หัวใจแห่งเมืองลอยฟ้า


 

Nahiri... เหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีครามอันสวยงามของ Zendikar... ดาวบ้านเกิดของเธอ...

ในตอนนี้ เธออยู่ที่ Akoum ดินแดนแห่งเขาสูงและภูเขาไฟ... แม้ท้องผ้าจะสวยงามแค่ไหน แต่กระนั้นมันก็มีภาพที่ขวางหูขวางตาและขัดอารมณ์ของเธออย่างเศษซากของ Skyclave... เมืองลอยฟ้าที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นป้อมปราการอันเกรียงไกร... ก่อนที่ Eldrazi และปรากฏการณ์ Roil จะรุนแรงยิ่งขึ้น ณ Zendikar

 

"Eldrazi... สิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้ว่ามันกำเนิดมาจากไหน... มันเป็นอันตรายจากการดูดกลืนพลังงานทุกๆ อย่างที่มันต้องการ หลังจากถูกผนึกไว้ในดาว Zendikar โดย The Three ที่มี Nahiri เองเป็นสมาชิกอยู่ด้วย มันก็เริ่มทำให้ Zendikar เริ่มแสดงอาการต่อต้านสิ่งแปลกปลอมอย่างรุนแรง เสมือนว่า Eldrazi เป็นเชื้อโรค... แสดงออกมาในปรากฏการณ์ Roil"

"Roil คือการแสดงความมีชีวิตจิตใจของแผ่นดิน Zendikar... มันอาจะเป็นเพียงแผ่นดินไหว, พายุ หรืออาจจะก่อตัวเป็นรูปร่างเป็นตัวตน ไม่ว่าจะมาจากดิน น้ำ หรืออะไรก็ตามบน Zendikar... และเมื่อ Eldrazi ถูกผนึกไว้ในดาว มันก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น... ราวกับเม็ดเลือดขาวที่ต้องการกำจัดเชื้อโรค Eldrazi ออกไป"

 

มันคือเศษซากของเมืองที่ตอกย้ำความเป็นเอกภาพ และความผาสุก ที่ครั้งหนึ่งประชาชนของ Zendikar เคยใช้ชีวิตอย่างสงบสุข และตอกย้ำว่าเธอทิ้งบ้านเกิดของเธอไปนานแค่ไหน... นานเกินกว่าที่เธอจะให้อภัยตัวเอง

 


Akoum Skyclave
 

และเมื่อพูดถึง เหตุการณ์ Roil... มันก็เกิดขึ้นทันที... แผ่นดินที่ Nahiri ยืนอยู่ก็เริ่มสั่นสะเทือน ลาวาใต้ดินเริ่มก่อตัวเป็นรูปร่าง

“ข้าคือผู้พิทักษ์แห่ง Zendikar” Nahiri คิดในใจ เธอไม่ยอมรับการขัดขืนของแผ่นดินครานี้ เธอใช้วิชา Lithomancy ควบคุมหินให้เข้าไปหยุดความเกรี้ยวกราดของลาวา... จนมันสงบลง...

เธอรู้สึกได้ถึงชัยชนะจากการควบคุม Roil ในครั้งนี้ได้... และความฝันของเธอก็คือ การกำจัด Roil ออกไปจาก Zendikar เสีย... และเธอก็รู้ว่า ตอนนี้คำตอบของมันอยู่ที่เบื้องหน้าของเธอแล้ว... ที่ใจกลางเศษซากเมืองลอยฟ้า แหล่งพลังงานเก่า ที่คอยขับเคลื่อนเมืองลอยฟ้าแห่งนี้...

 

“Akoum ยังคงสวยงาม แม้จะคาดเดาอารมณ์ของเธอไม่ได้ก็ตาม” Nissa ที่เดินเข้ามาข้างๆ Nahiri พูดขึ้นมาแทนการทักทายแบบทั่วๆ ไป...

Nissa เธอกลับมาที่ Zendikar หลังจากสงครามกับ Nicol Bolas ที่ Ravnica แล้ว

“ไม่มีอะไรที่ข้าจัดการไม่ได้หรอก” Nahiri ตอบด้วยความภูมิใจ

“ฉันไม่ได้หมายถึงแบบนั้น...” Nissa ตอบกลับ “Roil มันไม่ใช่อะไรที่เธอจะควบคุมมันได้หรอก...”

“งั้นก็หมายความว่า เธอไม่รู้จักฉันจริงๆ” Nahiri ตอบกลับด้วยความรู้สึกโกรธเล็กๆ กับคำตอบที่เหมือนกับดูถูกความสามารถของเธอ

“ฉันไม่ได้จะดูถูกเธอหรอกนะ แต่มันคือเหตุการณ์ปกติของที่นี่” Nissa ตอบไปพร้อมกับยกมือขึ้น แทนสัญลักษณ์ที่จะขอให้หยุดความโกรธที่ Nahiri แสดงออกทางน้ำเสียง

Nahiri ไม่ได้ตอบกลับ แต่เธอเปลี่ยนเรื่องคุยไปพร้อมๆ กับสายตาที่มองขึ้นไปที่ท้องฟ้า และเศษซากเมืองลอยฟ้าของ Akoum

“ฉันรู้ว่า Zendikar เคยเป็นเช่นไร... ความสงบและความรุ่งเรืองของอารยธรรม... ฉันอยากจะนำมันกลับมา”

“ใช่... Zendikar กำลังเจ็บปวด... ฉันได้ยินเสียงของแผ่นดินกำลังร้องขอความช่วยเหลือ” Nissa ตอบกลับ

 

และนั่น ก็คือเหตุผลที่ Nahiri เรียก Nissa อีกหนึ่งผู้พิทักษ์ Zendikar มาที่นี่... ที่ใจกลางเมือง Skyclave นั้น มีแหล่งพลังงานเก่า... และมันจะนำพวกเธอไปยังเครื่องมือที่จะรักษา Zendikar ได้...

ทั้งคู่เริ่มออกเดินทางสู่เมืองลอยฟ้า... Nahiri เธอเรียกแผ่นหินออกมาและสร้างมันเป็นขั้นบันไดขึ้นไปสู่เมืองลอยฟ้า ส่วน Nissa ก็ใช้เถาวัลย์ และรากไม้ที่งอกแซมอยู่ตามจากเศษซากเมืองดึงตัวเธอขึ้นไป... จนทั้งคู่เดินทางไปถึงเมืองลอยฟ้า...

 


Nahiri
 

เมืองลอยฟ้าแห่ง Akoum นั้นกว้างใหญ่กว่าที่ Nissa เคยคาดคิดไว้... และฉับพลัน ความคิดของเธอก็นึกถึงอีกหนึ่งบุคคลที่จะช่วยเธอแก้ปัญหาได้...

ถ้าเป็น Gideon ที่ร่วมเดินทางกับเธอ... บรรยากาศก็คงไม่ตึงเครียดและเงียบงันขนาดนี้... ถ้าเป็น Gideon เขาจะทำยังไงกับสถานการณ์นี้... เขาคงร่วมเดินทาง และช่วยเหลือผู้คนที่ต้องการมัน... ตอนนี้คนที่ต้องการความช่วยเหลือก็คือ Nahiri

“เราจะรู้ได้อย่างไรว่าต้องไปทางไหน” Nissa ถามเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ

Nahiri ตอบเธอไปว่า หินจะบอกทุกอย่างกับเราเอง... Nahiri นั่งชันเข่า และสัมผัสพื้นพร้อมกับหลับตาลง... ไม่กี่วินาที เธอก็พร้อมจะนำทาง Nissa ไปยังแกนกลางของ Skyclave

 

ทั้งคู่เดินทางผ่านเศษซากเมือง และ Roil ที่คอยสั่นสะเทือนเมืองลอยฟ้า ผ่านกับดักต่างๆ ไป จนกระทั่งเดินทางไปถึงห้องโถง... ที่ Nahiri ไม่สามารถเชื่อมโยงตัวเองเข้ากับแผ่นหินได้อีกแล้ว

Nissa หันไปเห็นมอส และใบเฟิร์นที่ขึ้นมาจากซอกหิน และเธอก็รู้ว่า นี่คงเป็นเวลาที่เธอคงต้องเป็นผู้นำทางแทน Nahiri แล้ว

เธอใช้มือของเธอวางไว้เหนือใบเฟิร์นเล็กๆ นั่น และไม่กี่วินาที มันก็ค่อยๆ เติบโตขึ้น ก่อนที่จะยืนสองขา และกลายมาเป็นสัตว์ธาตุของเธอ... Nissa พูดคุยกับ Elemental ตนนั้น เพื่อที่จะให้มันนำทางเธอไปสู่ใจกลางของเมืองแห่งนี้ได้หรือไม่

มันพยักหน้า และเริ่มออกเดินนำ Planeswalker ทั้งสองทันที

 


Skyclave Geopede
 

เพียงไม่นาน ทั้งสามก็เดินทางมาถึงอีกห้องโถงหนึ่ง มันมีร่างของตะขาบขนาดยักษ์ลอยอยู่กลางอากาศ... และกับ Nissa ที่ไม่ถูกโรคกับงูเสียเลย ก็รู้สึกขนลุกเกรียวไปด้วยความสยอง...

มันเป็นแค่ตะขาบ... ตะขาบที่เหมือนงูตัวใหญ่ๆ ที่ขาเป็นงูตัวเล็กๆ...

