SORIN MARKOV

"ข้าเห็นดาวที่จุติ... เห็นชีวิตที่กลายเป็นผุยผง... มันไม่น่าพิศมัย แม้แต่กับคนที่จิตใจดำมืดเช่นข้า"

 

Sorin Markov เป็น Planeswalker เพศชาย สายพันธุ์มนุษย์ที่กลายพันธุ์เป็น Vampire

โดย Vampire ในจักรวาลของ Magic the Gathering จะหมายถึงสิ่งมีชีวิตที่มีความกระหายเลือด หรือพลังชีวิตของสิ่งมีชีวิตอื่นๆ พวกมันไม่มีเลือดเป็นของตนเอง และสามารถแพร่เชื้อ Vampire ให้กับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ได้ (ไม่เฉพาะสายพันธุ์มนุษย์เท่านั้น)

และ Vampire ก็เป็นสายพันธุ์ที่มีความหลากหลายอย่างมาก บ้างก็เป็นสัตว์นักล่าไร้สมอง หรือบางตนก็มีโครงสร้างทางสังคม และมีความฉลาดหลักแหลม

โดยทั่วๆ ไปแล้ว Vampire จะมีความสามารถในการบิน โดยอาจจะมาจากเวทย์มนต์ หรือลักษณะทางกายภาพที่เกิดการกลายพันธุ์ พวกมันจะมีความสามารถในการรักษาบาดแผลของตนเอง และมีพละกำลังเหนือไปกว่าตอนเป็นร่างต้น โดยลักษณะทางกายภาพที่มักจะเชื่อมโยงกันก็คือ Vampire จะมีเขี้ยวยาวออกมาจากปากของตนเองนั่นเอง

 

ส่วน Sorin นั้น เป็น Vampire ที่มีสติปัญญาสูง และเขาเข้าถึงมานาสีดำ ก่อนที่จะเข้าถึงมานาสีขาวในภายหลัง

 

- หนทางสู่การกลายพันธุ์ -

Sorin เขาเกิดที่เมือง Stensia ของดาว Innistrad

Stensia เป็นเมืองที่ตั้งอยู่หลังเทือกเขา Geier Reach และปกคลุมด้วยเมฆหมอกสีสันแปลกตา และอุดมไปด้วยพื้นที่ของป่าไม้... และราวกับว่า แสงอาทิตย์จะไม่เคยฉายแสงทะลุหมอกอันหนาทึบของ Stensia ได้เลย…

 

ในช่วงเวลาราวๆ 2500 ปี ก่อนที่ Urza จะกำเนิด และเริ่มต้นนับปี A.R.

Edgar Markov นักเล่นแร่แปรธาตุที่เกิดที่ Innistrad เช่นกัน...

และตอนนี้ เขาก็ตกอยู่ในช่วงเวลาที่ร่างกายของเขาเข้าสู่ช่วงแห่งความชราภาพเสียแล้ว...

Edgar เลือกที่จะหนีจากความชราด้วยศาสตร์ที่เขาชำนาญมากที่สุด... เขาเริ่มทดลองผสมยาสูตรต่างๆ เพื่อยืดอายุ และลดความชราของเขาไปเรื่อยๆ แต่มันก็ไม่ได้ผล... นอกจากนี้ดินแดน Stensia ก็กำลังตกอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก อาหารเริ่มไม่พอยาใส้... ความหวังของ Edgar น้อยลงเรื่อยๆ... จนกระทั่ง การมาถึงของปีศาจตนหนึ่ง... มันยื่นขอเสนอที่ Edgar ไม่เคยคิดว่าจะต้องเอาตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยว...

 

เวทย์มนต์แห่งเลือด...

 

แต่ในฐานะผู้นำตระกูล เขาต้องฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไป การทำสัญญากับปีศาจที่ไม่ได้มีข้อผูกพันใดๆ ก็ไม่เสียหายที่จะลอง ทั้ง Edgar และลูกชายของเขา จึงออกล่า “เลือด” ที่จำเป็นต้องใช้สำหรับเวทย์มนต์แห่งความอมตะที่เขาตามหา

พวกเขาจับนางฟ้าตนหนึ่งมากักขังไว้ที่ห้องทดลอง และเริ่มทำการทดลอง รวมถึงพิธีกรรมที่จำเป็น ตามที่ปีศาจตนนั้นเข้ามาแนะนำ...

 


Edgar Markov

 

เลือดของนางฟ้าถูกสกัดออกมาเป็นส่วนผสมของยาอายุวัฒนะ... และเพียงแค่ยาไม่กี่หยด มันก็ทำให้ผู้ที่ได้รับมันหยุดความแก่ชราลงทันที...

แต่มันกลับแลกมาด้วยความกระหายเลือด พวกเขาต้องออกล่าเพื่อสูบกินเลือดของสิ่งมีชีวิตอื่นในการแลกเปลี่ยนกับชีวิตอันนิรันดร์ของตนเอง

 

และช่วงเวลาที่สำคัญก็มาถึง... Edgar เชื่อว่านี่คือหนทางแห่งการสืบตระกูล Markov ของเขา... เขาจึงให้ลูกหลานในตระกูลได้รับ “พร” แห่งการเป็น Vampire... Sorin ผู้เป็นหลานก็เช่นกัน

 

เพียงยาไม่กี่หยด แต่ปฏิกิริยาของมันร้ายแรงนัก การกลายพันธุ์ทำให้ Sorin เจ็บปวดไปทั่วร่างของเขา... สติค่อยๆ เลือนราง... ภาพแห่งคฤหาสน์ Markov ที่บิดเบี้ยว… แล้วเขาก็ได้รับ Spark และ Planeswalk ออกไปจากบ้านเกิดของเขา... พร้อมกับร่างกายที่เปลี่ยนไปเป็น Vampire เต็มตัว

 

- ก่อกำเนิดจากความว่างเปล่า -

หลังจากที่ Sorin ได้รับ Spark เขาก็เริ่มออกผจญภัยไปในเส้นทางของชีวิตตนเอง จนกระทั่ง เขาได้พบกับสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้ว่ามันมาจากไหน แต่จะพบเจอมันในช่องว่างระหว่างการ Planeswalk (หรือ Blind Eternities)

