TEZZERET

“ตราบใดที่ข้ายังคงชักใย เจ้าก็เป็นเพียงหุ่นกระบอกที่เต้นไปตามเกม”

 

Tezzeret เป็น Planeswalker มนุษย์เพศชาย เขาเกิดที่เสี้ยว Esper อันเป็นส่วนหนึ่งของดาว Alara ที่แยกออกมาเป็นส่วนที่ประกอบขึ้นจาก Leyline มานา สีฟ้า-ขาว-ดำ

เขาเป็นชายวัยกลางคน ผมยาวด้วยทรงผม Dreadlocks ร่างกายของเขาถูกดัดแปลงไปเป็นเครื่องจักรกลเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติของชาว Esper ทุกๆ คน

เขาเป็น Planeswalker ที่มีความชำนาญด้านสิ่งประดิษฐ์ หรือ Artifact เขาเองเข้าถึงมานาสีฟ้าได้ จากความทะเยอทะยาน และใฝ่หาความรู้...ก่อนที่ความกระหายในความรู้ของเขา จะผลักให้เขาเข้าถึงมานาสีดำ เพื่อพลังอำนาจของตัวเองในภายหลัง

เมื่อเขา Planeswalk เขาจะหายไปในแสงประกายไฟสีฟ้า และสีเงิน โดยผู้สังเกตการณ์จะเห็นได้ว่า ตัวของเขาดูเหมือนจะถูกดูดเข้าไปจากกลางอกของตัวเขาเอง

 

- วัยเยาว์ -


 

Tezzeret เกิดที่ Tidehollow หลังจากเหตุการณ์ Mending ได้ไม่นาน...

 

“Mending คือเหตุการณ์ระดับจักรวาล ที่ทำให้ Planeswalker สูญเสียพลังระดับเทพไป และกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในเวทย์มนต์สาขาของตนเอง กับความสามารถในการเดินทางข้ามดวงดาวเท่านั้น”

 

เขาเกิดในครอบครัวที่มีอาชีพ Scrapper หรือคนเก็บขยะ ในย่านที่ยากจนที่สุดบน Esper อย่าง Tidehollow... ในขณะที่ Esper เอง ก็คือเสี้ยวหนึ่งของดาว Alara

 

"ดาว Alara นั้น เป็นดาวที่มีความแตกต่างจากดาวดวงอื่นๆ ในจักรวาลของ Magic the Gathering ด้วยความที่มันเป็นเหมือน “อดีต” ดวงดาว เนื่องจากมันแยกตัวกลายเป็นเสี้ยวต่างๆ และแต่ละส่วนของเสี้ยว ก็จะเข้าถึงมานาไม่เหมือนกัน โดย Esper นั้น จะเป็นส่วนที่ไม่สามารถเข้าถึงมานาสีเขียว และสีแดงได้ มันจึงกลายเป็นเสี้ยวของดาวที่มีความใฝ่หาความสมบูรณ์แบบ"

 

"Esper กลายเป็นเสี้ยวของดาวที่ธรรมชาติ ไม่อาจก้าวข้ามความประสงค์ของผู้อยู่อาศัยได้"

"โดยผู้ที่อาศัยอยู่ใน Esper สามารถสร้างเครื่องจักรขึ้นมาเป็นสิ่งมีชีวิตใหม่ๆ ของดาวได้ โดยสิ่งที่เป็นพลังงาน และสารตั้งต้นที่จำเป็นสำหรับชาว Esper คือสิ่งที่เรียกว่า Etherium"

"Etherium เอง ไม่เพียงใช้เพื่อสร้างสิ่งมีชีวิตใหม่ๆ แต่มันยังเป็นเป็นสิ่งสำคัญในการก้าวข้ามความเป็นสิ่งมีชีวิตทั่วๆ ไป ในมุมมองของชาว Esper"

"ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ชาว Esper จะดัดแปลงร่างกายของตนเองด้วยเครื่องจักร และ Etherium เพื่อพัฒนา และวิวัฒน์ตนเองให้เป็นสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ"

 

"กระนั้น การมีอยู่ของ Etherium ก็มีอย่างจำกัด เพราะไม่มีใครรู้ว่ามันมาจากไหน หรือสังเคราะห์ผ่านกระบวนใด นอกจากผู้นำสูงสุดของ Esper ดังนั้นแล้ว Etherium ส่วนใหญ่ ใน Esper ยุคหลังจึงเป็นการนำของเก่ากลับมารีไซเคิลใช้ใหม่เรื่อยๆ มากกว่า"

 

วัยเด็กของ Tezzeret จึงหนีไม่พ้นการใช้ชีวิตเพื่อต่อลมหายใจของตนเองไปวันๆ... เขาเป็นเด็กที่แม้แต่พ่อ และแม่ของเขาก็ยังไม่มีเวลา หรือแม้แต่ความใส่ใจที่จะตั้งชื่อให้...
เขาถูกเรียกว่า “ไอ้หนู” เพียงเท่านั้น

ชื่อ Tezzeret นั้นมาจากการสังหารเด็กอีกคน ที่คอยกลั่นแกล้งเขาอยู่เสมอๆ โดยชื่อ Tezzeret มาจากภาษาของ Tidehollow ที่แปลคร่าวๆ ได้ว่า "อาวุธอเนกประสงค์"

 

กระนั้น ในวัย 7 ขวบ แม่ของเขาก็ประสบอุบัติเหตุจนถึงแก่ความตาย จากการถูกรถของคนรวยชนเข้า ขณะที่เธอกำลังขอทาน... หลังจากที่เธอแก่เกินกว่าจะขายบริการทางเพศได้ดั่งเดิม

และแน่นอนว่า ไม่มีใครจะมาสนใจคนในสลัม Tidehollow อยู่แล้ว

ทั้ง Tezzeret และพ่อของเขาจึงต้องเก็บศพด้วยตัวเอง... และความเจ็บแค้นที่พ่อของ Tezzeret มีต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันก็ทำให้เขาปลดปล่อยความคิดออกมา...
และไม่ว่าเขาจะตั้งใจหรือไม่ มันก็กลายเป็นคำพูดที่ติดอยู่ในใจของ Tezzeret เสมอมา

“ผู้แข็งแกร่ง คือผู้วางกฎ... มันเอาทุกอย่างไปจากคนจนๆ อย่างพวกเรา โดยที่มันไม่มีความผิด...”