ตอนนี้สติของ Nissa ออกจะหลุดๆ ไปสักนิดแล้ว จน Nahiri หันมาคุยกันเธอ...

“มันน่าจะเป็นเป็นกับดัก เราจะผ่านไปยังไงล่ะ”

Nissa ได้เสียงของ Nahiri ดึงสติกลับมา และเธอก็ค่อยๆ พิจารณาสภาพแวดล้อมอีกที

“เอาไอ้ต้นไม้ของเธอเดินนำไปก่อนสิ” Nahiri ออกความเห็น... และนั่น ก็เป็นความเห็นที่สร้างความไม่พึงพอใจให้กับ Nissa

“เขาไม่ใช่ไอ้ต้นไม้นะ เขาก็มีชีวิตจิตใจ มีความรู้สึกเหมือนกับเรานั่นแหละ เขาเป็นครอบครัวของฉัน” Nissa หัวเสียเล็กน้อย... แต่เธอก็ไม่มีตัวเลือกเหมือนกัน

“นี่ เฟิร์นน้อย เธอพอจะปลดกับดักข้างหน้าเราได้มั้ย?” Nissa หันไปคุยกับ Fern Elemental ของเธอ

มันพินิจตะขาบยักษ์นั่นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่มันจะยืดแขนของมันไปสัมผัสที่ใต้ท้องของตะขาบ และร่างของมันก็ร่วงลงมากระแทกพื้นทันที...

เหมือนตะขาบตัวนั้นมันจะไม่ใช่กับดัก แต่เป็นมันเอง ที่โดนกับดัก และถูกตรึงร่างเอาไว้กลางอากาศ Nissa เธอพอจะเข้าใจ และคิดว่ามันคงจะเหนื่อยล้าเกินกว่าจะโจมตีสมาชิกร่วมทีมของเธอ เธอและเจ้าต้นเฟิร์นจึงออกเดินทางต่อ

ตู้ม!

เสียงดังสนั่นดังมาจากด้านหลังของ Nissa

เมื่อเธอหันกลับไปก็พบกับ Nahiri ที่เรียกหินออกมาทุบหัวเจ้าตะขาบยักษ์ตัวนั้น... และ Nahiri ก็บอกไปว่า เธอไม่รู้หรอก ว่ามันจะลุกขึ้นมาโจมตีเราเมื่อไหร่ ปลอดภัยไว้ก่อน...

แม้ว่า Nissa จะไม่ค่อยพอใจ แต่ในตอนนี้ เป้าหมายของการเดินทางคือการหาเครื่องมือมารักษา Zendikar จากอาการป่วยเสียก่อน และทั้งสามก็เดินทางต่อเข้าไปสู่ใจกลางเมืองลอยฟ้า

 


ศิลาจารึกภาษา Kor โบราณ
 

และเมื่อไปถึงใจกลางเมือง พวกเขาทั้งสาม ก็พบกับศิลารูปร่างแปลกตา มันกำลังลอยอยู่กลางอากาศ และมีอักขระโบราณจารึกอยู่บนศิลาก้อนนั้น... แน่นอนว่าภาษาโบราณเหล่านี้ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อคณะผจญภัย เพราะพวกเขามี Kor ที่มีอายุขัยมาตั้งแต่สมัยโบราณอย่าง Nahiri

เธอเข้าไปสัมผัสกับศิลาก้อนนั้น และเอ่ยภาษาโบราณไม่กี่คำ ศิลานั้นมันก็เปลี่ยนแปลงรูปร่างของตนเอง จนเผยสิ่งที่อยู่ภายใน

มันคือศิลาที่มีรูปร่างเหมือนกับกุญแจ มันเปล่งแสงวาบเป็นจังหวะ... ก่อนที่เมืองลอยฟ้าจะเริ่มสั่นสะท้านไปทั่ว... Roil กำลังเกิดขึ้นอีกครั้ง

Nahiri เอากุญแจศิลานั้นเก็บไว้กับตัวเธอ และทั้งสามก็รีบออกมาจากห้องโถงเก็บกุญแจ...

ทางด้านของ Nissa ก็เห็นว่านี้คือช่วงเวลาที่ดี... เพราะเธอได้เครื่องมือในการรักษา Roil กันแล้ว ถึงแม้ว่าเธอเองจะไม่มั่นใจว่าผลของมันจะเป็นอย่างไร แต่ Nahiri บอกกับ Nissa ว่า กุญแจได้สื่อสารกับเธอ... มันคือหนึ่งในเครื่องมือที่จะหยุดความป่วยไข้ของ Zendikar

Nahiri เอากุญแจนั้นออกมา เธอกระซิบกับมัน ก่อนจะชูมันขึ้นเหนือหัว แสงขาวโพลนสว่างวาบออกมาจากกุญแจ... และตามมาด้วยเสียงโหยหวนจากพื้นด้านล่าง... Roil ที่กำลังก่อตัวตนจากลาวาขึ้นมา ได้หยุดความดุร้ายของมันลง และพื้นลาวาก็กลับไปเป็นปกติ... ก่อนที่จะมีเสียงร้องอีกครั้งหนึ่ง...

สัตว์ธาตุที่สร้างจากต้นเฟิร์นของ Nissa ส่งเสียงออกมาก่อนที่ร่างของมันจะเคลื่อนไหวช้าลง... ช้าลง...

Nissa รีบเข้าไปหาต้นเฟิร์นของเธอ และพยายามใช้เวทย์มนต์แห่งธรรมชาติเติมพลังชีวิตให้กับมัน... แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง... แววตาของสัตว์ธาตุค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นเพียงความว่างเปล่า และร่างของมันก็สลายไปเป็นฝุ่นผง...

ต้นไม้ ใบหญ้า ณ เมืองลอยฟ้าแห่งนี้ ไม่ตอบสนองต่อการสื่อสารจาก Nissa อีกแล้ว... Nissa เข้าใจได้ทันที ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น...

เธอเข้าต่อว่า Nahiri ที่ทำให้ธรรมชาติของ Zendikar สูญเสียจิตวิญญาณของมันไป... จิตวิญญาณของดาว... ที่เธอเชื่อมโยงกับมัน เสมือนคนในครอบครัว

แต่ทางด้านของ Nahiri กลับมองว่า สิ่งที่เธอทำนี่แหละ คือการทำให้ Zendikar สงบสุข... จิตวิญญาณของธรรมชาติที่ Nissa พร่ำเพ้อถึง มันเป็นเพียงผลพวงมาจาก Eldrazi และ Roil เท่านั้น...

 

Nissa ที่รู้ว่ากุญแจทำอะไรได้แล้ว เธอต้องการกุญแจศิลานั้นมา เพราะมันอันตรายเกินไป... และกุญแจดอกนั้น ยังเป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆ ของเครื่องมือที่จะเปลี่ยนแปลง Zendikar ไปทั้งดาว... เครื่องมือที่จะทำลายครอบครัวของเธอ

แน่นอนว่า Nahiri ย่อมไม่ให้เครื่องมือที่จะทำให้ Zendikar กลับสู่ความสงบสุข และรุ่งเรืองของประชาชนในยุคสมัยของเธอ ถูก Elf ที่รักป่ามากกว่ามนุษย์อย่าง Nissa เอาไป

ทั้งคู่จึงปะทะกันเพื่อแย่งชิงกุญแจ... แต่ก็แน่นอนว่า Nissa ที่อยู่ในเขตที่ไม่สามารถเชื่อมโยงกับจิตวอญญาณของ Zendikar ได้ ย่อมเป็นฝ่ายเสียเปรียบ... เธอคิดถึง Gideon ที่จะช่วยเหลือเพื่อนอยู่เสมอ... และถ้าเป็นเขา เมื่อสถานการณ์มันเกินมือ ก็คงต้องหาความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ เช่นกัน... Nissa จึงตัดสินใจ Planeswalk ไปหาคนที่เธอเชื่อว่ามีความรู้มากที่สุด ที่เธอรู้จัก... Jace Beleren

Nissa เดินทางมาถึง Ravnica และเมื่อเธอมองไปรอบตัวๆ เศษซากจากสงครามครั้ง War of Spark ที่เหล่า Planeswalker ร่วมมือกันต่อต้าน Nicol Bolas ยังคงหลงเหลือความเสียหายอยู่

ความทรงจำครั้งนั้นก็เข้ามากระทบใจเธอ... โดยเฉพาะ Vitu-Ghazi ต้นไม้ศูนย์รวมใจของกิลด์ Selesnya ที่เธอเรียกจิตวิญญาณของมันขึ้นมา เอาไปเข้าร่วมสงคราม และพลาดท่าทำให้มันตายลง... ก่อนที่เธอจะพบว่า ผู้คนในเมือง Ravnica แทบจะลืมเลือนภาพของสงครามนั้นไปสิ้น พวกเขากำลังใช้ชีวิตเพื่อวันข้างหน้า... วันข้างหน้าที่มั่นใจว่าปลอดภัยจาก Nicol Bolas และลิ่วล้อของมัน...