และเขาก็ได้เข้าร่วมกับ Ugin ผู้เป็นมังกรวิญญาณจากดาว Dominaria ในการจัดการกับปัญหาของสิ่งมีชีวิตที่ถูกเรียกว่า Eldrazi ที่บัดนี้ มันเริ่มโจมตีดาวอื่นๆ ด้วยการสูบพลังงานของดาวไปทั้งหมด

และในเวลาเดียวกันนั้น Sorin ก็ได้พบกับลูกศิษย์คนแรกของเขา อย่าง Nahiri สาวน้อยชนเผ่า Kor จากดาว Zendikar

พวกเขาทั้งสาม ได้ตั้งทีมที่ชื่อว่า "The Three" เพื่อจัดการกับปัญหาของ Eldrazi

โดยมีข้อตกลงเป็นการกักขังไว้ที่ Zendikar

โดย Nahiri จะเป็นผู้ทำผนึกจากวิชา Lithomancy หรือการเปลี่ยนรูปของศิลา

Ugin จะใช้เพลิงวิญญาณ เพื่อเป็นเวทย์มนต์สำหรับการผนึก Eldrazi

ส่วน Sorin ผู้เชี่ยวชาญด้าน Sangomancy หรือเวทย์มนต์เลือด จะใช้เวทย์มนต์ของเขาคอยสูบพลังจาก Eldrazi ให้พวกมันอ่อนแอพอที่จะถูกผนึก และบรรดา Eldrazi ตัวเล็กตัวน้อยก็จะให้ Sorin เป็นหน่วยจัดการสังหารเช่นกัน

 


The Three ผู้ผนึก Eldrazi

 

แผนของ The Three ประสบความสำเร็จได้ด้วยดี ก่อนที่ทั้งสามจะแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเอง

 

- ความเท่าเทียมที่ไม่ยุติธรรม -

เวลาผ่านไปหลายปี Sorin เลือกที่จะกลับสู่ดาวบ้านเกิดของเขา... ที่ Innistrad อีกครั้ง... แต่ทว่า เมื่อเขากลับมา เขาก็พบว่า ในตอนนี้บรรดา Vampire ได้แพร่กระจายเชื้อไปทั่วทั้งดาว...

และในมุมมองของเขา ผู้ที่เดินทางไปหลากหลายดวงดาวมาแล้ว เขามองว่าถ้าหากปล่อยไว้เช่นนี้ มนุษย์ที่เป็นแหล่งอาหารหลักของ Vampire จะหมดไป จนนำไปสู่เหตุสังหารและดื่มเลือดกันเองของเผ่าพันธุ์ Vampire แน่นอน

ทางแก้ปัญหาที่ Sorin คิดขึ้นมา ไม่ใช่การอยู่เฝ้า Innistrad แล้วคอยกำกับเหล่า Vampire แต่เขาต้องสร้างผู้ปกป้องให้กับสายพันธุ์มนุษย์ เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างผู้ล่า และเหยื่อ

Sorin ใช้ความเชื่อและศรัทธาของมนุษย์ใน Innistrad ที่เชื่อว่า ดวงจันทร์ของ Innistrad เป็นผู้ปกป้อง เขาจึงนำส่วนหนึ่งของดวงจันทร์มาสร้างเป็น Helvault ที่จะให้มันเป็นสถานที่คุมขังสิ่งชั่วร้าย... แต่ทว่า มันก็ปรากฏร่างอีกร่างหนึ่งขึ้นมา หลังจากที่ Sorin ได้สร้าง Helvault

 


Avacyn ผู้พิทักษ์

 

มันคือร่างของนางฟ้าที่รอรับคำสั่งจาก Sorin เขาตั้งชื่อเธอว่า Avacyn และมอบหมายให้เธอเป็นผู้ดูแลเหล่ามนุษย์ของ Innistrad จากภยันตรายต่างๆ ในยามที่เขาไม่อยู่...

 

และการกระทำทั้งหมดของ Sorin แม้จะทำให้เหล่ามนุษย์ใช้ชีวิตได้ปลอดภัยขึ้น... แต่มันก็เป็นการสร้างศัตรูที่ไร้ทางต่อกรให้กับเหล่า Vampire... ผู้เป็นเลือดเนื้อ และสายพันธุ์เดียวกับเขา... Sorin กลายเป็น Vampire จอมทรยศในดาวของตนเองไปแล้ว... แม้จะมี Vampire บางตนที่เข้าใจ Sorin แต่นั่นก็เป็นส่วนน้อยมากๆ และตัวของ Sorin เองก็ไม่ได้ใส่ใจมุมมองจากพวก Vampire ตนอื่นๆ อยู่แล้ว...

 

- ความวุ่นวายแห่ง Innistrad -

เวลาผ่านไปหลายพันปี เหล่า Eldrazi ที่ถูกกักขังไว้ที่ Zendikar อันเป็นบ้านเกิดของ Nahiri ลูกศิษย์ของ Sorin ก็ได้หลุดออกมาจากผนึก

Nahiri ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปทั้ง Sorin และ Ugin แต่ก็ไร้การตอบรับ... หลังจากปัญหา Eldrazi ที่บ้านเกิดของเธอมันจบลง เธอจึงไปหา Sorin ที่ Innistrad เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง...

ทางด้านของ Sorin เอง เขาไม่ได้รับสัญญาณใดๆ จาก Nahiri เลย และเขาคิดว่า มันน่าจะมาจาก Helvault ที่มองว่าสัญญาณที่เธอส่งมาเป็นอันตราย มันจึงกักสัญญาณเอาไว้... แต่ทว่า เหตุผลนั้นก็ไม่เพียงพอต่อความไม่พอใจที่ Nahiri มีต่อ Sorin

ทั้งคู่ปะทะคารมกันอยู่สักพัก ก่อนที่ Nahiri จะเป็นฝ่ายหมดความอดทน และเข้าโจมตี Sorin... เป็นที่แน่นอนว่า Avacyn นางฟ้าผู้พิทักษ์ ย่อมต้องปกป้อง Sorin ผู้สร้างของเธอ

Avacyn เข้ามาขวางระหว่าง Sorin และ Nahiri ก่อนที่จะจัดการโจมตี Nahiri จนกว่าภารกิจของเธอจะสำเร็จ...