และที่นี่ ที่ Esper ไม่มีใครจะมีอำนาจเหนือไปกว่าพวกจอมเวทย์อีกแล้ว

นั่นทำให้ Tezzeret เกิดจึงมุ่งมั่นที่จะก้าวสู่การเป็นจอมเวทย์... เพื่อที่จะไม่มีใครมาพรากอะไรไปจากเขาได้อีก...

 


จอมเวทย์ของ Esper
 

เพียงไม่กี่วันหลังจากนั้น ด้วยการสูญเสียแม่ไป เขาจึงต้องเริ่มทำงานเพื่อจุนเจือครอบครัว... และตัวของเขาเอง เขาเริ่มต้นงานเก็บขยะ และพรสวรรค์แรกของเขาก็ปรากฏ...

เขาสามารถหาโลหะต่างๆ จากกองขยะได้เร็ว และมากกว่าพ่อของเขาที่มีประสบการณ์มากกว่า...

แต่สถานการณ์ก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย... เพราะพ่อของเขาเห็นว่า Tezzeret สามารถทำงานได้ดีกว่า เขาจึงหยุดทำงาน และหันไปเป็นคนขายสินค้าที่ Tezzeret หามาได้แทน... และนั่น
ก็ทำให้ Tezzeret มีโอกาสที่จะหลุดออกไปจากสลัมแห่งนี้...

เขาเริ่มเก็บสะสม Etherium จากกองขยะ... แม้ว่าเขาจะโดนพ่อของเขาจับได้เป็นบางครั้ง แต่ส่วนใหญ่แล้ว เขาจะยอมแลกการเจ็บตัวเล็กๆ น้อยๆ เพื่อซื้อใจพ่อของเขา และเชื่อว่าเขาจะไม่ขโมย Etherium อีก

Tezzeret สะสม Etherium ไปพร้อมๆ กับการสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง... เขากลายเป็นตัวอันตราย และเป้าหมายของเขาก็ชัดเจนเกินกว่าจะมีใครมาขวางได้...

เขาคิดจะหนีไปจาก Tidehollow และถ้าใครเข้ามาขวางทางเขา เขาก็พร้อมจะสังหารทิ้งอย่างเลือดเย็น... โดยเฉพาะกับผู้ที่ยังมีแม่อยู่... Tezzeret เลือกที่จะจัดการกับแม่ของคู่กรณีมากกว่า... นี่คงเป็นปมแห่งความเจ็บปวดที่เขาเก็บงำมันไว้ตลอดมา...

 

และด้วยวัยเพียง 11 ปี เขาก็นำ Etherium ที่เขาเก็บซ่อนไว้เป็นทุนตั้งต้น สำหรับหนีออกไปจาก Tidehollow... หนีไปจากชีวิตที่โหดร้าย... และสู่เป้าหมายของการเป็นจอมเวทย์

 

- อัจฉริยะ และการชุบตัว -


 

Tezzeret ย้ายตนเองไปยังส่วนที่ใกล้ตัวเมืองมากขึ้น เขาเข้าเป็นลูกศิษย์ของนักประดิษฐ์ในเมือง คนแล้วคนเล่า

เขาฉายแววความอัจฉริยะอย่างไม่น่าเชื่อ กรมมวิธีการสร้างสรรค์สิ่งใดๆ ที่หลายๆ คนใช้เวลามากมาย เขาสามารถทำมันได้ภายในระยะเพียงครึ่งเดียวของค่าเฉลี่ยนั้น

และในเวลาเดียวกัน เขาเองก็ยังคงความเป็นฆาตกรเลือดเย็นเช่นเดิม เขาออกล่า Etherium ที่มีมากกว่าที่ Tidehollow อย่างเห็นได้ชัด และในคราวนี้ เขาไม่ได้มันมาจากการเก็บขยะเพียงอย่างเดียว เพราะเขาคอยสังหารเหล่าโจรกระจอก ที่ดัดแปลงร่างกายตนเองด้วย Etherium เพื่อสกัดเอา Etherium มาเก็บไว้เรื่อยๆ

เพียงไม่นาน Tezzeret ก็สามารถขยับสถานะจากลูกศิษย์นักประดิษฐ์ ไปสู่การเป็นนักประดิษฐ์เต็มตัว และด้วยความที่เขาเคยอยู่ในที่ๆ ทุกๆ เศษขยะมีค่า สิ่งประดิษฐ์ของเขาจึงมีจุดเด่นที่การใช้วัตถุดิบได้อย่างคุ้มค่า และมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่านักประดิษฐ์คนอื่นๆ ที่เริ่มเรียนมาพร้อมๆ กัน