 


ห้องทำงานของ Jace
 

Nissa เดินทางไปจนถึงบ้านพัก และที่ทำงานของ Jace เธอต้องการให้เขาช่วยเหลือเธอ... แม้ในใจของเธอเอง ก็แอบรู้สึกผิดกับการสละสัตย์สาบานของ Gatewatch อยู่ก็ตาม

แต่เมื่อเธอได้เจอกับ Jace เธอก็พบว่า เขาไม่เพียงจะไม่โกรธเรื่องราวที่ผ่านมา แต่เขาดีใจที่ได้เจอเธอ... และเขาเองก็อยากให้ Nissa กลับเข้าร่วมกับ Gatewatch อีกครั้ง... แต่ทว่า ในด้านของ Nissa เอง เธอกำลังมีปัญหาที่ Zendikar และมันก็เป็นปัญหาที่ใหญ่เกินกว่าเธอจะตัดสินใจเรื่องอื่นๆ ได้ในตอนนี้

Nissa เริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมด... Nahiri, กุญแจศิลา และสิ่งที่มันทำได้... แต่ Jace กลับสนใจสิ่งที่กุญแจศิลาจะทำได้... มากกว่าจะช่วย Nissa ปกป้อง Zendikar จาก Nahiri

Jace มองว่า เครื่องมือชิ้นนี้ น่าจะมีความสามารถอื่นๆ อีก และเขาคิดว่าก่อนที่จะห้าม Nahiri...พวกเราควรจะนำมันมาทดสอบก่อน... ที่นี่ ที่ Ravnica

ทางด้านของ Nissa มองว่าการตัดสินใจของ Jace มันไร้หัวใจ และไม่ได้สนใจใยดีต่อดาวของเธออย่างแท้จริง Jace ก็แค่หนอนหนังสือ ที่สนใจแต่เรื่องสิ่งของที่น่าสนใจ และการทดลองเท่านั้น... Nissa อารมณ์เสียอย่างมาก และเธอจำเป็นที่จะต้องกลับไป Zendikar เพื่อจัดการเรื่องทุกอย่างด้วยตัวของเธอเอง...

 

สู่เมืองลอยฟ้าแห่ง Murasa

ทางด้านของ Nahiri เองก็รู้ดีว่า การเสีย Nissa ไป จะทำให้การเปลี่ยน Zendikar ไม่ประสบผลสำเร็จตามเป้าประสงค์ของเธอ เธอจึงต้องตามหาสมาชิกร่วมทีมผจญภัยเพิ่มเติมเสียก่อน...

และในตอนนี้ เธอก็อยู่ที่ศูนย์รวมนักผจญภัยแห่ง Sea Gate... ที่ที่เธอรู้ว่า เธอจะสามารถหาสมาชิกฝีมือดีเข้าร่วมทีมของเธอได้แน่นอน

Nahiri เข้าไปพบกับ Kesenya ผู้ที่ดูแลสถานที่แห่งนี้

ทั้งสองพูดคุยระลึกความหลังกันสักพัก ก่อนที่ Nahiri จะตัดบทด้วยคำถามที่ตรงไปตรงมาของเธอ

“ฉันต้องการนักผจญภัยที่ฝีมือดีที่สุดที่เธอมี พอจะหาให้ได้มั้ย?” และแน่นอนว่า คำตอบของ Kesenya คือ “แน่นอน”

 

ณ ห้องรับรองส่วนตัว

Nahiri นั่งอยู่กับนักผจญภัยอีก 4 ชีวิต...

Akiri: หญิงสาวเผ่า Kor เธอมีชื่อเสียงระดับตำนานเรื่องการไต่ผา โดยใช้เชือกอันเป็นวัฒนธรรม และจุดเด่นของชนเผ่า Kor อยู่แล้ว... และว่ากันว่า เธอคือคนที่ชำนาญมันมากที่สุด เธอนั่งอยู่ตรงข้ามกับ Nahiri

Kaza: หญิงสาวเผ่ามนุษย์ เธอมากับคทาสองมือขนาดยักษ์ เชี่ยวชาญด้านเวทย์มนต์ และเธอชำนาญด้านการใช้ไฟ กับการทำให้สิ่งของต่างๆ ระเบิดตูมตาม เธอนั่งอยู่ข้างๆ Akiri

Orah: ชายเผ่า Kor เขาเป็นนักพรตที่ทรงภูมิ มาด้วยมาดนิ่งๆ ว่ากันว่า เขาคือผู้ที่ทรงความรู้ที่สุดใน Sea Gate เขานั่งขนาบอีกข้างของ Akiri

Zareth: ชายเผ่า Merfolk แววตาของเขาดูไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ เขายืนพิงเสาอยู่ที่มุมมืดในห้องเดียวกัน
 


 

ทั้ง 5 คนเริ่มแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน โดย Nahiri บอกถึงเป้าหมายในการผจญภัยที่หลายๆ คนไม่คิดว่าจะได้เข้าร่วม... การเดินทางสู่เมืองลอยฟ้าของ Murasa...

และนั่นก็ทำให้หลายๆ คน เริ่มรู้สึกเป็นกังวล เพราะการเดินทางขึ้นสู่เมืองลอยฟ้าที่กลายเป็นเศษซากอารยธรรมนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จนกระทั่ง Zareth ขยับตัวออกมาจากมุมมืด

“เราจะแน่ใจได้ยังไง... ว่าที่พูดเป็นเรื่องจริง?” เขาพูด พร้อมๆ กับเดินมาหา Nahiri ที่โต๊ะกลม

Nahiri เธอตอบคำถามนั้นด้วยการหยิบกุญแจศิลาขึ้นมา... มันเปล่งแสงวาบอ่อนๆ... แต่เพียงแค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้นักผจญภัยที่เหลือตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าแล้ว

“ถ้างั้น... เราก็ต้องพิสูจน์ความสามารถของลูกค้าของเราซักหน่อย” Zareth ที่ดูเหมือนจะยังคงไม่ไว้ใจ Nahiri พูดขึ้นมา แต่ทางด้าน Akiri กลับจับมือของเขา และส่งสายตาบอกห้ามเป็นนัยๆ

“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงเราก็ต้องทดสอบลูกค้าของเราทุกคนอยู่แล้วนี่” Zareth ตอบกลับสายตาของ Akiri

“เราจะเล่นเกมกัน... เกมของเราก็ง่ายๆ” Zareth กล่าวต่อไป พร้อมกับโบกมือของเขา... และก็ปรากฏสำรับการ์ดที่สร้างจากการสกัดหิน ขึ้นมาจากกลางอากาศ

“การ์ดตรงนี้ จะมีคำหนึ่งคำ มันจะแจกให้กับผู้เล่นทุกคน... หน้าที่ของผู้เล่น ก็แค่เล่าเรื่องการผจญภัยของตัวเอง ตามคำบนการ์ด... ถ้าหากเรื่องนั้นได้รับการยอมรับจากผู้ฟัง การ์ดจะลอยเข้าไปในมือของผู้เล่า... คนที่มีการ์ดน้อยที่สุด จะแพ้เกมนี้”

Zareth เล่ากฎการเล่นไปพร้อมๆ กับสำรับการ์ดที่ลอยไปกลางโต๊ะด้วยตัวของมันเอง

“แล้วไงต่อ” Nahiri ถามต่อ... เพราะเธอไม่เข้าใจว่าไอ่การเล่นเกมขี้โม้นี่ มันจะเป็นการพิสูจน์เรื่องอะไรได้

“ถ้าเธอชนะ พวกเราจะเดินทางไปกับเธอ... แต่ถ้าเธอแพ้... กุญแจนั้น... และเรื่องราวทั้งหมดที่เธอยังไม่ได้บอก... เธอจะต้องบอกพวกเรามาทั้งหมด” Zareth ตอบพร้อมกับยิ้มเยาะ เหมือนกับเขามั่นใจในชัยชนะของเขา

เกมก็ดำเนินไปเรื่อยๆ โดยที่ Nahiri ก็แอบมีความรู้สึกไม่ไว้วางใจ จนกระทั่ง... การ์ดที่จะส่งให้เธอ คือคำว่า “พลัง”

Nahiri ไม่พูดอะไร แต่เธอใช้พลัง Lithomancy ของเธอทำลายการ์ดหินทั้งหมด และเปลี่ยนให้มันเป็นดาบ ก่อนที่เธอจะลุกขึ้น และหันไปบอกกับ Zareth ว่า

“เอากุญแจของฉันคืนมา... ไอ้จอมเจ้าเล่ห์”

Zareth ส่งกุญแจคืนให้แก่ Nahiri และแน่นอนว่ามันหมายถึงชัยชนะของ Nahiri ดังนั้น พวกเขาจึงออกเดินทางในยามรุ่งเช้าของวันรุ่งคืน...

 

แต่คืนเดียวกันนั้น Zareth ก็ยังคงมีความไม่ไว้วางใจ Nahiri และเขาได้ติดต่อกับ Kesenya แบบลับๆ

Zareth วางแผนจะขโมยอะไรก็ตามที่กุญแจนั้นมันปลดล็อกออกมาได้ และนำมันมาขายผ่านเครือยข่ายของ Kesenya... เขาไม่คิดว่า Zendikar คือดาวของใครคนใดคนหนึ่ง... Nahiri ไม่ควรได้สิทธิ์และอำนาจในทางเลือกนั้น...

 

รุ่งเช้า สมาชิกทีมผจญภัยของ Nahiri ก็เตรียมพร้อมออกเดินทาง เป้าหมายของพวกเขาคือเมืองลอยฟ้าของ Murasa...