สังหาร Nahiri ลงเสีย

และนั่นก็ทำให้ Sorin ต้องหยุดความวุ่นวายด้วยการผนึก Nahiri ไว้ใน Helvault...

 


การกักขัง Nahiri

 

หลังจากความวุ่นวายที่ Nahiri ก่อไว้จบลง Sorin ก็ออกเดินทางไปธุระของเขาตามเคย ก่อนที่จะกลับมาที่ Innistrad อกีครั้ง และในครั้งนี้เขาพบกับ Planeswalker หนุ่มที่เขาไม่คุ้นเคย

Dack Fayden กับมีดสั้นรูปร่างแปลกประหลาดในมือ ณ ปราสาทของ Vampire ตระกูล Falkenrath

 

Falkenrath เป็นตระกูล Vampire ของ Innistrad ที่ถือได้ว่าเป็นตระกูลที่ใหญ่ที่สุด และตระกูล Falkenrath ขึ้นชื่อเรื่องการล่ามนุษย์เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการล่ามนุษย์ที่เชื่อว่าตนเองปลอกดภัยที่สุด นอกจากนี้ ตระกูล Falkenrath ยังเป็น Vampire ที่มีความสามารถในการบินสูงที่สุดในบรรดา Vampire ตระกูลต่างๆ ใน Innistrad อีกด้วย

 

มีดในมือของ Dack Fayden คือ Ancient Fang... มีดสั้นที่ทรงพลานุภาพ และมันควรจะอยู่ที่นี่... ที่ Innistrad...

Sorin เข้าล็อกตัว Dack ทันที ก่อนที่เขาจะอธิบายว่า เขาเพียงนำ Ancient Fang มาคืนเท่านั้น... เขาเล่าถึงเส้นทางที่มาที่ไป และทำไมถึงมาจบลงที่ Innistrad พร้อมกับความวุ่นวายที่ทำให้ Vampire ตระกูล Falkenrath ตื่นตัว และออกไล่ล่าตัวเขา... แม้ในตอนนี้เขาจะเข้ามาถึงภายในปราสาทของ Falkenrath ได้แล้วก็เถอะ...

 


Sorin กับโจรใจดี Dack Fayden

 

Sorin เอง เมื่อได้ยินดังนั้น เขาจึงยื่นข้อเสนอ เป็นการปล่อยตัว Dack พร้อมกับข้อมูลที่ Dack ต้องการ โดยแลกกับ Ancient Fang ซึ่งนั่นก็ทำให้ Dack ยินดีที่จะปล่อย Ancient Fang ไป และออกเดินทางไปยัง Grixis ที่ดาว Alara ทันที

 

- การกลับมาของสิ่งที่ไม่ควรกลับมา -

เวลาที่ผ่านไปเนิ่นนาน แต่ภารกิจของ Sorin ก็ไม่ได้ลดลงไปแม้แต่น้อย... จนกระทั่ง เขาได้ข่าวคราวของ Eldrazi ที่ Zendikar อีกครั้ง...

จากสัญญาที่เคยให้ไว้กับ The Three เขาจึงต้องออกเดินทางไปที่ Zendikar อีกครั้ง... โดยไม่มี Nahiri ที่เขาไม่รู้ว่าจะนำเธออกมาจาก Helvault อย่างไร โดยไม่ต้องทำลายมัน และปลดปล่อยสิ่งชั่วร้ายทั้งหมดที่ถูกผนึกไว้ออกมาพร้อมๆ กัน

เขาจึงเลือกที่จะหันหน้าไปหา Ugin แทน... แต่ทว่า สัญญาณที่เขาติดต่อไปยัง Ugin ก็ไม่ได้รับการตอบรับ

Sorin จึงเดินทางเพียงลำพังไปที่ Zendikar พร้อมกับความคาดหวังที่จะได้ผู้ช่วยคนใหม่เพื่อหยุดยั้งภัยจาก Eldrazi ในครั้งนี้

 

เมื่อไปถึง Zendikar เขาก็พบกับ Vampire ที่มีชื่อว่า Anowon และในตอนนี้ Anowon ก็ถูกพลังจาก Eldrazi ควบคุมจิตใจอยู่เบาๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหากับ Sorin เขาดึงเอา Anowon กลับมาเป็นทาสของเขาได้ในพริบตา ก่อนที่จะได้พบกับ Nissa Revane ที่กำลังตกอยู่ในวงล้อมของ Eldrazi Brood หรือ Eldrazi ขนาดเล็ก ที่ทาง Sorin ใช้เวทย์มนต์ง่ายๆ ของเขาก็สามารถกำจัดพวกมันไปได้ทั้งหมด

Sorin จึงให้ทั้ง Anowon และ Nissa ร่วมทางไปกับเขา... เพื่อกลับไปปิดผนึกของ The Three

 


Ulamog, Eldrazi Titan แห่งการทำลายล้าง

 

 แต่ทว่า แผนของเขากลับไม่เป็นไปตามนั้น เมื่อ Nissa ที่รักดาวบ้านเกิดของเธอเสียเหลือเกิน เลือกที่จะไม่ทำตามแผน... เธอไม่คิดจะผนึก Eldrazi กลับไปในดาวอีกแล้ว เธอจึงเลือกที่จะทำลายผนึกศิลา Hedron ด้วยความคาดหวังว่ามันจะทำให้เหล่า Eldrazi ออกไปจาก Zendikar... แต่ก็ไม่เลย มันทำให้สิ่งที่อันตรายกว่า Eldrazi Brood ได้กลับมายังพื้นผิวของดาวอีกครั้ง... Eldrazi Titan, Ulamog ได้กลับมาขึ้นมาอีกครั้ง

และ Sorin ก็ทำอะไรกับมันไม่ได้... นอกจากสบถอยู่ในหัวถึงความโง่ของยาย elf วัยกระเตาะ ก่อนที่จะ Planeswalk กลับไปที่ Innistrad อีกครั้ง

 

- การหายไปของสิ่งที่ไม่ควรหาย -

เมื่อ Sorin กลับมาที่ Innistrad เขาก็พบว่า... Avacyn นางฟ้าผู้พิทักษ์ได้หายไปจาก Innistrad เสียแล้ว ก่อนที่สมดุลของผู้ล่า และเหยื่อจะเสียไป เขาจะต้องออกตามหา Avacyn ให้ได้เสียก่อน...

