรื่องสงครามที่กำลังจะมาถึง... และคู่ต่อกรของ Skemfar คือเหล่าเทพ Skoti”

Kaya หันกลับมาทันพอดีกับช่วงเวลาที่ Tyvar แสดงความกังวลออกมาทางสีหน้า... แทนที่ความมั่นอกมั่นใจที่เขามีมาตลอด ก่อนที่เขาจะกลับมาเสแสร้งความทะนงอีกครั้ง

“แต่ก็ไม่รู้ว่าเหล่า Skemfar จะเคลื่อนพลผ่านอาณาจักรได้อย่างไร” Tyvar จบประโยคของเขา

เอาแล้วไง... “Doomskar... เทพ Alrund บอกฉันว่า Doomskar กำลังจะมาถึง” Kaya ตอบกลับไป พลางนึกถึงเรื่องที่ Alrund บอกเอาไว้

“หา...” Tyvar แสดงสีหน้าตกตะลึง ก่อนที่จะพูดต่อไป Doomskar... จากปากเทพ Alrund เนี่ยะนะ”

“ช่าย... ลุงแกใจดีด้วยนะ ให้ข้ายืมเรือมานี่ด้วย” Kaya ตอบ

“แล้ว... ไอ้เจ้า Tibalt อะไรนี่ คือคู่อาฆาตของเจ้างั้นรึ?” Tyvar ถามต่อ

“ไม่ใช่เพื่อนแน่ๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นศัตรูกับฉันหรือเปล่า... แต่มันก็เป็นตัวปัญหา ยังไงก็น่าจะต้องจัดการกับมันเหมือนกัน” Kaya ตอบไปโดยไม่ได้คิดอะไร

“ถ้าเช่นนั้น เราต้องตามหามัน... และเจ้าต้องการความช่วยเหลือจากข้า” Tyvar ส่งยิ้มสุดยียวนกลับมาหา Kaya

และมันก็เป็นรอยยิ้มที่แทบจะทำให้ Kaya แม้งแตก... วิธีคิดแบบนี้... ไอ้หนูคนนี้มีหวังได้ไปคุยกับรากมะม่วงก่อนจบภารกิจแน่... และเธอก็ไม่ได้มาที่นี่เพื่อเป็นพี่เลี้ยงเด็ก

“นี่... ฉันมีภารกิจอื่นที่สำคัญกว่าตามล่าไอ้ปีศาจตัวแดงนี่... ที่สำคัญ ไม่รู้ด้วยว่าจะไปหามันได้ที่ไหน” Kaya พยายามตัดบททันที

“ไหงงั้นล่ะ” Tyvar ถามด้วยความแปลกใจ... การตามหาปีศาจที่มีลักษณะโดดเด่นขนาดนี้ไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก

“เอ่อ... เหมือนมันจะใช้ดาบเล่มหนึ่ง เปิดประตูมิติล่ะมั้ง” Kaya พูดถึงรอยแยกก่อนที่ Tibalt จะหายไป

“เจ้าเห็นหรือไม่ ว่ามีอะไรในนั้น” Tyvar ถามด้วยน้ำเสียงที่ดูตระหนกกว่าเดิม

“ไม่อ่ะ มันเปิดแค่แป๊บเดียว แต่น่าจะมีเปลวไฟ ละก็ที่พื้นของปลายทางมันมอดไหม้เหมือนถ่านสีดำ” Kaya พยายามนึกถึงภาพที่เธอเห็น

Immersturm...” Tyvar พึมพำ

แต่กลับเป็น Kaya ที่รู้สึกปั่นป่วนทันที... มันเป็นชื่อของอาณาจักรที่ Inga เคยพูดถึง... อาณาจักรแห่งปีศาจ

“ก็... งั้นถ้าเราไม่มีเรือวิเศษแบบที่พาข้ามา ก็ไม่น่า-” Kaya พูดยังไม่จบประโยค Tyvar ก็กางแขนออก หลับตาลง และรอบๆ ตัวของทั้งคู่ก็ค่อยๆ บิดเบือนไปเป็นมิติแห่งอวกาศอันว่างเปล่า

Kaya รู้สึกได้ว่าแรงดันอากาศมันเปลี่ยนอย่างกะทันหัน จนทำให้แก้วหูของเธอลั่น...

และภาพท้องฟ้าอันมืดมิด ประดับประดาด้วยแสงจากดวงดาวมากมาย แสงรัศมีสีเขียวอมฟ้า... แบบเดียวกับที่เทพ Alrund เคยเปิดประตูมิติที่ถ้ำแห่งป่า Aldergard

และเมื่อ Tyvar ลืมตาขึ้น ประตูหนึ่งบานก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของทั้งคู่

 


Tyvar Kell
 

“ท... ทำได้ยังไงน่ะ” Kaya ถามด้วยน้ำเสียงที่ปนเปไปด้วยความสับสน ความไคร่รู้ และผลกระทบจากอากาศที่เบาบางลงอย่างมาก

“เหล่าผู้ใช้เวทย์แห่ง Skemfar ถือว่าเป็นมหาจอมเวทย์แห่งอาณาจักรทั้งปวง... และข้าเองก็มีพรสวรรค์ และพลังเหนือยิ่งกว่าจอมเวทย์เหล่านั้นเสียอีก” Tyvar ตอบกลับมาพร้อมกับรอยยิ้ม และความมาดมั่นของเขาอีกครั้ง

แต่สิ่งที่ทำให้ Kaya สนใจมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่คำพูดที่แสนจะน่าหมั่นใส้ของ Tyvar... แต่เป็นหนึ่งในเครื่องประดับของเขาต่างหาก...

ศิลาทรงเหลี่ยมรูปร่างคุ้นเคย... Kaya มั่นใจว่ามันมีอยู่ที่ดาวดวงอื่น... เธอจ้องจน Tyvar รู้ตัว

“อ่อ ศิลาอันนี้ ข้าได้มาจากอาณาจักรอันไกลโพ้นน่ะ ไกลจนไม่มีบันทึกในอาณาจักรทั้ง 10 ของ Kaldhiem, รู้สึกว่ามันจะชื่-”

“Zendikar” Kaya พูดขึ้นมา... “พระสงฆ์องค์เจ้า... นายเป็น Planeswalker!

 

รอยยิ้มของ Tyvar หุบลง “แล้ว... อะไรคือ Planeswalker?”