เมื่อถึงวัย 19 ปี เขาก็วิวัฒน์ร่างของเขาเป็นครั้งแรก... เขาสละแขนขวาของเขา เพื่อเปลี่ยนมันให้เป็นโลหะจาก Etherium และนั่นก็คือการก้าวเข้าสู่ผู้ชำนาญในศาสตร์แห่งการเป็นผู้ประดิษฐ์... และผู้ที่ดูแลเขาในตอนนั้น จึงผลักดัน Tezzeret ให้เข้าสู่วิทยาลัยแห่งผู้ค้นหา (Academy of the Seekers)

 

"Academy of the Seekers เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นในการก้าวสู่การเป็นนักเวทย์ของ Esper โดย Academy จะแบ่งออกเป็นหลายๆ ส่วน และมีเป้าประสงค์ที่แตกต่างดันไป โดย Tezzeret ได้ตั้งเป้าที่จะเข้าสู่ Seekers of Carmot อันเป็นภาคส่วนที่เชื่อว่าการสร้าง Etherium นั้น มาจากการสกัดแร่ที่ชื่อว่า Carmot โดยพวกเขาเก็บคัมภีร์โบราณของ Crucius ไว้ภายใน"

 

"Crucius คือ Sphinx ที่เคยเป็นผู้นำ Esper ว่ากันว่า เขาเป็นคนเดียวที่สามารถสร้าง Etherium ขึ้นมาใหม่ได้เลย แต่ในตอนนี้ ไม่มีใครทราบว่าเขาหายไปไหน และด้วยข้อมูลเหล่านี้ คัมภีร์ของ Crucius จึงน่าเชื่อถือได้ว่า มีวิธีในการสร้าง Etherium และ Carmot ก็เป็นวัตถุดิบอย่างหนึ่งที่จำเป็น... เพียงแค่ว่า ไม่มีใครรู้ว่า Carmot มันคืออะไรเท่านั้นเอง"

 

และในตอนนี้ Tezzeret ก็ได้เข้าสู้ใจกลางเมือง Esper... ที่ๆ เต็มไปด้วยความร่ำรวยทรัพยากร และสมบูรณ์แบบ มันต่างกับ Tidehollow สลัมบ้านเกิดของเขาเหลือเกิน

และบททดสอบแรกของการเข้าสู่ Seekers of Carmot คือการดวลของผู้ที่ถูกคัดเลือกเข้าสู่ Academy of Seekers

คู่แข่งของเขาคือ Silas Renn... ผู้ที่มาจากตระกูล Renn อันสูงส่ง และมีชื่อเสียงใน Esper

ทั้งคู่ปะทะกัน แต่ก็เป็นทางด้านของ Silas ที่มีจังหวะในการโจมตีเหนือกว่า และก็ทำให้ Tezzeret พ่ายแพ้ไป... ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาไม่ได้เข้าสู่ภาคส่วน Seekers of Carmot และนั่น... มันก็คืออุปสรรคที่ขวางทางการเป็นนักเวทย์ของเขา... อุปสรรคที่ขวางการเป็นสุดยอดอำนาจแห่ง Esper

 


Silas Renn
 

ในคืนนั้น เขาเข้าไปหาผู้อำนวยการ Seekers of Camot เพื่อจะอธิบาย และร้องขอให้เขาได้โอกาสครั้งที่สอง... แต่ทว่า ในมุมมองของผู้อำนวยการนั้น ความพ่ายแพ้ของ Tezzeret คือข้อพิสูจน์ว่าเขาไม่เหมาะกับ Seekers... และเมื่อมันรวมกับชาติกำเนิดอันต่ำต้อยของเขาเข้าไปอีก... มันยิ่งจะเป็นรอยด่างพร้อยกับ Academy... ผู้อำนวยการจึงตัดสินใจที่จะไล่เขาออก

และด้วยความไร้มารยาทของ Tezzeret ก็ทำให้ผู้อำนวยการโมโห และตอกกลับเขาไป

“ไอ้พวกตระกูลคนเก็บขยะอย่างแก มันเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากคนเก็บขยะนั่นแหละ”

 

สิ้นประโยคนี้ ก็ทำให้ Tezzeret สติขาดผึงทันที... เขาบั่นหัวของผู้อำนวยการลง และตอกกลับไปกับร่างไร้วิญญาณนั้น

“ใช่... ข้าเป็นได้แค่คนเก็บขยะนี่แหละ... ขยะชิ้นแรกก็แกไง”

 

 

Tezzeret ยังคงวนเวียนอยู่แถวๆ วิทยาลัย เพื่ออาศัยช่วงเวลาเข้าไปศึกษาข้อมูลต่างๆ ด้วยตัวเอง จนกระทั้งเขาได้รู้ถึงที่ซ่อนของคัมภีร์แห่ง Crucius... และนี่คือหนทางแห่งการก้าวข้ามสู่สถานะผู้ปกครองของเขา

Tezzeret แทรกซึมเข้าไปภายในห้องลับ เขาไปถึงห้องเก็บคัมภีร์... ก่อนที่จะพบว่า... เนื้อหาในคัมภีร์นั้นมันว่างเปล่า... มันเป็นเพียงแผ่นโลหะแวววาวอันว่างเปล่า...

และเขาก็โดนจับกุมโดยเหล่านักเวทย์ และผู้คุมคนอื่นๆ... เขาโดนรุมทำร้าย และด้วยพื้นเพอันต่ำต้อยของ Tezzeret พวกผู้คุมไม่คิดว่าจะให้เขาเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย...
และตั้งใจที่จะทำร้ายให้เขาจบสิ้นที่ตรงนี้

มีดสั้นถูกกระซวกเข้ากลางท้องของ Tezzeret... ความตายที่กำลังจะมาถึง... เป้าหมายที่เลือนรางลงไป... Tezzeret ได้รับ Spark และ Planeswalk ออกไปจากห้องเก็บคัมภีร์...
 