แต่ทว่า การค้นหาของเขาก็ถูกขัดขวางโดยปีศาจอีกตน ที่รูปร่างคล้ายกับคนมากกว่าปีศาจหลายๆ ตัวที่เขาเคยเจอมา มันคือ Tibalt

Tibalt เข้ามาขัดขวาง Sorin เพื่ออะไรไม่มีใครทราบ นอกจากตัวของมันเอง... เพราะเหมือนมันเข้ามาเพียงเพื่อกวนประสาท Sorin ไปเรื่อยๆ ก่อนที่จะโดน Sorin จับได้ มันก็แค่หนีไปเท่านั้นเอง

 


Sorin กับ Tibalt จอมปั่นประสาท

 

ตัว Sorin เอง ก่อนที่จะตามหา Avacyn อีกครั้ง ก็เหมือนกับว่า เขาจะเริ่มเรียงลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น หลังจากหายหัวร้อนจากสิ่งที่ Nissa ได้ทำไว้... และเขาคงต้องหยุดเหตุการณ์ Eldrazi ก่อน เพราะนั่นมันเป็นภัยระดับ Multiverse ไม่ใช่ภัยระดับดวงดาวเหมือนกับการหายตัวไปของ Avacyn

เขาต้องกลับไปตามหาสมาชิกของ The Three ที่เหลืออยู่อีกครั้ง... Ugin ที่เขารู้มาว่า ตอนนี้อยู่ที่ Tarkir...

 

ทิวเขารูปร่างแปลกตา และแสงแดดที่ตอนนี้กำลังแผดเผาผิวหนังของ Sorin ให้เริ่มเกรียม ทำให้เขาต้องดึงฮูดจากผ้าคลุมของเขาขึ้นมาบัง รวมถึงต้องหาที่หลบแสงแดดที่ไม่เป็นผลดีกับเขามากนัก

Sorin เดินทางเพื่อตามหาผู้ชำนาญเส้นทาง เพื่อให้ใครคนนั้นพาเขาไปหา Ugin

Sorin เดินทางจนถึงเวลาย่ำค่ำ ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงกลุ่มมนุษย์คุยกันจากที่ไกลๆ

 

“นั่นมันตัวอะไร” หนึ่งในสมาชิกของกลุ่มนักเดินทางชี้มาทาง Sorin

“พวกสัตว์ทดลองของ เผ่า Sultai แน่ๆ” ชายในชุดนักรบอีกคนตอบคำถาม

และชายคนหนึ่งบนหลังม้าก็ตะโกนมาทาง Sorin “หยุดอยู่ตรงนั้น เจ้าตัวประหลาด Sultai” “เจ้าเข้ามาสู่ดินแดนของพวกเรา Temur Frontier

Sorin ไม่ได้เปลี่ยนจังหวะย่างก้าวที่สม่ำเสมอของเขา... เขายังคงเข้าประชิดกลุ่มของชนเผ่า Temur

“โจมตี!” แต่เพียงสิ้นเสียงคำสั่งของชายบนหลังม้า ร่างของ Sorin ก็หายไปในเงามืด... แล้วร่างของกลุ่มผู้เดินทางก็ล้มลงเรียงตัว

Sorin เข้าประชิดตัวชายที่ขี่ม้า แล้วถามถึง Ugin... แต่คำตอบที่ได้ก็ยังคงเป็นการพ่นคำผรุสวาท พร้อมกับเชิดชูความเข้มแข็งของนักรบ Temur ก่อนที่คอของเขาจะถูกงับเขาโดยอดีตเพื่อนร่วมรบของเขา...

“ข้ายินดีรับใช้ นายท่าน” ชายในชุดนักรบตอบรับ Sorin... การโจมตีของ Sorin ได้วางแผนไว้ให้หนึ่งในกองสำรวจของ Temur กลายมาเป็นทาสของเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว...

“เจ้านำทางข้าไปหา Ugin ได้หรือไม่” Sorin ถามกลับไปยัง Vampire ทาสของเขา

“แน่นอนครับท่าน... แต่ข้าเกรงที่จะต้องแจ้งกับท่านว่า... ท่าน Ugin ได้ตายไปแล้ว” Vampire ทาสตอบกลับมาด้วยความยำเกรง

Sorin นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง... “เป็นไปได้อย่างไรกัน?”

“มังกรที่ Tarkir ได้สูญพันธุ์ไปจนสิ้นแล้วครับท่าน, ท่าน Ugin เป็นผู้ให้กำเนิดเหล่ามังกรทั้งหลาย แต่แล้วท่านก็ถูกสังหารจากบรรดาผู้นำของแต่ละชนเผ่า (Khan) เพราะพวกเขาต้องการปลดแอกตนเองจากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยนักล่า... และเมื่อท่าน Ugin ผู้ให้กำเนิดพายุมังกรจากไป มังกรทั้งหลายก็ถูกล่าจนสูญพันธุ์ไปตามกันครับท่าน” Vampire ทาสของ Sorin เล่าเรื่องราวของ Tarkir ให้เขาฟัง

“เช่นนั้น... ข้าก็ยังต้องไปพิสูจน์ด้วยตาของข้าอยู่ดี” Sorin ตอบกลับพร้อมกับความแคลงใจ แต่ก็ต้องการพิสูจน์ความจริง

 


Temur Frontier ชนเผ่านักล่า ที่แม้แต่แม่ลูกอ่อนยังเป็นนักล่าผู้เก่งกาจ

 

แล้วทั้งสอง Vampire ก็เดินทางไปยังหุบเขาอันสูงชันและหนาวเหน็บ ก่อนที่จะพบกับหนาผาที่มีแสงเรืองสีฟ้าราวกับแสงเหนือก็ไม่ปาน...

