NISSA REVANE

"ชีวิตกำเนิดได้ทุกแห่งหน... พวกข้าเพียงแค่หาที่ที่มันเติบโตได้เต็มที่"

 

Nissa Revane เป็น Planeswalker เผ่าพันธุ์ Elf ที่มีบ้านเกิดจาก plane Zendikar

โดย Zendikar เป็น plane ที่ขึ้นชื่อว่าอันตรายที่สุดในหลายๆ Plane ที่มี… ไม่ใช่จากผู้คน, สัตว์ป่าอันตราย หรือสภาวะแวดล้อมที่อยู่อาศัยไม่ได้

แต่เป็นเพราะมันเป็นสถานที่ ที่ทุกๆ สิ่ง กลับมีชีวิต และจิตวิญญาณของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นผืนน้ำ ผืนฟ้า หรือแผ่นดิน ทั้งหมดล้วนแต่ปรับเปลี่ยนตนเองเพื่อตอบสนองความต้องการของมันได้ทั้งสิ้น

เส้นทางที่เคยผ่านไปได้ อาจจะกลายเป็นหุบเหวลึก หรือผาสูงชัน

ทะเลที่เงียบสงบเมื่อครู่ อาจก่อตัวเป็นพายุหมุน หรือคลื่นยักษ์ก็เป็นได้เช่นกัน

เหตุการณ์เหล่านี้ ถูกเรียกว่า Roil

 


เหตุการณ์ Roil ของ Zendikar

 

กลับมาที่เรื่องราวของ Nissa กันต่อดีกว่า ตัวเธอเกิดในทวีป Bala Ged อันเป็นพื้นที่ของหนองน้ำ และป่าทึบ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 7 ทวีปของ Zendikar 

เธอเป็น Elf เชื้อสาย Joraga ที่ถือได้ว่าเป็นชนเผ่าที่มีความชำนาญด้านการสื่อสารกับสัตว์ต่างๆ

 

- กาลครั้งหนึ่ง -

ในสมัย Nissa ยังเป็นเด็ก เธอและแม่ของเธอ เป็นเพียงสองคนที่เหลืออยู่ในเผ่า Joraga ที่มีความสามารถในการสื่อสารกับธรรมชาติ และแผ่นดิน หรือที่เรียกว่า Animist (เป็นหมอผีที่สื่อสารกับธรรมชาติได้)

โดยปกติแล้ว Animist จะมีญานพิเศษ ที่จะมีนิมิตเห็นภาพของอนาคต… แต่ในตอนนี้ แม่ของ Nissa ไม่มีมัน เหลือก็เพียงตัวของ Nissa ที่ยังมีญานนี้อยู่

ซึ่งนั่น ก็ทำให้ผู้นำชนเผ่าในตอนนั้น เกิดความระแวง Nissa ที่สามารถมองเห็นภาพต่างๆ ได้ และเอาเรื่องของ Animist ไปเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ในอดีต

ในครั้งก่อนนั้น เหล่า Animist มีอยู่ทั่วไป แต่ทว่า เหล่าหมอผีก็ได้ไปทำพิธีกรรมบางอย่างที่ทำให้ Zendikar ไม่พอใจ และว่ากันว่า เหล่า Animist รุ่นเก่าๆ นั้น ถูกเหตุการณ์ Roil สังหารไปจนหมดแล้ว

และการที่ Nissa มีญานมองเห็นอนาคต ก็ถือเป็นลางไม่ดีสำหรับชนเผ่า Joraga ในมุมมองของผู้นำเผ่า…
เขาจึงยื่นข้อเสนอให้ทั้งสองแม่ลูก ออกไปจากเผ่าเสีย

 

แม้ว่าแม่ของ Nissa จะร้องขอเท่าใดก็ไม่เป็นผล ทั้งคู่ยังคงถูกหมายหัวว่าจะเป็นลางร้ายของ Joraga เช่นเดิม

แต่กับตัวของ Nissa เอง เธอเชื่อว่าภาพที่เธอเห็น… แม้จะเลือนลาง แต่เธอก็มั่นใจว่า มันเป็นลางไม่ดีต่อเผ่า Joraga เธอจึงแอบเก็บข้าวของ และออกเดินทางในคืนเดียวกันนั้น

 

ในระหว่างที่เธอเดินทาง ภาพในหัวของเธอมันก็ชัดขึ้นเรื่อยๆ และเธอก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ และความเจ็บปวดของผืนดิน