 


Sea Gate หลังการบูรณะ
 

ในเวลาเดียวกัน Jace ก็เดินทางมาถึง Sea Gate เพื่อตามหา Nissa กับเบาะแสต่างๆ เพื่อตามหาเครื่องมือที่ Nissa พูดถึง

เขาเดินฝ่าฝูงชน พร้อมๆ กับถามถึง Nissa และ Nahiri แต่ก็ไม่ค่อยจะเป็นผล

เพราะผู้คนที่นี่ ยังจำ Jace ได้ เมื่อครั้งที่เขาและสมาชิก Gatewatch ได้ช่วยเหลือประชาชนของ Zendikar เมื่อตอน Eldrazi หลุดครั้งก่อน... ซึ่งก็ทำให้การเดินทางของเขา ออกจะกลายไปเป็นการเดินทางพบปะแฟนๆ ของเขาไปเสียมากกว่า

จน Jace เดินทางไปถึง ศูนย์รวมนักผจญภัยแห่ง Sea Gate ที่เขาเชื่อว่า น่าจะมีเบาะแสของทั้ง Nahiri และ Nissa

เขาได้พบกับ Kesenya และแน่นอน... เธอรู้ว่า Nahiri ไปที่ไหน... แต่ระเบียบของศูนย์รวมนักผจญภัยนั้น เธอไม่สามารถเปิดเผยความลับของลูกค้าได้...

Jace เองรู้ดี และเขาก็สามารถใช้พลังจิตของเขาอ่านใจเธอเพื่อล้วงข้อมูลได้อย่างง่ายดาย... แต่เขาเลือกที่จะไม่ทำ เขาใช้การแลกเปลี่ยนข้อมูลกับ Kesenya แทน

โดยเขาพูดถึงความน่าจะเป็น และความอันตรายของเครื่องมือที่ถูกเรียกว่า Lithoform...

เขาเชื่อว่า หากอยู่ในมือของ Nahiri เธอจะเปลี่ยนแปลงทั้ง Zendikar ให้กลายไปเป็นสิ่งที่เธอต้องการ... และมันน่าจะไม่ใช่เรื่องดีเท่าใดนัก...

Kesenya ที่รู้สึกลึกๆ ว่าบรรดาลูกน้องฝีมือดีของเธอ กำลังเสี่ยงชีวิตของตนเองเพื่อ Nahiri... ถึงแม้ว่า Zareth มีความพยายามจะหยุด Nahiri... แต่ Kesenya รู้ตัวดี ว่าเขาไม่สามารถปะทะกับ Nahiri ได้แน่ๆ

Kesenya จึงตัดสินใจที่จะให้เบาะแสกับ Jace... เธอให้กระดาษหนึ่งแผ่น ที่มีที่อยู่เป็นที่พักอีกแห่ง... และลงท้ายกระดาษว่า “Murasa”

 

Jace เดินทางไปถึง Murasa... ดินแดนที่ราบสูง และป่าอันอุดมสมบูรณ์... และเขาก็ได้ยินเสียงกิ่งไม้ขยับ เมื่อเขาหันกลับไป ก็พบก้อนหินกำลังเคลื่อนที่มาหาเขา... ไม่สิ มันไม่ใช่ก้อนหิน มันคือเห็ด... เห็ดยักษ์ที่เกาะอยู่บนหลังของตัวประหลาดอีกตัว...

 


Swarm Shambler
 

เขาไม่พร้อมจะปะทะกับอะไรทั้งนั้น ตอนนี้ภารกิจของเขาคือ หยุด Nahiri ให้ได้ก่อน เขาจึงร่ายเวทย์ล่องหนใส่ตัวเอง ก่อนที่จะซุ่มดู...

เจ้าก้อนเชื้อรามันเอาขาหน้าทั้งสองของมันมากระทบกัน... และเกิดเสียงดังสนั่น... ตัวมันหันมาและพุ่งใส่ Jace ทันที

แต่เขาก็หลบออกไปได้ทันการ ก่อนที่สิ่งมีชีวิตตัวนั้นจะตบขาหน้าของมันอีกครั้ง... และมันก็พุ่งใส่ Jace ได้อย่างแม่นยำ

Jace รู้แล้วว่า ตอนนี้เวทย์ล่องหนของเขามันช่วยอะไรไม่ได้เลย... ไอ้เห็ดยักษ์ตัวนี้มันใช้การตรวจจับเหยื่อด้วยเสียง

เขาจึงคิดว่าควบคุมจิตใจของเห็ดตัวนั้นแทน... แต่ทันทีที่จิตของเขาส่งไปถึงเห็ดตัวนั้น... เขาก็พบว่า

มันมีแต่ความว่างเปล่า... และร่างของมันที่กำลังพุ่งตรงมาทางเขา! Jace กางม่านปกป้อง เพราะในตอนนี้ เขาไม่สามารถหลบออกไปได้ทันเวลาแน่ๆ เขาขดตัว ก้มหน้า และรอรับแรงปะทะ... แรงปะทะ... ที่ไม่เกิดขึ้น

เขาเงยหน้าขึ้นมา และพบว่า มีต้นไม้ขนาดยักษ์กำลังเข้าโรมรันกับปูยักษ์ตัวนั้น ต้นไม้มันใช้แขนของมันกวาดไปบนหลังของตัวประหลาด จนเห็ดกระเด็นออกไปทั้งหมด และทุบจนเปลือกหุ้มตัวของมันแตกกระจายไปทั่ว

 

“ต้นไม้... ยักษ์... มีชีวิต” Jace คิดในหัว... และเขาก็มั่นใจว่า เขากำลังจะเจอกับเพื่อนของเขาอีกครั้ง

“เธอเป็นอะไรมั้ย” Nissa กระโดดลงมาจากยอดไม้ที่สูงลิบอย่างง่ายดายเสมือนว่าเธอก้าวลงบันได

“ไม่เป็นไรแล้ว ขอบใจมาก Nissa” Jace ตอบกลับ และ Jace ก็เล่าถึงเบาะแสที่เขาได้มา... เมืองลอยฟ้าของ Murasa คือเป้าหมายของ Nahiri

ติดก็ตรงที่ว่า เขาไม่รู้ว่าจะขึ้นไปอย่างไร... ซึ่งก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับ Nissa เธอสามารถเรียกเถาวัลย์ขึ้นมา เพื่อเป็นทางขึ้นสู่เมืองลอยฟ้าได้

ทั้งคู่ จึงออกเดินทาง... เพื่อหยุดยั้ง Lithoform และ Nahiri

 

ขึ้นสูง... ลงต่ำ...

ทางด้านทีมของ Nahiri เดินทางไปจนถึงเมืองลอยฟ้าของ Murasa และสามารถเข้าถึงห้องผนึกได้แล้ว... Nahiri ใช้กุญแจของเธอเพื่อปลดล็อกผนึก...

เบื้องหน้าของเธอคือศิลาที่มีรูปร่างทรงกลม... มันลอยอยู่กลางอากาศโดยไร้สิ่งยึดใดๆ แม้ตัวมันจะมีสีเข้ม แต่ก็สะท้อนแสงจากรอบข้างได้ราวกับกระจกสีเข้ม

Nahiri ค่อยๆ หยิบมันออกมา... และเมื่อมันหลุดออกมาจากแกนกลางของผนึกแล้ว ฉับพลันก็เกิดแรงสั่นสะเทียนอย่างรุนแรง

Roil งั้นหรือ... ไม่มีใครรู้ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เมืองลอยฟ้ากำลังถล่มลงมา ทั้งอิฐ, หิน, ปูน และเสาที่พยุงสิ่งปลูกสร้างไว้ กำลังสลายเป็นผุยผง

ทีมผจญภัยต้องรับวิ่งออกจากห้องแห่งผนึกนั่น

Kaza และ Orah อยู่ใกล้กับทางเข้า พวกเขาจึงต้องวิ่งย้อนออกไป

Nahiri, Akiri และ Zareth วิ่งออกไปทางช่องผนังที่พังทลายไป

 


Lithoform ในมือ Nahiri
 

Akiri และ Zareth ใช้การโหนเชือกไปตามหินลอยฟ้าเพื่อหนีออกมาจากเมืองลอยฟ้า ส่วน Nahiri ใช่วิชา Lithomancy เรียกหินออกมา เพื่อทำเป็นพื้นลอยฟ้าให้เพียงพอในการเหยียบ และส่งตัวเองไปข้างหน้า

แม้ว่า Nahiri จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการสร้างศิลามากแค่ไหน แต่ในตอนนี้ ไม่เพียงการทลายลงของเมืองลอยฟ้า... แต่พวกเธอยังถูกไล่ล่าจาก Roil ที่ขึ้นมามีชีวิต... และขนาดมหึมากว่าที่พวกเขาเคยเห็นเสียด้วย

มันทำให้หิน และศิลา เริ่มไม่ทันตามคำสั่งของ Nahiri จนเธอก้าวพลาด... ร่างของเธอกำลังร่วงลงไปสู่พื้นด้านล่าง... ไม่ว่าจะเรียกศิลามาเท่าใด แต่มันก็ก่อตัวเป็นรูปร่างไม่ทันกับความเร็วที่เธอกำลังร่วงลงไป...

และก็มีมือมาคว้าเธอเอาไว้...

Zareth ย้อนกลับมาช่วย Nahiri ที่กำลังตกลงไปไว้ได้ทันการ... และเขาก็พาเธอไปหา Akiri ณ จุดที่เป็นแผ่นดินลอยฟ้า...