แต่ยิ่งพวกเขาเข้าใกล้มัน ก็มีลมเข้ามาปะทะร่าง พร้อมกับความรู้สึกของเวทย์มนต์แห่ง Ugin

“เขาอยู่ที่นั่น นายท่าน” Vampire ทาสได้แจ้งกับ Sorin

“เจ้ารอที่นี่ ข้าไม่ต้องการให้ใครลงไปตายจากสิ่งที่เขารับมือไม่ได้หรอกนะ” Sorin สั่งให้ทาสของเขาหยุดรอ ก่อนที่เขาจะเดินเท้าลงไปหาโครงกระดูกขนาดมหึมาที่ปรากฏอยู่ด้านล่าง

 

ยิ่ง Sorin เข้าใกล้ซากกระดูกนั้นมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรับรู้ได้ถึง Ugin มากขึ้นๆ เขาเดินผ่านซากโครงกระดูกจากหางไปเรื่อยๆ จนมาถึงส่วนหัว... เขาพบกะโหลกของมังกรที่มีทรงเขาอันคุ้นเคยถูกแช่อยู่ในน้ำแข็ง...

Ugin... มังกรวิญญาณผู้เกรียงไกร และทรงปัญญา... ตอนนี้กลายเป็นแค่โครงกระดูกมังกร... แม้ว่า Sorin จะสัมผัสได้ถึงเวทย์มนต์ของ Ugin ที่เบาบาง แต่ดวงตาของกะโหลกมังกรนั้น มีเพียงความว่างเปล่า... และนี่คือเหตุผลว่าทำไม Ugin จึงไม่ได้ปรากฏตัวเพื่อช่วยเหลือภัย Eldrazi อีกเลย...

 

- กาลเวลาที่บิดเบี้ยว -

Sorin กำลังเดินทางไปที่ Tarkir เพื่อตามหา Ugin... หลังจากที่เขาไม่ได้รับการตอบกลับเมื่อส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือปัญหา Eldrazi...

 

แสงแดดของที่นี่มันแผดเผาผิวหนังของ Vampire ที่ไวต่อแสง Sorin จึงเดินทางเพื่อหาร่มเงา และเขาก็พบกับมังกรที่โฉบไปมาอยู่ในระยะสุดสายตา

แต่ก่อนที่เขาจะให้ความสนใจเรื่องมังกร ตอนนี้เขาต้องการผู้นำทาง เพื่อพาเขาไปหา Ugin เสียก่อน

Sorin ออกเดินทางไปเรื่อยๆ จนพบกับกลุ่มคนในเวลาพลบค่ำ

 

“นั่นมันตัวอะไร” หนึ่งในสมาชิกของกลุ่มนักเดินทางชี้มาทาง Sorin

“น่าจะเป็นพวกผีดิบจาก Silumgarชายในชุดนักรบอีกคนตอบคำถาม

และชายคนหนึ่งบนหลังม้าก็ตะโกนมาทาง Sorin “หยุดอยู่ตรงนั้น เจ้าผีดิบ” “เจ้ากำลังรุกล้ำดินแดนแห่ง Atarkar

Sorin ไม่ได้เปลี่ยนจังหวะย่างก้าวที่สม่ำเสมอของเขา... เขายังคงเข้าประชิดกลุ่มกองกำลังสำรวจเส้นทาง

“โจมตี!” แต่เพียงสิ้นเสียงคำสั่งของชายบนหลังม้า ร่างของ Sorin ก็หายไปในเงามืด... แล้วร่างของกลุ่มผู้เดินทางก็ล้มลงเรียงตัว

Sorin เข้าประชิดตัวชายที่ขี่ม้า แล้วถามถึง Ugin... แต่ก็ไม่ได้คำตอบ แต่ได้คำสาปแช่งจากความเกรี้ยวกราดของ Atarka จะมาลงโทษผู้ที่ทำร้ายนักรบของเธอ... ก่อนที่คอของชายคนนั้นจะถูกงับเขาโดยอดีตเพื่อนร่วมรบของเขา...

“ข้ายินดีรับใช้ นายท่าน” ชายในชุดนักรบตอบรับ Sorin... การโจมตีของ Sorin ได้วางแผนไว้ให้หนึ่งในกองสำรวจ กลายมาเป็นทาสของเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว...

“เจ้านำทางข้าไปหา Ugin ได้หรือไม่” Sorin ถามกลับไปยัง Vampire ทาสของเขา

“แน่นอนครับท่าน... แต่ข้าเกรงที่จะต้องแจ้งกับท่านว่า... ท่าน Ugin ได้หายไปจากท้องฟ้าของ Tarkir หลายศตวรรษแล้ว” Vampire ทาสตอบกลับมาด้วยความยำเกรง

Sorin นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง... “เจ้าแค่พาข้าไปก็เพียงพอ”

(อ่านมาถึงตอนนี้ อาจจะรู้สึกคุ้นๆ... ใช่ครับ เนื้อเรื่องทั้งหมดในตอนนี้ คือเส้นเวลาใหม่ ที่ถูกย้อนเวลากลับไปแก้ไขโดย Sarkhan Vol และทำให้ Ugin ไม่ได้ถูกสังหารครับ และเรื่องราวทั้งหมดจะเดินทางต่อจากจุดนี้ครับ)

 

ทั้งคู่ออกเดินทางไปยังภูเขาสูง เพื่อไปยังสถานที่ที่เรียกว่า แอ่งแห่งมังกรวิญญาณ ที่เชื่อว่าเป็นที่อยู่ของราชาต้นกำเนิดมังกรแห่ง Tarkir ทุกตน

โดยระหว่างทาง Vampire ทาสของ Sorin ก็เล่าเรื่องของ Tarkir ให้ฟัง

 

“พวกเราได้ยินเรื่องเล่าจากบรรพบุรุษถึงการล่มสลายของชนเผ่า... ผู้ตั้งตนเป็นผู้กระด้างกระเดื่องกับมหาเทพมังกร จนเมื่อเวลาผ่านไป เหล่าคนบาปพวกนี้ก็ถูกสังเวยให้กับความเกรียงไกรของมหาเทพมังกร”