 

เขาได้สติขึ้นมาในที่ๆ แปลกตา

มันเต็มไปด้วยกลิ่นเลือด และซากศพ... และมันไม่ใช่แค่กลิ่น มันยังตามไปถึงรอยเลือดตามพื้นอีกด้วย และเงาของบางอย่างมหึมาก็ทอดมาบังแสงอันริบหรี่...

มันคืออสูรขนาดยักษ์ มันเข้าโจมตี Tezzeret ที่เหมือนเป็นเหยื่อของมัน แต่ก็มีอีกหนึ่งปีศาจโฉบเข้าโจมตีมัน และเบี่ยงแบนความสนใจไปจาก Tezzeret

แต่ก็เหมือนกลิ่นเลือด และการต่อสู้เมื่อครู่จะทำให้สัตว์ร้ายทั้งหลายให้ความสนใจ... ทั้งผีดิบ ปีศาจ และอสูร ต่างไล่ล่า Tezzeret ที่เป็นเพียงมนุษย์ในที่นี้

เขาหนีไปพลาง โจมตีกลับเพื่อลดความหนาแน่นของฝูงปีศาจที่ไล่เขามาไม่หยุด

จนเขาได้พบกับอีกหนึ่งร่างมหึมา... มันเสนอให้ Tezzeret ยอมรับใช้มันเพื่อแลกกับการมีชีวิตต่อไป และหลุดพ้นจากการไล่ล่าของอสูรที่นี่... ที่ Grixis

 

"Grixis คืออีกเสี้ยวหนึ่งของดาว Alara ที่เข้าถึงเพียงมานา สีดำ-ฟ้า-แดง มันเป็นเสี้ยวที่เต็มไปด้วยความตาย ผี, ปีศาจ, และสัมภเวสี"

 

และร่างที่ยื่นขอเสนอนั้นก็คือ Nicol Bolas ที่กำลังดำเนินแผนการฟื้นฟูพลังของมันโดยอาศัย Alara มันเห็นอะไรบางอย่างในตัว Tezzeret และเลือกที่จะให้ Tezzeret เข้ามาเป็นลิ่วล้อของมัน

 

 

Tezzeret มีเพียงตัวเลือกว่าจะตาย หรือจะยอมสวามิภักดิ์เพื่อชีวิต และเป้าหมายของเขา... ที่ตอนนี้เหมือนจะเปลี่ยนไปแล้ว

 

- ความทะเยอทะยาน และการหักหลัง -


 

ต่อมา Tezzeret ก็ได้เข้าร่วมงานกับ Nicol Bolas รวมถึงกับองค์กร Infinite Consortium ที่เป็นการรวบรวมเหล่า Planeswalker เข้ามาร่วมงาน เพื่อทำงานสกปรกตามแต่ที่ Nicol Bolas จะส่งคำสั่งมา

มันเป็นองค์กรที่ทำทั้งการขนส่งสินค้า ไปจนถึงลอบสังหาร... และมันก็กำลังมีหนอนบ่อนใส้อยู่ภายใน...

Tezzeret เอง วางแผนที่จะยึดองค์กรนี้ เพื่อนำมาสร้างเป็นฐานอำนาจของตนเอง และเขาก็ทำมันได้สำเร็จ... แต่เขาเองไม่ใช่คนโง่

เขารู้ดีว่าพฤติกรรมของเขา มีความเสี่ยงที่จะโดน Nicol Bolas ลงโทษ และสิ่งที่เขากลัวที่สุดก็คือ การโดนอ่านจิต และความทรงจำจาก Nicol Bolas เพราะความลับของการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร จะถูกเปิดเผยต่อ Nicol Bolas

Tezzeret ได้เจอเด็กหนุ่มอีกคน ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเวทย์มนต์ทางจิดใจ... Jace Beleren

 


Jace Beleren
 

Tezzeret ดึงเอา Jace เข้าสู่องค์กร Infinite Consortium เพื่อใช้งานด้านการล้วงข้อมูล... และเพื่อป้องกันตัวเขาเองจากการโดนอ่านใจจาก Nicol Bolas

และภารกิจนั้นก็มาถึง เมื่อ Tezzeret ที่ไม่เพียงมีความลับต่อ Bolas

แต่เขาได้ข้อมูลมาอีกอย่าง... ภารกิจของ Bolas ที่ Grixis...

ในตอนนั้น เป็นช่วงเวลาที่ Bolas เข้าไปวางหมากของมันตามแต่ละเสี้ยวของดาว Alara และบรรดา Seekers ทั้งหลาย ก็เป็นหนึ่งในหมากของ Bolas

การที่ Tezzeret ถูกปฏิเสธจาก Seekers of Carmot ก็เป็นหนึ่งในเกมของ Bolas

กระนั้น ปมปัญหาเหล่านี้ ก็มาถึงจุดสิ้นสุด เมื่อ Tezzret ได้มีข้อขัดแย้งกับ Bolas ในกรณีการขุดเจาะแร่ธาตุบางอย่าง (ว่ากันว่า มันคือ Carmot สารตั้งต้นในการสร้าง Etherium นั่นเอง)

แต่ทว่า พลังจิตของเด็กหนุ่มอย่าง Jace ก็ไม่สามารถต้านทานพลังอันแก่กล้าของมังกรอายุนับพันปีได้ เกราะกำบังทางจิตของ Jace ไม่สามารถหยุดการแทรกซึมของ Bolas ได้เลย มันล้วงเอาข้อมูลที่ Tezzeret เก็บซ่อนเอาไว้ทั้งหมด... และมันเองก็ยังมีแผนสอง... หลังจากได้ข้อมูลทั้งหมด มันยังส่งทหารรับจ้างไปไล่สังหารทั้ง Jace และ Tezzeret อีกทอดหนึ่ง

แม้ว่าทั้งคู่จะสามารถหนีรอดออกมาจากแผนการลอบสังหารของ Bolas ได้ แต่ Jace เองก็กลายเป็นเพียงหมากที่ไร้ประโยชน์ในกระดานของ Tezzeret

เขาลงโทษ Jace อย่างสาหัส จนทำให้ Jace พยายามหนีออกจาก Infinite Consortium...