ณ ตอนนี้ ทั้งสามที่เหนื่อยจากการหนีตาย ก็ไม่ได้พักหายใจ เพราะ Roil กลับมาหาพวกเขาอย่างทันควัน

พวกเขาต่อสู้กับ Roil ตนนั้น... แต่ก็เหมือนจะไม่เป็นผล มันแข็งแกร่งเกินกว่าจะควบคุมได้... ในตอนนี้ Nahiri คิดว่า มันคือโอกาสอันดี ที่จะทดสอบ Lithoform แล้ว แม้ว่าอีกสองนักผจญภัยจะมองว่า... มันคือวัตถุอันตราย และไม่รู้ว่ามันทำอะไรได้ จึงไม่ควรจะใช้งานมันสุ่มสี่ สุ่มห้า

แต่ทว่า ในตอนนี้ ถ้าหากไม่ใช้งาน Lithoform พวกเขาคงไม่สามารถเอาชีวิตรอดไปจากที่นี่ได้

Nahiri นำ Lithoform ออกมาจากกระเป๋าข้างของเธอ... และเริ่มร่ายมนต์ด้วยภาษา Kor โบราณ...

Zareth เห็นเข้า เขาจึงกระโดดเข้าหา Nahiri เพื่อที่จะหยุดเธอ... เพื่อที่จะนำ Lithoform กลับไป...

 

แสงสีขาวสว่างวาบไปทั่วบริเวณ... Roil ขนาดยักษ์ค่อยๆ หยุดการเคลื่อนไหวของมัน... และร่างก็ค่อยๆ กลายเป็นผง...

Akiri ค่อยๆ ลืมตาหลังจากที่ปรับสภาพมันได้แล้ว... เธอเห็น Zareth กำลังนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น...

Akiri รีบวิ่งไปหา Zareth เธอประคองร่างของเขาขึ้นมา... เธอพบเพียงแววตาอันว่างเปล่า... Zareth ได้จากเธอไปแล้ว...

Akiri รู้แล้วว่าสิ่งที่ Zareth ระแวงนั้นเป็นเรื่องจริง... Lithoform มันไม่ใช่สิ่งที่ Nahiri ควรจะครอบครอง... และตอนนี้ ไอ้หินก้อนนี้มันตกอยู่ที่พื้น... ข้างๆ ตัว Nahiri

Akiri รีบโฉบเข้าไปคว้า Lithoform มาไว้ในมือ... เธอตัดสินใจแล้วว่า มันต้องเป็นเครื่องมือที่ไม่ควรมีใครได้ใช้... เธอขู่ Nahiri ว่า ถ้า Nahiri เข้ามา เธอจะโยน Lithoform ลงไปจากจุดที่พวกเธอยืนอยู่...

ท่ามกลางสายลม Akiri หันหลังให้กับหุบเหวแห่งท้องฟ้า... กับน้ำตาที่นองหน้าของเธอ แล้วเธอก็พบว่า... เธอไม่สามารถขยับได้อีกเลย

ศิลา Hedron เคลื่อนที่มาจากด้านหลังของ Akiri จากคำสั่งของ Nahiri และมันก็ผนึกพลังของ Akiri ไว้...

Nahiri เดินเข้าไปเพื่อหยิบ Lithoform จากร่างอันไร้ปฏิกิริยาตอบสนอง... และเธอก็ผลักให้ Akiri ร่วงลงไปสู่พื้นด้านล่าง...

 

 

เพลงที่หลอกหลอน และเสียงกระซิบระวังภัย

นักใต่เชือกที่เก่งที่สุดใน Zendikar งั้นเหรอ?

เหอะ... ตอนนี้ฉันคงเป็นได้แค่ร่างที่ร่วงลงไปกระแทกพื้นด้านล่าง... แล้วก็คงจบชีวิตของฉันไป...

Zareth... ที่รัก... ฉันกำลังจะไปหาเธอแล้วนะ...

Orah, Kaza... ถึงฉันจะเห็นว่าเธอกำลังร่อนลงพื้นจากคทาของ Kaza... แต่ฉันขอโทษ... ขอโทษที่พาพวกเธอเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้... ฉันหวังว่าพวกเธอจะปลอดภัย...

ความคิดหลากหลายไหลเข้ามาในโสตประสาทของ Akiri... เธอมีสติตลอดเวลา... ตอนนี้ร่างกายเธอกลับมาขยับได้แล้ว... แต่มันก็สายเกินไป... มันไม่มีหินก้อนใดให้เธอโหนเชือกได้อีก...

เธอหลับตาลง... และปลงเพื่อรอรับความตายที่จะมาถึง...

 


เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล

 

เธอรู้สึกได้ว่าเธอกระแทกกับอะไรบางอย่าง... แต่... ทำไมเธอถึงไม่เจ็บ...

เธอลืมตาขึ้นมา และพบกับ Elf สาวอีกคน...

“เธอปลอดภัยแล้วนะ” Elf คนนั้นใช้เถาวัลย์มารับร่างของ Akiri ไว้... ใช่แล้ว เธอคือ Nissa นั่นเอง

และไม่นาน Jace ก็ปืนเถาวัลย์ตามมา ทั้งสามแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ก่อนที่จะพบว่า Nahiri ได้ทำลายทีมนักผจญภัยของ Akiri และหนีไปพร้อมกับ Lithoform เรียบร้อยแล้ว...

 

ภาพที่ปลายขอบฟ้า พวกเขาก็เห็นคนกำลังวิ่งอยู่ท่ามกลางท้องฟ้า... มันคือ Nahiri ที่กำลังวิ่งลงไปยังเป้าหมายต่อไป...

Nissa ใช้เถาวัลย์ และกระสุนจากเมล็ดพืช ยิงเผื่อจะหยุด Nahiri... แต่ด้วยระยะที่ไกลขนาดนั้น ทำให้ Nahiri มีเวลามากพอที่จะปัดป้องการโจมตีของ Nissa ได้อย่างง่ายดาย

และก็ถึงคราวของ Jace... เขาใช้นิ้วแตะไปที่ขมับของตัวเอง มืออีกข้างชี้ไปที่ร่างของ Nahiri... แล้ว Nahiri ก็เสียหลักไป... ก่อนที่เธอจะเปลี่ยนทิศทางการวิ่งของเธอ...

Nahiri วิ่งเข้าโจมตีกลุ่มของ Jace, Nissa และ Akiri ก่อนที่จะโยนหินขนาดยักษ์เข้าใส่

Akiri ผลัก Jace ให้ออกจากวิถีการโจมตี... แต่ Jace ก็ร่วงจากเถาวัลย์ไปเช่นกัน... เขาไม่มีความสามารถในการเรียกเถาวัลย์ หรือเสกหินขึ้นมาจากอากาศ... แต่เขาก็ได้ Akiri ที่จับแขนเขาเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างของเธอก็โหนเชือกที่เธอเตรียมไว้กับเถาวัลย์แล้ว

Akiri ใช้แรงผลักเป็นตัวช่วย เธอและ Jace หลบออกจากวิถีของหินก้อนนั้น และแกว่งตัวเองกลับขึ้นไปบนเถาวัลย์ได้อีกครั้ง ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว... ดังที่ผู้คนต่างยกให้เธอเป็นตำนาน Akiri, Line-slinger

 


Jace กับการผจญภัยที่แปลกใหม่
 

ในตอนนี้ ทั้งสามคนต้องเปลี่ยนจากการขึ้นไปสู่เมืองลอยฟ้า เป็นลงไปหยุด Nahiri แทน... แต่ก็ไม่ทันการ Nahiri ได้หายไปจากป่าของ Murasa เสียแล้ว

Nissa เชื่อมต่อจิตตนเองเข้ากับผืนป่า และมันก็ให้เบาะแสถึง Nahiri... Nahiri กำลังเดินทางไปทิศเหนือ... แต่เธอก็รู้แค่นั้น คำถามต่อไปจึงตกมาอยู่กับ Akiri ที่ร่วมเดินทางไปกับ

Nahiri... แต่ Nahiri ก็ไม่เคยปริปากบอกเป้าหมายต่อไปของเธอ...

ก่อนที่ Jace จะตัดบทขึ้นมา... เขาได้โจมตี Nahiri ด้วยพลังจิตก่อนหน้านี้... และความทรงจำของเธอ คือสถานที่ที่เรียกว่า Singing City...

Nissa จึงเริ่มออกเดินทางทันที แม้ว่า Jace จะขอติดตามไปด้วย แต่ Nissa ก็ไม่ฟัง Jace... และเธอบอกกับ Jace ว่า การเดินทางตามล่า Lithoform ครั้งนี้ เธอไปคนเดียวจะเร็วกว่า

แม้ Jace จะตะโกนเรียกชื่อเธอ แต่ Nissa ก็ไม่ฟังอีกต่อไป เธอใช้เถาวัลย์พาเธออกเดินทางไปยัง Singing City อย่างรวดเร็ว...

Jace หันกลับมาหา Akiri เพื่อจะขอให้เธอพาเขาไปยัง Singing City แต่ Akiri ก็ปฏิเสธไป... ตอนนี้เธอเป็นห่วง Kaza และ Orah มากกว่าเรื่องอื่นใด... เธอสูญเสียมามากพอแล้ว...