“กลุ่มของพวกข้า คือนักล่าผู้บูชา Atarka มังกรผู้เป็นเลิศในการล่า และเพราะความเก่งกาจของท่าน ทำให้พวกเราดำรงชีวิตได้จนถึงทุกวันนี้”

“ไอ่พวก Khan มันเป็นคนจองหอง พวกมันลบหลู่หนทางแห่งการล่า... การที่พวกมันตายไปซะจนหมดก็เป็นชะตาที่เหมาะดีแล้วล่ะท่าน”

 


เหล่านักล่ากับ Dragonlord Atarka

 

เรื่องราวของ Tarkir ที่ถูกถ่ายทอดมาจากปากของ Vampire ตนนั้น ก็พอทำให้ Sorin เห็นภาพรวมของ Tarkir ที่ตอนนี้มังกรคือนายเหนือหัวของชนเผ่าต่างๆ

แต่ก็ไม่ได้ทันจะวิเคราะห์อะไรต่อ ทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงจุดเป้าหมาย...

“ศิลา Hedron?” Sorin ที่เห็นบรรดาศิลา Hedron วางเรียงรายเป็นแถวไปตามแนวหน้าผาเบื้องล่าง

“เจ้ายังมีเลือดหลงเหลืออยู่หรือไม่” Sorin ถาม Vampire ทาสของเขา “ข้าคิดว่าต้องใช้มันเพื่อปลดผนึกศิลา”

“เลือดในตัวข้ายังเหลือเพียงเล็กน้อย... แต่ถ้านายท่านต้องการ ข้ายินดีมอบให้” ทาสตนนั้นตอบ Sorin ไปตามความจริง แม้รู้ว่ามันหมายถึงอะไร

Sorin โบกมือพร้อมกับร่างที่ล้มลงของทาส Vampire... Sorin ได้เลือดจากทาสของเขามาเพียงเล็กน้อย แต่ก็เพียงพอที่เขาจะนำมันไปใช้กับเวทย์มนต์เลือดเพื่อที่จะปลดผนึก Hedron

Sorin เริ่มร่ายมนต์ด้วยภาษาที่ไม่เป็นที่รู้จัก ศิลา Hedron เริ่มมีรอยร้าว และร่างวิญญาณของ Ugin ก็ทะยานขึ้นมาจากรังไหมแห่งศิลาของเขา

 


การกลับมาของ Ugin

 

“Sorin นั่นเจ้ารึ?” เสียงอันคุ้นเคยของมังกรวิญญาณได้ถาม Sorin

“ใช่... เจ้ามังกรขี้เซา... ไปทำยังไงถึงได้ไปติดอยู่ใน Hedorn กันเล่า” Sorin ถามกลับไป

แววตาของ Ugin ก็เปลี่ยนไปเป็นแววตาแห่งความวิตกกังวล และเขาก็เริ่มมองซ้ายมองขวา...

“บอกข้าที... Bolas ไปจากที่นี่หรือยัง?”

Sorin ดูจะไม่เข้าใจกับคำถามนั้นเท่าใดนัก เขาจึงถามกลับไปถึงที่มาที่ไปของคำถามนั้น และก็ได้คำตอบกลับมาจาก Ugin

Nicol Bolas... ฝาแฝดของข้า... เขามองว่าข้าเป็นคู่แข่งแห่งอำนาจของเขา เขาจึงตามมาล่าสังหารข้าถึงที่นี่... ที่ Tarkir”

“แม้ข้าจะพ่ายแพ้ และบาดเจ็บสาหัส แต่ข้าก็ได้มนุษย์คนหนึ่งช่วยข้าไว้ เขากักเก็บพลังของตัวข้าที่กำลังสลายออกไปจากร่างอันบอบช้ำ และนั่นก็ทำให้ข้ารอดชีวิตมาได้... ว่าแต่ เจ้ามาพบข้า เจ้ามีเหตุอันใด” Ugin ถาม Sorin หลังจากที่เขาเล่าที่มา ที่เขาต้องมานอนอยู่ใน Hedron

 

“Eldrazi มันหลุดออกมาอีกแล้ว” Sorin ตอบอย่างไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก

แต่แทนที่จะได้คำตอบ Ugin ก็มองซ้ายมองขวาอีกครั้ง... “แล้วจอมเวทย์ผนึกหินไปไหนแล้วล่ะ... Nahiri ไปไหนเสียแล้ว” Ugin ถามหาอีกหนึ่งสมาชิก The Three

“เธอไม่อยู่...” Sorin เลือกคำตอบที่ดูกลางๆ ที่สุด

“เธอตายแล้วงั้นเหรอ?” Ugin ผู้ทรงปัญญา แต่ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยคำถามที่ Sorin ไม่อยากตอบ

“ยัง... เธอยังไม่ตาย เอาเป็นว่าเธอยังมีชีวิตอยู่” Sorin ตอบอย่างไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก

“งั้นเจ้าก็ไปตามเธอมาซะ” Ugin ตอบกลับไป

“Nahiri จำเป็นขนาดนั้นเลยรึไง” Sorin ที่รู้สึกว่าบทสนทนานี้มันจะไปจบลงแบบที่เขาไม่ต้องการ

“แน่นอน เวทย์มนต์แห่งเลือดของเจ้า สามารถจัดการกับ Eldrazi ได้อย่างง่ายดาย แต่มันก็ไม่สามารถใช้เพื่อผนึกศิลาอย่างไฟวิญญาณของข้าได้...