เธอพยายามจะสื่อสารกับจิตวิญญาณแห่งดิน จนมันก่อตัวขึ้นมาเป็นรูปร่าง มันพาเธอออกเดินทาง… 

แต่ด้วยเหตุใดก็ไม่ทราบได้ มันกลับพาเธอไปหาเหล่า Vampire ที่ไม่เป็นมิตร

 

เธอต้องต่อสู้กับ Vampire และนั่นก็ทำให้เธอได้รับพลังในการสร้างสิ่งมีชีวิตจากธาตุด้วยตัวเอง (โดยไม่ต้องอาศัยวิญญานของผืนดินอีกแล้ว) และใช้มันต่อกรกับเหล่า Vampire ได้สำเร็จ

 

เธออกเดินทางต่อไป จนถึงทวีป Akoum ที่เป็นดินแดนของภูเขาสูง

ณ ที่แห่งนั้น เธอได้รับรู้ถึงการเกิด Roil แต่เธอก็สามารถเชื่อมต่อตัวเองเข้ากับแผ่นดินของ Zendikar ได้ทันการ และเข้าใจว่ามันเป็นปฎิกิริยาตอบสนองของผืนดิน… เสมือนร่างกายของมนุษย์ ที่กำลังติดเชื้อ ร่างกายจะพยายามกำจัดสิ่งแปลกปลอมออกจากร่างกาย

ภาพในหัวของ Nissa เริ่มชัดแจ้ง… เพราะเธอไม่ได้เห็นภาพนั้นในหัวของเธออีกต่อไป…

 


Nissa กับภาพสุดสยอง

 

เธอเห็นร่างประหลาด ขนาดยักษ์ เด่นตระหง่านอยู่ตรงหน้า เธอไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร แต่มันทำให้เธอกลัว… แม้ว่าเธอจะพยายามเรียกเหล่าสัตว์ธาตุขึ้นมา แต่ก็ไร้ประโยชน์ ความกลัวกลับเข้ายึดครองจิตใจของเธอ จนเธอตระหนก และเธอก็ได้ Spark พร้อมกับต้อง Planeswalk หนีไป

 

- แดนแห่งราตรีนิรัดร์ และกลางวันอันยาวนาน -

Nissa พบว่าเธอได้ Planeswalk มาอยู่ท่ามกลางป่าไม้ที่บรรยากาศแตกต่าง แต่ผืนดินก็กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดไม่ต่างจากที่ Zendikar 

ก่อนที่เธอจะได้ยินเสียงโอดครวนมาจากที่ไม่ไกลนัก…

มันคือสิ่งมีชีวิตหน้าตาประหลาด ตัวเล็กๆ ที่ถูกธนูฝังร่างอยู่ โดยเจ้าของลูกธนูก็มีลักษณะไม่ต่างจากเธอ… พวกเขาเป็น Elf เช่นเดียวกัน

เมื่อได้พบกัน พวกเขาก็แนะเธอว่า ที่นี่คือ Lorwyn และสิ่งที่พวกเขากำลังล่าอยู่ก็คือพวก Eyeblight ที่เป็นสายพันธ์ุ Goblin

 


การกำจัด Eyeblight ของเหล่า elf

 

ซึ่งในมุมมองของ Elf ที่ Lorwyn นั้น อะไรก็ตามที่มีรูปร่าง หรือหน้าตาน่าเกลียดตามมาตรฐานของพวกเขา จะถูกเรียกว่า Eyeblight (หรือเสนียดตานั่นเอง) และพวกเขาจะได้รับสิทธิ์ในการล่าอย่างเต็มที่

แม้ Nissa จะไม่ค่อยเห็นด้วย แต่ก็ไม่ทันจะได้ถกเถียงกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ก็เกิดเหตุการณ์ Great Aurora ขึ้น…

กลางวัน กลับเป็นกลางคืนอันมืดมิด และยาวนาน เหล่า Elf และ Golbin ที่เธอคุ้นเคย ได้เปลี่ยนไปเป็นสิ่งมีชีวิตที่แตกต่าง พวกเขาไม่เหลือความทรงจำในช่วงกลางวันเลย และลักษณะนิสัยก็เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละสายพันธุ์สิ่งมีชีวิต Leyline หรือเส้นสายมานาก็เอ่อท่วมไปด้วยมานาสีดำ