แต่ Jace ก็ยื่นข้อเสนอด้วยการช่วยตามหา Kaza และ Orah เพียงแค่เข้าขยายขอบเขตของจิตของเขา เขาก็เจอทั้ง Kaza และ Orah และทั้งคู่ก็ปลอดภัย

เมื่อ Akiri และ Jace ไปพบ Kaza และ Orah แล้ว Akiri ก็ทำตามสัญญาที่ให้ไว้... คือพา Jace ไปยัง Singing City

แต่เธอสามารถส่งเขาได้แค่ทางเข้าเมืองเท่านั้น... Singing City เป็นเมืองที่ว่ากันว่า ถ้าใครได้เข้าไป ออกมาก็ต้องเป็นบ้าไปทุกคน...

 

ณ Singing City

Jace เดินทางมาถึง เขาเดินเข้าไปในเมืองร้างแห่งนี้... เขาได้ยินเสียงฮัมเบาๆ อยู่ตลอดเวลา... มันออกจะน่ารำคาญอยู่ไม่น้อย แต่เขาก็เจอกับ Nahiri จนได้

เขาต้องการให้ Nahiri หยุดยั้งการใช้ Lithoform ก่อนที่เขาจะนำมันไปศึกษาที่ Ravnica เสียก่อน...

แต่ Nahiri ก็ปฏิเสธไป เพราะเธอเชื่อว่า Lithoform มันจะไม่ทำงานในดาวอื่นๆ และเธอยังบอกอีกว่าในตอนนี้ Lithoform กำลังกระซิบบอกอะไรบางอย่างกับเธอ...

ยิ่งเธอเข้าใกล้ใจกลางเมือง Singing City ก็เหมือนมันจะกระซิบกับเธอบ่อยขึ้น... เธอเชื่อว่านี่คือหนทางที่ถูกต้อง... ที่จะทำให้ Zendikar กลับไปสู่วิถีทางที่ถูกต้องของมัน

ทั้งคู่ปะทะคารมกันซักพัก ก่อนที่ Nahiri จะหมดความอดทน เธอโจมตี Jace เพื่อที่จะสร้างจังหวะให้เธอหลบออกไป และรีบเข้าสู่ใจกลางเมือง

 

Jace แม้จะป้องกันการโจมตีไว้ได้ แต่เขาก็เสียจังหวะที่จะหยุด Nahiri ไป

เขาเริ่มวิ่งไล่ตาม Nahiri สู่ใจกลางเมือง...

เสียงฮัมที่เข้าได้ยินเมื่อตอนอยู่ที่ปากประตูเมือง มันเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ... มันรบกวนสติของเขาอยู่ไม่น้อย... เขาพยายามตั้งเป้าหมายเพื่อประคองสติ...

“ข้า... ต้อง... หยุด... Nahiri”

“ข้า... ต้อง... หยุด...”

 


Maddening Song
 

Jace รวบรวมสมาธิ และใช้เวทย์มนต์ที่เขาไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือไม่... เขาปิดการได้ยินเสียงของตัวเอง...

เสียงฮัมที่เคยผลักดันให้เขาเข้าใกล้ความบ้าคลั่งค่อยๆ ทุเลาลง... เขากลับมายืน และเดินได้ตามปกติอีกครั้ง... ก่อนที่เขาจะเจอ Nahiri ที่อยู่ในสภาพเดียวกันกับเขาเมื่อครู่

Jace ติดต่อกับ Nahiri ผ่านทางโทรจิต และเขาก็พบว่า... Lithoform มันไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือที่จะเปลี่ยนแปลงดาว Zendikar... แต่มันยังอาจจะเป็นอาวุธที่ร้ายแรง... ร้ายแรงพอที่จะต่อกรกับการกลับมาของ Nicol Bolas ถ้าหากมันหลุดออกมาจากการคุมขังของ Ugin...

และเขาเป็นเพียงไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้... และเขาก็เชื่อเหลือเกินว่า การมีอาวุธไว้ป้องกันตัว มันคงจะปลอดภัยกว่าการวางใจ Ugin เพียงคนเดียว

และทางเดียวที่เขาจะเข้าใจวิธีการใช้งาน Lithoform ก็คงหนีไม่พ้นการเปิดใช้งานมัน... ใช้งานที่นี่ ที่ Zendikar... เขาจึงใช้เวทย์มนต์ช่วยผนึกเสียงให้กับ Nahiri และยอมตามเธอไปยังใจกลางเมือง... อันเป็นจุดศูนย์รวมของ Leyline

 

แต่ทว่า เมื่อทั้งคู่เดินทางมาถึงจุดที่ควรจะเป็นศาลาศูนย์รวม Leyline พวกเขาก็พบว่า มันถูกทำลายลงไปแล้ว... และมันไม่สามารถรวบรวมพลังงานได้มากพอที่จะทำให้ Lithoform สามารถส่งผลต่อ Zendikar ทั้งดวง...

Nahiri เริ่มซ่อมแซมมัน ก่อนที่จะมีเสียงดังมาจากด้านหลัง

“เปล่าประโยชน์...” เสียงอันเย็นชาของ Nissa พูดกับ Nahiri...

“แกพังมันทำไม? ฉันกำลังจะช่วย Zendikar ไง” Nahiri ตอบกลับด้วยความเกรี้ยวกราด

“ฉันไม่ได้พังมันลง... ฉันคือผู้พิทักษ์แห่ง Zendikar ฉันคือตัวแทนของชีวิตที่นี่” Nissa ตอบกลับไป และร่างมหึมาของสัตว์ธาตุร่างต้นไม้ก็ปรากฏตัวจากเงามืดด้านหลังเธอ... “ใช้มั้ย Ashaya?” Nissa ถามสัตว์ธาตุของเธอ

“Nissa ฟังผมก่อน...” Jace ขัดจังหวะ... เขาพยายามพูดเพื่อลดความขัดแย้งของทั้งสองผู้พิทักษ์ Zendikar ลง...

แต่ในตอนนี้ เขาเองก็เห็นด้วยกับการใช้ Lithoform เพราะในภาพความทรงจำของ Nahiri ที่เขาเห็น Zendikar คือเมืองที่สงบ สวยงาม และรุ่งเรือง... ผู้คนไม่ต้องคอยกังวล Roil...

แต่สถานหารณ์ก็ไม่ได้ดีขึ้น เมื่อ Nahiri ยังคงยืนกรานที่จะใช้ Lithoform เธอจำเป็นต้องหยุด Nissa ลง เธอเปิดฉากโจมตี Elf ที่ดูอ่อนแอตนนี้...

Nahiri ผจญภัยมากับ Elder Dragon และ Vampire อายุนับพันๆ ปี ผ่านสงคราม ผ่านร้อนผ่านหนาวมา... ทำไมเธอจะต้องเชื่อ Elf สาววัยกระเตาะคนนี้ด้วย

 


Nissa กลับมาพร้อมพลังใหม่
 

ดาบศิลาที่ถูกเร่งอุณภูมิจนแดงออกมารอบตัว Nahiri มันพุ่งโจมตี Nissa ทันที... แต่ทว่า ก็มีเงาโฉบตัดหน้าดาบเหล่านั้นไป... มันกระแทกเข้ากับ Nahiri อย่างรวดเร็วจนเธอไม่ได้ตั้งตัว...

และภาพที่ Nahiri เห็นหลังจากตั้งหลักได้ก็คือร่างของ Ashaya ยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าเธอ... Nissa ที่ตอนนี้ลอยอยู่กลางอากาศ ผมของเธอปลิวไสวต้านแรงโน้มถ่วง... แสงสีเขียวโอบล้อมตัวเธอ... ใช่แล้ว... Zendikar ตอบรับการเป็นผู้พิทักษ์ของ Nissa... Nissa ผู้ที่มองทั้งดวงดาวเป็นดั่งครอบครัวของเธอ

Ashaya เปิดฉากโจมตีทั้ง Nahiri และ Jace พร้อมๆ กับสัตว์ธาตุอีกมหาศาลของ Nissa... นี่คงเป็นความโกรธเกรี้ยว และใจที่อยากปกป้องบ้านเกิดของ Nissa

ทั้ง Jace และ Nahiri ต่างต้องวิ่งหนีตาย ผ่านเสียงฮัมที่ปวดประสาทอีกครั้ง จนพวกเขามาถึงที่ทางเข้าเมืองอีกครั้ง...

แต่ก็ไม่ได้มีเวลาให้ทั้งคู่ได้พักหายใจ... เพียงพริบตาเดียว Nissa ก็ตามพวกเขามาถึงทางเข้าเมืองเช่นกัน...

 

สองผู้พิทักษ์


 

ในตอนนี้ Nissa ที่เคยเห็นทั้ง Jace และ Nahiri เป็นดั่งพวกพ้อง แต่ทั้งคู่กำลังจะทำร้ายครอบครัวของเธอ... Zendikar...

Nissa หวนคิดย้อนไปถึงเหตการณ์และความผิดพลาดของเธอ...

Zendikar คงไม่ป่วยไข้ขนาดนี้... ถ้าเธอไม่ได้เป็น Planeswalker... ถ้าเธอไม่ได้ออกจาก Zendikar...

หัวใจของเธอคงไม่เจ็บปวดขนาดนี้ ถ้าเธอไม่ได้พบกับ Gideon และเขาต้องจากไป.... ถ้าเธอไม่ได้เจอกับ Chandra และรักกัน จนมันจบลง...