ไฟวิญญาณของข้า แม้จะใช้เพื่อผนึกได้อย่างไร้ร่องรอย แต่ก็ไม่สามารถสร้างโครงข่ายการผนึกเหมือนกับศิลา Hedron ที่เชื่อม Leyline ของ Zendikar ได้... มีเพียงวิชาแปลงหินอันเป็นศาสตร์แห่ง Lithomancy เท่านั้น... ศาสตร์ที่ Nahiri เพียงคนเดียวที่ทำได้” Ugin อธิบายให้ Sorin ฟัง

“ข้าจะไปเจอเจ้าที่ Zendikar... ถ้าเจ้านำ Nahiri ไปที่นั่นได้ล่ะก็นะ” Ugin กล่าวทิ้งท้าย

Sorin เองหันหลังกลับด้วยความกดดัน... เขาไม่สามารถปล่อย Nahiri ออกมาจาก Helvault ได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสมดุลของห่วงโซ่ใน Innistrad แต่ถ้าเขาไม่ปล่อย Nahiri ออกมา ปัญหาของ Eldrazi ก็คงไปจบลงที่ทั้ง Multiverse ถูกทำลายย่อยยับแน่ๆ

Sorin Planeswalk กลับไปที่ Innistrad ระหว่างที่ยังคงครุ่นคิดถึงทางแก้ปัญหาต่อไป

 

- เงาบดบังเหนือ Innistrad –

เมื่อ Sorin เดินทางมาถึงคฤหาสน์ Markov เขาก็พบกับภาพที่เขาต้องตะลึง... เศษหิน และศิลาอันเป็นโครงสร้างของคฤหาสน์กระจัดกระจายไปทั่วพื้นที่... เสา หลังคา และผนังดูบิดเบี้ยวและผิดรูปไปหมด

บรรดา Vampire ในคฤหาสน์ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างคฤหาสน์ไปเสียแล้ว...

Sorin รู้ได้ทันทีว่าอดีตของเขาได้กลับมาหลอกหลอนเขาอีกแล้ว... เขาต้องตามหาผู้ช่วยมาปกป้องสายตระกูล Vampire จากความเกรี้ยวกราดของ Nahiri

แต่ทว่า อดีตที่เก่ากว่าของเขาก็ตามมาหลอกหลอนเขาอีกทอดหนึ่ง... การสร้าง Helvault และการมาถึงของ Avacyn ที่ทำให้เหล่า Vampire ดำรงชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก ก็ทำให้ Vampire ตระกูลอื่นๆ ไม่ให้ความร่วมมือกับเขามากนัก... จะมีก็เพียง Olivia Voldaren ผู้นำ Vampire ตระกูล Voldaren เท่านั้น ที่ให้ความร่วมมือกับ Sorin

 

ตระกูล Voldaren เป็นตระกูล Vampire ที่มีความชำนาญในการใช้เวทย์มนต์เพื่อแปลงกายตนเองให้เป็นสัตว์ต่างๆ เช่น ค้างคาว แมว หรือหนู เป็นต้น

 

แต่ทว่า ข้อแลกเปลี่ยนของ Olivia คือการทำลาย Avacyn ลง... Sorin ก็ตอบตกลงแบบส่งๆ เพื่อให้ปัญหาของ Nahiri จบลง

ส่วนตัวเขาเองก็ต้องไปตามหา Avacyn เสียก่อน

 

ณ โบสถ์ Thraben

Sorin เข้ามาในจังหวะที่ Avacyn กำลังจะสังหารผู้บุกรุกพอดี...

Jace Beleren และ Tamiyo ผู้เป็น Planeswalker มาจากต่างแดนนั่นเอง

การเข้ามาของ Sorin ทำให้ Avacyn ยั้งมือของเธอ และทั้งคู่ได้พูดคุยกันอีกครั้ง... ก่อนที่ Sorin จะพบว่า ในตอนนี้ Avacyn เธอเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น เธอจำไม่ได้แม้แต่ตัวของ Sorin เอง

Sorin พบว่าความผิดปกติ และความเกรี้ยวกราดของ Avacyn นั้นดูรุนแรงเกินไป และเขานำมันไปเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากพลังของ Nahiri... เขาเชื่อว่า Nahiri ได้ทำอะไรบางอย่างกับ Avacyn จนเธอคุ้มคลั่งไป

ในฐานะผู้สร้าง แม้ว่าเขาจะตกลงกับ Olivia ว่าจะทำลาย Avacyn ลง แต่เขาก็เป็นผู้สร้างเธอเช่นกัน เขาจึงเสนอ Avacyn ว่า เขาพบความผิดปกติบางอย่างในตัวเธอ และเขายินดีที่จะชำระล้างความผิดปกติของเธอ... Sorin ร่ายเวทย์มนต์ใส่ Avacyn และมันก็ทำให้เธอได้สติกลับมา...

แต่ผลที่ได้ หาใช่การกลับมาเป็นนางฟ้าผู้พิทักษ์ไม่... Avacyn กลับโกรธยิ่งขึ้นกว่าเดิม เธอโทษความผิดปกติของเธอว่ามันมาจากความผิดพลาดของ Sorin ที่สร้างเธอให้อ่อนแอ และโดนเปลี่ยนให้เป็นร่างที่วิปริตไป...

เธอกลายเป็นนางฟ้าที่มองว่าประชากรมนุษย์ของ Innistrad เป็นเพียงกลุ่มก้อนเนื้อที่น่ารังเกียจ เธอเริ่มสังหารมนุษย์ด้วยตัวของเธอเองโดยที่เธอห้ามตัวเองไม่ได้... และเมื่อ Sorin เป็นผู้สร้างของเธอ... เขาจะต้องรับผิดชอบความผิดพลาดนี้เช่นกัน

 


Avacyn ที่มองมนุษย์เป็นก้อนเนื้อแห่งความผิดบาปไปแล้ว

 

Avacyn เริ่มเปิดฉากโจมตี Sorin ทันที ด้วยความทรงพลังของทั้งคู่ แทบจะทำให้โบสถ์พังทลายลงมา

การต่อสู้ก็จบลงที่ Sorin เหนือกว่า แต่เขาก็ยังคงเชื่อว่า Avacyn ยังคงวิปริตอยู่ และเขาเชื่อว่า เขาสามารถชำระล้างจิตใจ และสร้างเธอขึ้นมาใหม่ได้

แต่ Avacyn ก็ตอบกลับมาว่า “ถ้าข้าไม่ใช่บุตรีที่ท่านต้องการ สุดท้ายแล้ว เราคงต้องปะทะกันอีก... ครั้งแล้ว ครั้งเล่า... มันจะไม่มีวันจบ และข้าเอง ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นเครื่องมือของปีศาจ... ปีศาจเช่นท่าน”

Sorin ที่ไม่เหลือทางเลือก เขาจำเป็นต้องกำจัด Avacyn ลง แม้มันจะแลกมาด้วยสมดุลของ Innistrad ก็ตาม...