การหลบหนีของ Jace ก็ผ่านไปประมาณครึ่งปี... ก่อนที่ Jace จะโดนปั่นหัวโดย Liliana Vess ที่ตอนนั้น ทั้งคู่กำลังเป็นคู่รักกัน

ด้วยความเหนื่อยในการอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ Jace จึงกลับมาปะทะกับ Tezzeret และผลของการต่อสู่อย่างหมาจนตรอกของ Jace ก็ทำให้ Tezzeret ได้รับความพ่ายแพ้ และถูกทำลายจิตใจ แถมเขายังต้องสูญเสียแขน Etherium ไปอีกด้วย...

และ... Bolas ก็คือผู้ที่วางแผนทั้งหมด... มันส่ง Liliana ไปปั่นหัว Jace เพื่อหวังให้เธอเป็นผู้ดูแล Consortium แทน Tezzeret (แต่ก็กลายเป็นอำนาจถูกส่งให้กับ Jace เพราะเขาเป็นผู้ล้ม Tezzeret ได้ ไม่ใช่ Liliana) มันมาเก็บเอาร่างที่ไม่หลงเหลือจิตอยู่กับร่างของ Tezzeret กลับไป... เพื่อสร้างทาสที่สมบูรณ์แบบ... เพื่อสร้างข้อตกลงที่ Tezzeret จะต้องทำตามไปตลอดชีวิต

 

- กำเนิดใหม่ สายลับ เมืองแห่งจักรกล -


 

Tezzeret ได้ร่าง และจิตของเขากลับมา พร้อมกับตราประทับบนหน้าผากใหม่... ตราบาปแห่งความเป็นทาสของ Bolas

ตอนนี้เขาถูกส่งไปที่ Mirrodin

 

"Mirrodin เป็นดาวที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นมาโดย Karn มันเป็นดาวที่ถูกสร้างโดยล้อเลียน Phyrexian นั่นคือมีส่วนผสมของสิ่งมีชีวิตเชิงชีวะ และสิ่งมีชีวิตเชิงอชีวะ ที่เป็นเครื่องจักรกลมีชีวิต"

 

เพื่อสืบเรื่องราวของการตระหนักรู้ตัวตนของเหล่าเครื่องจักร ที่ตอนนี้มีการจัดแบ่งพื้นที่การปกครอง และตั้งลำดับชั้นของบรรดาเครื่องจักรทั้งหลาย

โดย Tezzeret เชื่อว่า เขาถูกส่งเข้าไปเป็นสายลับเพื่อสืบเรื่องราวทั้งหมด

แต่ทว่า ยิ่งเขาทำงานให้กับ Bolas เขาก็ยิ่งรู้ว่า... เขาออกห่างจากคำปฏิญานของตัวเองไปเรื่อยๆ

เขาเป็นเพียงเบี้ยอีกตัวของ Bolas เขาไม่สามารถหลุดพ้นจากการรับใช้ผู้มีอำนาจเหนือกว่าได้...

 


Karn ณ ใจกลาง Mirrodin
 

และภารกิจของเขา... คือการถูกจับเป็น... เพื่อสืบหาว่าใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด

แม้ว่าการเป็นแสร้งทำตัวเองเป็นเหยื่อล่อ... แต่ทว่าการแทรกแซงของ Tezzeret และ Bolas ก็ไม่สามารถหยุดยั้งการก้าวสู่อำนาจของเครื่องจักรได้ และ Mirrodin ก็กลายเป็น New Phyrexian ไปพร้อมๆ กับการหนีออกมาของ Tezzeret

 

- เทศกาลนักประดิษฐ์ -


 

Kaladesh

เวลาล่วงเลยไปซักระยะใหญ่ๆ หลังจากเหตุการณ์ที่ Mirrodin

Tezzeret ก็ได้รับภารกิจใหม่ เป็นการแทรกซึมเข้าไปที่ Kaladesh

 

"Kaladesh เป็นดาวที่มีพลังงานชื่อว่า Aether อยู่ในชั้นบรรยากาศอย่างเข้มข้น

ซึ่งโดยปกติแล้ว Aether จะเป็นพลังงานที่อยู่ใน Blind Eternities หรือช่องว่างระหว่างการเดินทางความดวงดาวของเหล่า Planeswalker

และ Aether เป็นพลังงานที่เกี่ยวข้องกับการกำเนิด และให้พลังงานอื่นๆ ซึ่งรวมไปถึง Etherium แร่หายากของ Esper ด้วย

และด้วยความเข้มข้นของ Aether ที่ Kaladesh มันส่งผลต่อการก่อตัวเป็นรูปร่างของสิ่งต่างๆ และบรรดานักประดิษฐ์ก็สามารถเก็บเกี่ยวพลังงาน Aether เพื่อนำมาสร้างสิ่งประดิษฐ์ได้มากมายกว่าดาวอื่นๆ