และตอนนี้ เธอเลือกที่จะรักษาสิ่งสุดท้ายที่เธอเชื่อว่ามันคือครอบครัวของเธอ... ดาวบ้านเกิดของเธอ Zendikar

 

เมื่อ Nahiri เห็นว่า Nissa ตามมาทัน นั่นก็หมายความว่า ไม่มีทางให้หลบหนีอีกแล้ว เธอหันกลับไปต่อสู้กับ Nissa

แม้ Jace จะพยายามห้ามทั้งคู่ แต่มันก็เหมือนคำพูดของเขาเป็นเพียงอากาศธาตุเท่านั้น

ซึ่งไม่ว่า Nahiri จะพยายามเท่าใด แต่เธอก็ไม่อาจโจมตีถึงตัว Nissa ได้เลย

บรรดาสัตว์ธาตุทั้งหลายมีจำนวนมากเกินกว่าการโจมตีใดๆ ของ Nahiri จะเข้าถึงตัว Elf ได้...

จิตวิญญาณแห่ง Zendikar ได้โอบล้อม Nissa... เหล่าสัตว์ธาตุเคลื่อนไหวเพื่อปกป้อง Nissa โดยที่เธอไม่ได้สั่ง... ราวกับมันให้อภัยความผิดพลาดในอดีตของเธอ... Zendikar ได้เลือกเธอให้เป็นครอบครัวของมัน หาใช่ Nahiri ไม่

 


สัตว์ธาตุแห่ง Murasa
 

และนี่ก็คงเป็นครั้งแรกๆ ในชีวิตอันยาวนานของ Nahiri ที่เธอไม่มั่นใจในพลัง Lithomancy ของเธอ...

ไม่ว่าเธอจะใช้ศิลาแปลงเป็นอาวุธใดๆ มันก็เหมือนจะไร้ผลกับสัตว์ธาตุที่ไม่ได้ลดปริมาณลงเลย... เธอคงต้องเปลี่ยนแผนใหม่...

Lithoform ในกระเป๋าข้างของเธอยังคงส่งแรงสั่นสะเทือนเบาๆ และเสียงกระซิบบางอย่าง... เธอเชื่อว่ามันกำลังบอกให้เธอใช้งานมัน

Nahiri วิ่งกลับไปกลางเมืองอีกครั้ง... เธอจะสร้างป้อมปราการจากหินชั้นใต้ดิน และเธอจะขังตัวเองไว้ภายใน... เพื่อยื้อเวลาที่เธอจะซ่อมแซมศูนย์รวมพลัง Leyline และใช้งาน Lithoform... เพื่อ Zendikar ที่สงบสุขดั่งเดิม

 

ทางด้านของ Jace เอง แม้ว่าเขาจะตื่นตาตื่นใจกับสัตว์ธาตุจำนวนมหาศาล แต่ในตอนนี้ มันกำลังโจมตีเขาอย่างไม่หยุดหย่อน เขาทำได้เพียงสร้างร่างลวงตา และหลบการโจมตีไปเรื่อยๆ เท่านั้น... ซึ่งมันก็พอที่จะทำให้เขาสังเกตเห็นว่า Nahiri ได้วิ่งกลับเข้าไปในเมือง

แน่นอนว่านั่นต้องไม่ใช่เรื่องดี Jace รีบวิ่งตาม Nahiri ไป... และเขาก็ติดอยู่ในป้อมปราการที่ Nahiri สร้างได้ทัน... แต่ไม่ใช่กับ Nissa และสัตว์ธาตุของเธอ

 

“Nahiri” Jace เรียกหา Nahiri

“ถ้าแกจะเข้ามาเอา Lithoform ชั้นจะฆ่าแกซะ” Nahiri ตอบกลับไปด้วยความโกรธ

แต่ Jace ก็ใช้เหตุผล และเขายังยืนยันความคิดของเขา... คือการนำมันกลับไปที่ Ravnica เพื่อศึกษาข้อมูลก่อนที่จะใช้มัน... และมันก็น่าจะเป็นทางที่ดับความเกรี้ยวกราดของ Nissa... ของ Zendikar ลงได้

กระนั้น Nahiri ก็ไม่เชื่อเขา และเธอยังยืนกรานกับการเปลี่ยน Zendikar ให้กลับไปเป็นเช่นในอดีต... Zendikar ที่สงบ และผู้คนรุ่งเรือง... เธอไม่เข้าใจเลยว่า ทำไม Elf ถึงอยากได้โลกที่บิดเบี้ยว และไม่สมบูณ์ในแบบปัจจุบันนี้นัก

แต่ Jace ก็ยังพยายามจะขอร้อง Nahiri... และกับคนอารมณ์ร้อนในช่วงเวลาที่หัวร้อนเช่นนี้... Nahiri คิดว่ามันหมดเวลาที่ฟังเหตุผลจากคนช่างจ้อแล้ว

เธอเรียก Hedron มาเพื่อหมายจะผนึก Jace ให้เขาเลิกยุ่งกับเธอเสียที

 


Nahiri ผนึก Jace

 

แต่แล้ว เธอก็เห็นรูปร่างที่คุ้นเคย มาพร้อมกับความรู้สึกอันตราย โฉบผ่านหางตาของเธอไป... เธอหันกลับไปมอง เธอก็พบกับคนที่เธอไม่คิดว่าเขาจะมาถึงที่นี่...


Sorin Markov
 

เขายืนอยู่บนยอดกำแพงของป้อมปราการศิลาที่ Nahiri สร้างขึ้น... ยิ้มที่มุมปากอย่างมีเลศนัย และยกมือราวกับเขากำลังจะร่ายเวทย์มนต์แห่งเลือดที่ Nahiri คุ้นเคยดี

Nahiri ไม่รอช้า เธอชิงโจมตีด้วยเสาหินพุ่งตรงใส่ร่างของ Sorin ทันที...

ร่างของ Sorin หายไป... แต่เพียงพริบตาเดียว เขาก็ลอยอยู่เหนือเสาหินแท่งนั้น...

Nahiri รู้ได้ทันที่... Jace ใช้เวทย์ลวงตากับเธอแล้ว... แต่ทว่า มันก็สายเกินไป... ตอนนี้รอบตัวของเธอกลับเต็มไปด้วยหมอกหนาทึบ... และจิตของเธอก็ถูกแทรกซึมโดยจอมเวทย์แห่งพลังจิตไปเรียบร้อยแล้ว

Jace ค่อยๆ บังคับให้ Nahiri ยื่น Lithoform มาให้เขา... แต่ทว่า มันทำให้เขาต้องปลดผนึกเวทย์มนต์ผนึกเสียง... และเสียงเพลงจาก Singing City ก็กลับมาปั่นประสาทเขาอีกครั้ง...

Jace ได้ Lithoform มาอยู่ในมือ และความรู้สึกแรกสัมผัสก็เชื่อมโยงกับเขาทันที...
 

ข้าเปลี่ยนดวงดาวได้ทั้งดาว... ทุกๆ ดาว....
 

แต่เขาก็สลัดความคิดนั้นออกไป... เขาต้องไม่ใช้มันโดยที่ยังไม่เข้าใจ... เขาต้องออกไปจากที่นี่

เขาสั่งให้ Nahiri เปิดทางให้กับเขา ในขณะที่ยังคงห้ามไม่ให้ Nahiri ขยับร่างออกมาจากจุดเดิม

 

Jace ออกมาจากป้อมปราการพร้อมกับ Lithoform แล้ว แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร ร่างของเขาก็โดนตรึงด้วยเถาววัลย์จากร่างมหึมา...

Ashaya กำลังตรึงร่างของ Jace ไว้กับพื้น...

 

“ฉันต้องคุยกับ Nissa” Jace บอกกับ Ashaya... แต่เหมือนมันจะไม่ได้สนใจคำขอนั้น

Jace สร้างร่างลวงตาขึ้นมา เพื่อหวังจะให้ Ashaya ปล่อยร่างของเขา และไปไล่โจมตีร่างปลอมอื่นๆ... แต่ก็ไม่เลย

Ashaya ใช้แขนอีกข้างล้วงเข้าไปหยิบ Lithoform ออกมาจากผ้าคลุมของ Jace และส่งมันข้ามไหล่ของตัวเองไป... ที่ๆ Nissa รอรับมันอยู่...

 

ฉันต้องทำลายมันทิ้ง Nissa คิดในใจ ก่อนที่จะมีอีกเสียงที่คุ้นเคยแทรกเข้ามาในหัวของเธอ

“หยุดก่อน Nissa” Jace เขาสื่อสารผ่านทางโทรจิตกับ Nissa... เขาชักแม่น้ำทั้ง 5 เพื่อไม่ให้ Nissa ทำลาย Lithoform ลง... เขาโน้มน้าวจนเกือบจะหลุดความจริงเรื่องที่ Nicol Bolas ยังไม่ตาย...

และ Nahiri ที่หลุดจากการควบคุมของ Jace ก็วิ่งฝ่าบรรดาสัตว์ธาตุของ Nissa... Nissa รับรู้ได้ถึงแรงอาฆาตที่ Nahiri มี... และเธอไม่มีเวลาที่จะมาฟังเหตุผลทั้งหลายของ Jace อีกแล้ว... เธอต้องทำลาย Lithoform ลง

 


Ashaya, สัตว์ธาตุข้างกาย Nissa
 

“ฟังข้าก่อน” ยังคงมีเสียงแทรกเข้ามาในหัวของ Nissa... เธอตะโกนกลับใส่ Jace ไป “ฉันฟังเธอแล้ว แต่เธอต่างหากที่ไม่ฟังฉัน”

“ไม่ใช่ฟัง Jace... ฟังข้าก่อน” เสียงที่อยู่ในหัวของ Nissa มันไม่ใช่เสียงของ Jace... Lithoform ในมือของเธอเปล่งแสงเรืองอ่อนๆ...