ดาบของเขาชี้ไปที่เหนือหัวของเธอ... ทว่าเขาเบือนหน้าหลบภาพความเจ็บปวดที่เขาจะได้เห็น... ร่างของ Avacyn ค่อยสลายไปเป็นเพียงเถ้าถ่าน... และคำพูดสุดท้ายของเธอก่อนที่จะสิ้นสติไปก็คือ

“ข้าคือ Avacyn... ข้าคือผู้พิทักษ์”

 


ความเจ็บปวด และการสูญเสีย

 

ทันทีที่ Avacyn สลายร่างไป เงาขนาดมหึมาก็ปกคลุมทั่วทั้งเมืองของ Innistrad ทันที...

Helvault ที่พังทลายลง และ Avacyn ที่สลายไป... สิ่งที่ปกป้อง Innistrad ได้สาบสูญไปจนสิ้น...

Sorin รู้ได้ทันที ว่าเขาเป็นเพียงเบี้ยในเกมส์ของ Nahiri... และเขาก็เดินไปตามแผนของเธออย่างเต็มที่...

Emrakul อันเป็น Eldrazi Titan ได้ปรากฏกายของมันที่ Innistrad จากการดัดแปลงเส้นทาง Leyline เพื่อดึงดูดมันมาที่นี่ โดย Nahiri นั่นเอง

ในตอนนั้นสมาชิกทีม Gatewatch ได้เข้ามาถึง Innistrad เพื่อหยุดยั้ง Emrakul ส่วน Sorin และ Olivia เลือกกลับไปจัดการต้นตอของปัญหา... ไปที่คฤหาสน์ Markov เพื่อหยุด Nahiri ลง

 


ความคุ้มคลั่งของ Nahiri

 

ทั้ง Sorin และ Nahiri เข้าปะทะกันอย่างดุเดือด แต่แล้วก็เป็นด้านของ Nahiri ที่มีชั้นเชิงที่เหนือกว่า เธอผนึก Sorin ไว้ในแท่งหิน... ให้มันหันไปทิศที่ Emrakul กำลังอาละวาดอยู่กลางเมือง Innistrad... ให้เขาได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดของการรุกรานจาก Eldrazi Titan ที่เคยทำลาย Zendikar บ้านของเธอ

และ Nahiri ที่บาดเจ็บจากการปะทะกับ Sorin ก็ Planewalk ออกไปจาก Innistrad...

ทางด้าน Olivia ที่นอกจากจะไม่ได้ช่วยเหลือ Sorin แล้ว เธอยังเข้ามาหลังจบเหตุการณ์เพื่อ... ขโมยดาบของ Sorin ไป ปล่อยให้ Sorin ต้องเผชิญความเจ็บปวดตลอดกาล และมันทำให้เขาไม่สามารถรวบรวมสมาธิมากพอที่จะ Planeswalk ออกไปจากแท่งหินนี้ได้...

 

- ความขัดแย้ง และสงคราม -

ณ Ravnica

หลังจากที่สัญญาณจาก Interplanar Beacon อันเป็นเครื่องมือในการดึงให้เหล่า Planeswalker มายัง Ravnica ตามแผนของ Nicol Bolas เพื่อที่มันจะสามารถใช้เวทย์มนต์สำหรับดึง Spark จาก Planeswalker ตนอื่นๆ ทั้งหมด มาเป็นของตนเอง

และด้วยความที่ไม่มีใครเข้าใจการทำงานของ Interplanar Beacon ก็จึงไม่มีใครเข้าใจว่า... ทำไม Sorin ถึงได้หลุดออกมาจากการถูกผนึกไว้ในเสาหินที่ Innistrad...

หรือแม้แต่ความเกี่ยวข้องระหว่าง Interplanar Beacon กับการหลุดออกมาจากแท่งหินของเขาเอง ก็ไม่ได้มีการพิสูจน์ว่ามีข้อเกี่ยวข้องกันอย่างไร

แต่ตอนนี้เขามาถึงที่ Ravnica แล้ว... และก็เหมือนโชคชะตาจะกำหนด... เขาพบกับ Nahiri ลูกศิษย์คู่แค้นของเขาที่นี่เช่นกัน

ทั้งคู่กลับเข้าปะทะกันทันที... แม้ว่าภาพเบื้องหลังของพวกเขาจะเต็มไปด้วยความสูญเสียและการนองเลือดจากบรรดากองทัพผีดิบ Eternal ของ Bolas และประชาชนของ Ravnica ที่หนีตายกันอย่างไม่คิดชีวิต...

 


ความขัดแย้งที่บังตา

 

หลังจากที่ปะทะกันเป็นเวลาพอสมควร และพบว่า ในครั้งนี้ไม่น่าจะมีใครเป็นผู้ที่เหนือกว่าในการต่อสู้ครั้งนี้ ทั้งคู่ก็เจรจาสงบศึกกันชั่วคราว... เพราะเหมือนสถานการณ์ที่ Ravnica จะเริ่มตึงมือ Planeswalker คนอื่นๆ มากขึ้น... และพวกเขาก็ไม่ต้องการจะเป็นเชื้อเพลิง Spark ให้กับ Bolas เช่นกัน

ทั้งคู่จึงเข้าร่วมสงครามเพื่อต่อต้าน Nicol Bolas และก็ทำให้สงครามจบลงด้วยชัยชนะของ Planeswalker ส่วน Nicol Bolas ก็สูญสิ้นพลังของตนเองไปจนสิ้น...

 

ภายหลังสงครามจบลง Sorin ก็หายไปจากพื้นที่ ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน และเลือกเส้นทางชีวิตต่อไปอย่างไร...

 

เรื่องราวของ Sorin Markov ก็จบลงที่ตรงนี้แล้วนะครับ

ทางเรา ก็ขอขอบคุณทุกๆ กำลังใจ และการติดตามอ่านเรื่องราวสนุกๆ ที่เราเต็มใจรวบรวมมาให้เพื่อนๆ อ่าน ส่วนบทความต่อไป จะเป็นเรื่องราวของใคร รอติดตามได้เลยครับ