รวมถึงสิ่งมีชีวิตอย่าง Aetherborn ที่กำเนิดมาจากการรวมตัวของ Aether ขึ้นมาเป็นรูปร่าง และมีชีวิตด้วยตัวเองเลยทีเดียว"

 

โดย Tezzeret ได้เข้าไปเป็นหัวหน้าคณะกรรมการของงานประกวดสิ่งประดิษฐ์ที่กำลังจะจัดแข่งขันขึ้น

และมันก็ถูกล็อกผลไว้ตั้งแต่ต้น... Rashmi นักประดิษฐ์ Elf สาว เธอมาพร้อมกับเครื่องมือที่ชื่อว่า Planar Bridge ที่เรียกได้ว่า เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่สามารถเปลี่ยนแปลงจักรวาลได้เลย

 

"เนื่องจากหลังจากเหตุการณ์ Mending เกิดขึ้น ถ้าหากไม่ได้เป็น Planeswalker จะไม่สามารถเดินทางข้ามดวงดาวได้ และ Planeswalker ก็สูญเสียพลังที่จะพาสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เดินทางข้ามดาวเช่นกัน"

 

แต่ Planar Bridge ของ Rashmi นั้น ทำให้การเดินทางข้ามดวงดาวเป็นไปได้อีกครั้ง แม้ว่าในตอนนี้ มันจะเป็นเพียงสิ่งประดิษฐ์ขั้นทดลองขนาดเล็ก และสามารถพาสิ่งไม่มีชีวิตไปได้เท่านั้นก็ตาม

 


Rashmi นักประดิษฐ์ Planar Bridge
 

แต่นอกจากงานประกวดสิ่งประดิษฐ์แล้ว Tezzeret ยังเข้าเป็นฝ่ายเดียวกันกับ Consulate ที่เป็นผู้ถืออำนาจ และสิทธิ์ขาดในการจัดสรร พลังงาน Aether ใน Kaladesh

ซึ่งทาง Consulate กำลังมีปัญหาการก่อปฏิวัติโดยฝ่าย Renegades

ซึ่ง Tezzeret เอง ก็อาศัยงานประกวดสิ่งประดิษฐ์ครั้งนี้ เป็นการประกาศอำนาจ และสร้างความน่าเกรงขาม ด้วยความตั้งใจที่จะปลิดชีวิตของผู้นำฝ่าย Renegades ลง... นั่นก็คือ Pia Nalaar ผู้เป็นมารดาของ Chandra Nalaar นั่นเอง

 

แต่สถานการณ์ก็ไม่เป็นใจ เพราะทาง Chandra ตามมาช่วยแม่ของเธอได้ทัน และยังมาพร้อมกับเพื่อนๆ Gatewatch อีกด้วย

 


Gatewatch มาเยือน !
 

สถานการณ์สงครามกลางเมืองจึงสุกงอมเต็มที่ ทั้งฝ่าย Consulate และฝ่าย Renegades ต่างมีผู้สนับสนุนที่เป็น Planeswalker และพร้อมที่จะประหัตประหารอีกฝ่ายอย่างไม่ลังเล

 

ในช่วงเวลาของความวุ่นวายนี้ Tezzeret ได้ลักพาตัว Rashmi ไปพร้อมๆ กับผู้เข้าแข่งขันอีกจำนวนหนึ่ง

เพื่อบีบให้พวกเขาสร้างสิ่งประดิษฐ์รุ่นทดลองที่ตนเองนำเสนอในงานแข่งขัน ให้กลายมาเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ใช้ได้จริง... และถ้าใครปฏิเสธ... ผลของมันก็คือชีวิตของนักประดิษฐ์เหล่านั้น

 

และสุดท้ายแล้ว Rashmi ก็สามารถสร้าง Planar Bridge ที่มีขนาดใหญ่พอจะส่งสิ่งของที่มีขนาดเท่าใหญ่ได้สำเร็จ... แต่เธอเองก็ถูก Tezzeret บังคับให้เข้าไปในประตูมิติที่เธอเองก็รู้ดี... ถ้าเธอเข้าไป เธอจะไม่มีทางออกมาแบบเป็นๆ อีกต่อไป... เธอจึงอาศัยจังหวะนั้น หลบหนีออกมาจากห้องทดลองของ Tezzeret ก่อนที่เพื่อนของเธอ อย่าง Saheeli Rai จะตามมาช่วย และเธอก็มากับ Liliana... ผู้ที่เคยเป็นปรปักษ์กับ Tezzeret... แต่ก็ทำงานให้กับ Bolas ทั้งคู่

 


Saheeli Rai อีกหนึ่งสุดยอดนักประดิษฐ์ของ Kaladesh
 

ในการปะทะกัน Tezzeret ใช้เครื่องจักรจำนวนมากมาย เข้าต่อสู้กับฝูงผีดิบของ Liliana

แต่เขาก็ไม่สามารถต้านทานอีกหนึ่งวัตถุทรงพลังที่ Liliana มีได้... เธอใช้ Chain Veil โจมตี Tezzeret

และนั่นทำให้ Tezzeret ต้องถามถึงฝ่ายที่เธอเลือก... ก่อนที่เขาจะรู้ว่า Liliana ได้ตัดสินใจเข้าเป็นฝ่าย Gatewatch ไปแล้ว

Tezzeret เองที่ไม่ได้จงรักภักดีกับ Bolas ไปมากกว่าชีวิตของตัวเอง เขาจึงยอมคายความลับที่หลบซ่อนของ Bolas... ที่ Amonkhet... ที่เดียวกัน กับ Razaketh อีกหนึ่งปีศาจที่ Liliana เคยทำสัญญาทาสเอาไว้