“เจ้าเป็นใคร?” Nissa ตอบกลับเสียงนั้นไป

“ข้าคือข้า... ข้าคือเจ้า” เสียงที่มาจาก Lithoform ตอบมา...

“แล้ว... ทำไมเจ้าถึงสื่อสารกับข้า” Nissa ตอบกลับด้วยความไม่แน่ใจ...

ฉับพลัน เสียงในหัวของเธอก็ตอบกลับด้วยการหัวเราะ... แผ่นดินกระเพื่อม และตัว Lithoform ก็เปล่งแสงออกมาเป็นจังหวะเดียวกันทั้งหมด...

หรือนี่คือ Zendikar...

“สิ่งที่อยู่ในมือเจ้า คือส่วนหนึ่งของข้า... มันเป็นวัตถุที่ทรงพลัง” เสียงปริศนานั้นตอบกลับมา

“แล้ว... Kor จะสร้างมันขึ้นมาเพื่ออะไร” Nissa ถามกลับไป

“เพื่อรักษา...” เสียงลึกลับนั้นตอบกลับ

 


Nissa Revane
 

ในขณะนี้ Nahiri ก็เคลื่อนที่เข้าใกล้ Nissa มากขึ้นๆ เธอตะโกนให้ Nissa ส่ง Lithoform คืนให้เธอ... เธอเป็นผู้ที่อยู่กับ Zendikar มาอย่างยาวนาน... อยู่มาตั้งแต่มันเป็นดาวที่สมบูรณ์ สวยงาม และไม่เสียหายแบบที่เป็นอยู่

แต่กับ Nissa แล้ว... นั่นมันคืออดีต... Nahiri เป็นแค่อดีตของ Zendikar... เธอต่างหาก คือปัจจุบัน... คือ Zendikar แบบที่ตัวมันเองอยากจะเป็น

ในตอนนี้ ถ้าเป็น Gideon เขาจะแก้ปัญหาอย่างไร Nissa ครุ่นคิด... ก่อนที่เธอจะตามทันความคิดของตนเอง... ไม่สิ... ฉันควรจะทำอย่างไร

“เชื่อในพลังของเธอ” เสียงจาก Lithoform ตอบกลับมาอีกครั้ง

และนั่นคือช่วงเวลาแห่งการก้าวข้ามของ Nissa... เธอจะปกป้องบ้านเกิดของเธอ, ครอบครัวของเธอ... ไม่ว่ามันจะพลาด หรือมันสำเร็จ เธอก็จะยังยึดมั่น และทำมันต่อไป

 

Nahiri ที่เข้าสู่ระยะโจมตี ดึง Hedron จำนวนมากเข้ามา เพื่อหัวงจะผนึก Nissa

และเพียงแค่ศิลา Hedron ลอยลงมา เหล่าต้นไม้ต้นเล็กต้อนน้อย ก็หงิกงอราวกับโดนไฟแผดเผา... Nissa ช้าไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว... Nahiri กำลังจะทำลายทุกๆ อย่างลง

 

Nissa หลับตาลง... เธอจินตนาการถึง Zendikar ที่อุดมสมบูรณ์... มันไม่มี Eldrazi และบาดแผลจากการรุกรานของ Eldrazi... และความสวยงามของมันก็เปรียบดั่งกุหลาบ... สวยงาม แต่ก็แฝงไว้ซึ่งความอันตรายของหนาม... มันคือชีวิตของ Zendikar

เธอรู้สึกได้ถึงการเชื่อมโยงระหว่างตัวเธอ, Leyline และ Lithoform... พลังเอ่อล้น และเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน... และเธอก็ปลดปล่อยมันทั้งหมดออกมา...

 

. . .

 

Nissa ลืมตาขึ้นมา... พร้อมกับความเงียบงัน... มันไม่มีเสียงอะไรอีกเลย... Lithoform กลายเป็นศิลาทรงกลมที่ไม่มีแสงใดๆ อีกต่อไป... มันไม่สื่อสารกับเธออีกแล้ว

Singing City ราบเป็นหน้ากลอง มันไม่เหลืออะไรนอกจากฝุ่นผง... ซึ่งก็ไม่ต่างจากป่าไม้ละแวกข้างเลย...

เหล่าสัตว์ธาตุของ Nissa เต็มไปด้วยฝุ่นผงจากสิ่งปลูกสร้างของเมือง... แต่มันก็แน่นิ่งไป... ไม่มีตัวไหนขยับร่างอีกแล้ว...

 

“ไม่นะ....” Nissa ส่งเสียงที่จุกอยู่ในลำคอของเธอ... เธอตัดสินใจผิดพลาดอีกครั้งงั้นหรือ? เธอกลายเป็นคนที่ทำลายดาวบ้านเกิดของตัวเองอีกครั้งงั้นหรือ?

เธอเดินเข้าไปหาสัตว์ธาตุตนหนึ่ง และจับมือของมันไว้ ราวกับจะขอโทษสิ่งที่เธอทำลงไป...

 

และมันก็ค่อยๆ ขยับร่างกายของมัน แววตาเหมือนกับเด็กพึ่งตื่นนอน มันลุกขึ้นยืนและโงนแงนอยู่ซักพัก ก่อนที่จะยืนได้ดั่งเดิม... และมันจับมือ Nissa อีกครั้ง... มันบีบมือของ Nissa ราวกับจะบอกขอบคุณเธอ... ขอบคุณที่ Nissa ช่วยให้ Zendikar มีชีวิตแบบที่มันเลือกจะเป็น... ขอบคุณที่เป็นครอบครัวเดียวกัน...

น้ำตาของ Nissa เอ่อออกมา... มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย... มันเป็นความปิติที่เกินกว่าเธอจะคาดคิด

เหล่าสัตว์ธาตุค่อยๆ กลับมามีชีวิต พวกมันลุกขึ้นปัดฝุ่นที่ติดอยู่ตามตัว และออกไปใช้ชีวิตของมัน

 

Lithoform มันถูกสร้างมาเพื่อรักษา... และนี่คือยารักษาที่ได้ผลชะงัดนัก... Nissa เธอยิ้มออกมาทั้งน้ำตา... Zendikar กลับมาแข็งแรงกว่าที่เคย แผลที่มีก็เป็นเพียงแผลเป็นเพื่อระลึกความทรงจำ ไม่ใช่สิ่งตอกย้ำจิตใจอีกต่อไป

ในที่สุด... Zendikar ก็คือที่ๆ เธอจะเรียกได้ว่าบ้านอย่างเต็มปากเสียที...

 

Jace ได้สติขึ้นมา เขามองไม่เห็น Nissa แล้ว เขาเห็นเพียงแค่ Lithoform ที่กลายเป็นแค่หินทรงกลม กับบรรดาสัตว์ธาตุที่กำลังกลับไปเป็นต้นไม้ตามเดิม... และเขาก็รับรู้ได้ถึงการตัดสินใจที่ถูกต้องของ Nissa...

เขาเข้าใจแล้วว่าทำไม Nissa ถึงได้หวงแหน และรัก Zendikar มากขนาดนี้ มากขนาดที่จะยอมทิ้ง Gatewatch ในวันที่มันมีสิ่งไม่ถูกต้อง เพื่อกลับมาปกป้องบ้านของเธอ

“มันยังใช้ได้อยู่มั้ย” Nahiri ถามขึ้นมาขัดจังหวะความคิดของ Jace... ซึ่งเขาเองก็ไม่มีคำตอบให้เธอ... เพราะเขาเองก็ไม่เข้าใจว่า Lithoform ในมือมันทำงานอย่างไร

“มันไม่ใช่ของที่ยาย Elf นั่นจะเอาไปใช้” Nahiri พูดต่อด้วยความเกรี้ยวกราดในน้ำเสียง

“ผมว่า... มันต้องเป็นเธอนี่แหละที่ควรจะใช้งานมัน” Jace ตอบกลับไป... แต่นั่นเป็นคำตอบที่ Nahiri ไม่พึงพอใจ เธอคิดว่านี่มันไม่ใช่การซ่อมแซมดาวที่พิการอย่าง Zendikar มันยังเต็มไปด้วยความอันตรายจาก Roil อยู่เช่นเดิม... และมันไม่ใช่ Zendikar ที่เธอคิดว่ามันควรจะเป็น

Jace ไม่ได้ตอบกลับ และปล่อยให้ Nahiri ที่หัวเสีย Planeswalk ออกไป... ในหัวของเขาก็คิดเพียงเรื่องที่ผ่านมา... เขาควรจะไปขอโทษ Nissa... ขอโทษที่ไม่เชื่อเธอ... ขอโทษที่เรื่องราวทั้งหมดมันวุ่นวายกว่าที่ควรจะเป็น... และ Nissa พูดถูกมาตลอด...

 

สิ่งที่พังไป... มันรักษาได้โดยไม่ต้องทำลายสิ่งอื่นลง...

 

มาถึงตอนจบของเนื้อเรื่องชุด Zendikar Rising แล้วนะครับ

ขอบคุณสำหรับการติดตาม และทุกๆ กำลังใจครับ