และเพียงเอ่ยชื่อของ Razaketh ก็ทำให้ Liliana ชะงักไปทันที

ในขณะนั้นเอง Chandra และ Gideon Jura ก็ขับยานเข้าพุ่งชน Planar Bridge

และเปิดโอกาสให้ Tezzeret หลบหนีออกไป พร้อมกับแผนภาพ และแก่นพลังงานของ Planar Bridge

 

- สงครามครั้งสุดท้าย -


 

ในขณะที่ Planeswalker จากทั่วทุกสารทิศ ถูกล่อลวงโดยสัญญานปลอม ให้ไปที่ Ravnica เพื่อเป็นเชื้อเพลิงในการเก็บเกี่ยวพลัง Spark ของ Nicol Bolas เพื่อให้มังกรจอมวางแผนตนนี้ ได้พลังเมื่อครั้งก่อน Mending คืนมา

 

Tezzeret เขาไม่สามารถสร้าง Planar Bridge ได้เช่นเดียวกับ Rashmi... แต่สิ่งที่เขาทำได้ คือการเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นประตูมิติเสียเอง

เขารออยู่ที่ Amonkhet... กับร่างที่ฝัง Planar Bridge ไว้ที่ช่องท้องของเขา... เมื่อสงครามมาถึง เขาเปิดประตูมิติ และให้กองทัพผีดิบ The Eternals ของ Bolas เดินทางข้ามไปยัง Ravnica เพื่อเป็นกำลังเสริม

 


Planar Bridge, The Eternal และจอมมังกร
 

แต่ทางฝ่าย Planeswalker ก็จัดกลุ่มโจมตี เพื่อแทรกซึมย้อนศร Planar Bridge กลับมาที่ Amonkhet

เนื่องด้วยเครื่องมือที่มีชื่อว่า Immortal Sun ที่ทำให้ Planeswalker ไม่สามารถเดินทางข้ามดวงดาวโดยตรงได้ ทีมโจมตีจึงต้องใช้ Planar Bridge เป็นเครื่องมือในการเดินทาง

และเมื่อไปถึง พวกเขาก็สามารถโจมตี Tezzeret พร้อมกับทำลาย Planar Bridge ลงไปได้...

ในช่วงเวลาที่ Tezzeret ควรจะโกรธที่แผนการของเขาไม่สำเร็จนั้น... กลับกลายเป็นว่า เขารู้สึกโล่งใจ...

เขาบอกกับ Planeswalker ที่โจมตีเขาว่า... ขอให้ชนะในสงครามครั้งนี้... ขอให้ Bolas หมดอำนาจลง... และขอบคุณ ที่ทำให้หน้าที่ของเขาจบลงด้วยความไม่สำเร็จ

ท่ามกลางความงุนงงของทีมโจมตี Tezzeret ก็ Planeswalk ออกไปทันที

 

และเมื่อไม่มีประตูมิติ บรรดาผีดิบ Eternal ก็ไม่สามารถเดินทางไปเป็นกำลังเสริมที่ Ravnica ได้อีกต่อไป

สงครามก็จบลงที่ความพ่ายแพ้ของ Bolas...

 

- บ้านเก่า และอำนาจที่ถวิลหา -


 

หลังจากเหตุการณ์ Conflux ที่เสี้ยวต่างๆ ของดาวสงบลง

หลังจากการโจมตีเพื่อปิด Planar Bridge ที่ Amonkhet

Tezzeret กับร่างกายที่บอบบช้ำของเขา ก็กลับมาที่อดีต Esper... เขากลับมาซ่อมแซมตัวเอง และสร้างเสริมอำนาจ และบารมีอีกครั้ง

เขาได้ยึดครองป้อมปราการที่อยู่ท่ามกลางหมู่เมฆ... ที่ๆ เขาวางแผนมาตลอดชีวิตของเขา... Seeker’s Sanctum...

ตอนนี้เขาคือผู้ครองอำนาจแห่ง Seeker... จากเด็กสลัม Tidehollow... เขาได้กลายมาเป็นผู้มีสิทธิ์ และอำนาจสูงสุด... ท่ามกลาง Esper ที่ไม่หลงเหลือความเป็น Esper อีกต่อไป

แต่เพียงเท่านี้ ก็เพียงพอแล้ว... ความรู้สึกของเขาได้ถูกเติมเต็ม

ท่ามกลางเหล่าลิ่วล้อ... ไร้ซึ่งการรบกวนจาก Bolas... ปีศาจในใจของเขา ที่เขารู้ดีว่าไม่มีทางจะล้มมันด้วยตัวของเขาเองได้...

 


The Wanderer, Planeswalker ลึกลับ
 

แต่ไม่นาน การรอดชีวิตของเขา ก็ไม่สามารถทำให้ประชากรของ Ravnica สงบใจได้

หนึ่งใน Planeswalker อย่าง The Wanderer ผู้ลึกลับ เธอเองเคยมีประเด็นปัญหากับ Tezzeret และเธอเชื่อว่า หากปล่อยเขาไว้ เขาจะกลายเป็นตัวอันตราย... จะกลายเป็นอำนาจใหม่ต่อจาก Bolas ได้เลยทีเดียว

The Wanderer และ Ral Zarek จึงต้องออกตามล่า Tezzeret เพื่อจบชีวิตเขาลง

แต่ทว่า ท่ามกลางลิ่วล้อของ Tezzeret และอำนาจที่เขามีในอดีต Esper

ภารกิจของทั้ง Wanderer และ Ral จึงไม่ได้ราบลื่น

Wanderer ถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว และมันก็ทำให้ความสามารถพิเศษของเธอทำงาน!

 

"ความสามารถพิเศษของ Wanderer คือเธอสามารถ Planeswalk ติดต่อกันได้ในระยะเวลาสั้นๆ เธอไม่จำเป็นต้องพักเพื่อรวบรวมพลังเหมือนๆ กับ Planeswalker คนอื่นๆ... 
แต่ทว่า ถ้าหากเธอไม่ได้ตั้งสติเอาไว้ เพียงแค่การเหม่อลอย หรือหลับไป เธอก็จะ Planeswalk อย่างไร้ทิศทางทันที"

 

เธอ Planeswalk ออกไปจาก Esper โดยอัตโนมัติ ทิ้งไว้ให้ Ral ต้องเผชิญหน้ากับ Tezzeret เพียงคนเดียว

 


Ral Zarek จอมเวทย์สายฟ้า
 

ไม่ว่า Ral จะโจมตีด้วยเวทย์มนต์สายฟ้าที่เขาชำนาญไปมากมายเท่าใด แต่ความสามารถของ Planar Bridge ในตัว Tezzeret ยังคงอยู่

เขาสามารถดึงสายฟ้าเข้าไปยังมิติ Blind Eternities ในตัว และยิงมันกลับออกไปโจมตี Ral ได้ทุกครั้ง... นี่ยังไม่รวมบรรดาเครื่องจักรที่ Tezzeret สร้างมาเป็นลูกสมุนคอยช่วยโจมตี Ral อีกแรง

Ral ไม่สามารถต่อกรกับ Tezzeret ที่รายล้อมไปด้วยสิ่งประดิษฐ์ และอยู่ที่บ้านเกิดของตัวเอง Tezzeret ได้เปรียบทั้งทางด้านพลัง และพื้นที่

แต่ทว่า เมื่อถึงจังหวะที่จะจบเรื่องทั้งหมดได้ Tezzeret ก็เลือกที่จะยื่นข้อเสนอ... ข้อเสนอที่ Ral ไม่คิดว่าเขาจะได้รับมัน

Tezzeret จะยอมแพ้ เขาจะมอบแขน Etherium ให้กับ Ral เพื่อนำมันไปเป็นหลักฐานยืนยันการตายของเขา... และให้ทุกคนเลิกยุ่งกับเขาเสียที...

เขาได้อยู่ที่ Esper... เขาครองอำนาจอย่างที่เขาเคยใฝ่ฝัน... เขาหลุดจากการเป็นทาสของ Bolas... หลุดจากการเป็นทาสของสิ่งอื่นใด...

เขาได้อิสระ ได้อำนาจ อย่างที่เคยคาดหวัง และเขาก็อยากจะอยู่กับมันจนจบชีวิตนี้ไป...

Ral ตกลงรับข้อเสนอนั้น เขากลับไปที่ Ravnica พร้อมกับแขนของ Tezzeret...

 


Lazav ผู้ลึกลับ
 

แต่เรื่องราวแสนวุ่นวายก็ยังไม่จบลง เมื่อ Lazav ผู้เป็นหัวหน้ากิลด์ Dimir เขาเป็นทั้งสายลับ และผู้ใฝ่หาอำนาจใน Ravnica เขารู้ดีว่า Tezzeret ยังไม่ตาย...

เพราะทั้งคู่ยังคงติดต่อกันอยู่! ทั้งคู่ต้องการข้อมูลของกันและกัน และการที่ Ral กลับมาพร้อมกับแขนของ Tezzeret นั้น คือการหลอกลวงประชากรของ Ravnica และเป็นการผิดข้อปฏิบัติของผู้นำของทั้ง 10กิลด์ อย่าง Niv-Mizzet

กระนั้น ในการประชุมผลสัมฤทธิ์ในการตามล่าผู้สร้างความวุ่นวายใน Ravnica หลังจากสงคราม Bolas

Ral กลับออกมายอมรับอย่างตรงไปตรงมา

เขาไม่ได้สังหาร Tezzeret ลง เขาแพ้อย่างหมดรูปด้วยซ้ำ และเขาก็พูดถึงข้อตกลงที่ Tezzeret ต้องการ...

และด้วยตำแหน่งหัวหน้ากิลด์ Izzet ของ Ral Zarek การยอมรับความพ่ายแพ้ และยอมรับว่าภารกิจล้มเหลวนั้น ทำให้ผู้มีอำนาจคนอื่นๆ ของกิลด์ต่างสบโอกาส ที่จะขอเสนอตนเองขึ้นเป็นหัวหน้ากิลด์คนใหม่

แต่ทว่า การเลือกตั้งก็จบลงที่ Ral ยังคงอำนาจในการเป็นหัวหน้ากิลด์ Izzet ต่อไป

และนั่น... ก็ทำให้ Lazav หมดข้อมูลที่จะใช้เพื่อเป็นข้อต่อรองอำนาจของ Izzet จาก Ral 
แต่ Lazav ก็ยังคงพยายามจะหาสิ่งอื่นๆ มาใช้เป็นเครื่องมือในการต่อรองกิลด์อื่นๆ ต่อไป

 

 

ถึงตรงนี้ ก็จบเรื่องราวของ Tezzeret ผู้มีความฝันเพียงหนึ่งเดียว... แม้ว่าเส้นทางชีวิตของเขาจะเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่สุดท้ายเขาก็ทำตามปราถนาของเขาได้สำเร็จ