ในห้วงเวลานั้น Nissa ก็ได้รับความรู้ และทักษะในการควบคุมการ Planeswalk ของเธอ… แม้ว่าเธอจะสนใจใคร่รู้เหตุการณ์ที่มานาดำไหลเข้ามาในช่วงกลางคืนของ Lorwyn จนมันเปลี่ยนไปเป็น Shadowmoor มากแค่ไหน

ในตอนนี้ สัญชาตญาณของเธอก็บอกให้เธอกลับไปที่บ้านของเธอ… 

 

- พบปะผู้คน… และอมนุษย์ -

หลังจากที่ Nissa สามารถควบคุมการ Planeswalk ของเธอได้แล้ว เธอก็ออกเดินทางไปที่ต่างๆ

แต่ทว่า ที่ๆ น่าสนใจกลับเป็น Ondu ที่เป็นทวีปใน Zendikar นั่นเอง

ที่นั่นเธอได้เจอกับ Elf เผ่า Tajuru ที่เป็นชนเผ่า Elf ที่เปิดกว้างในการพบปะผู้คน และมีความชำนาญด้านการสร้างสรรค์ ถือได้ว่า ออกจะตรงกันข้ามกับชนเผ่า Joraga ของ Nissa อยู่ไม่น้อย

ที่นี่ เธอได้ผูกมิตรกับเพื่อร่วมสายพันธ์ุ ไม่ว่าจะเป็น Sutina หัวหน้าเผ่าในตอนนั้น และยังได้เรียนรู้วิชาต่างๆ ของชนเผ่า Tajuru อีกด้วย

 

ทว่า ความสุขก็ไม่จีรัง… หมู่บ้าน Elf ในระแวกใกล้เคียงเริ่มขาดการติดต่อ ทำให้ต้องมีการประชุมด่วน… และนั่น ก็เป็นจังหวะที่จะเฉลยเรื่องราวทั้งหมด

เหล่า Eldrazi Brood หรือพวกลูก Eldrazi ที่เป็นสัตว์ที่ไม่มีใครรู้ว่ามันมาจากไหน และติดต่อสื่อสารกับมันไม่ได้ ได้เข้าโจมตีที่ประชุม

Sutina ที่อยู่ที่นั่น เธอถูกสังหารทันที ชนเผ่า Tajuru ที่ไร้ผู้นำกำลังระส่ำระส่ายกับภัยร้ายที่มาถึง

Nissa ก้าวขึ้นมาเพื่อจะเป็นผู้นำเผ่าชั่วคราว เธอเลือกที่จะเข้าปะทะกับเหล่า Eldrazi Brood…

แต่ก็จบลงด้วยการสูญเสียสมาชิกของชนเผ่าไปเป็นส่วนใหญ่… สัตว์ร้ายในวัยกระเตาะมันโหดร้ายกว่าที่ Nissa ประเมินไว้ เธอกำลังจะต้องจบชีวิตลงที่นี้เสียแล้ว…

 

แต่แล้ว Sorin Markov ก็ได้มาถึง และจัดการเหล่า Eldrazi ไปได้อย่างง่ายดาย

เขาได้พบกับ Nissa และ Anowon ที่เป็น Vampire อีกตนท่ามกลางฝูง Eldrazi เขาสั่งให้ทั้ง Nissa และ Anowon พาเขาไปที่วิหาร Eye of Ugin เพราะนั่นเป็นภารกิจของเขา และถือเสียว่า เขาช่วยชีวิตทั้ง Nissa และ Anowon ไว้

 


Sorin, Vampire ปริศนาที่มาช่วย Nissa ไว้

 

ทั้งสามร่วมกันออกเดินทาง แต่ในใจของ Nissa เองก็นึกย้อนไปถึงภาพสุดสยองในวันวาน ก่อนที่เธอจะ Spark

เธอเห็นภาพของ Eldrazi… ที่ไม่ใช่เป็นเพียงรุ่นลูกอย่างที่เธอพึ่งปะทะมา…

แต่ด้วยความทรงพลังของ Sorin เธอก็ไว้วางใจในตัวเขา และยินยอมที่จะออกเดินทางไปด้วยกัน โดยไม่ได้เล่าถึงภาพในความทรงจำของเธอ

 

ทั้งสามออกผจญภัย และพบปะกับทั้ง Merfolk ที่เป็นครึ่งคนครึ่งปลา, Kor ชนเผ่าที่มีความคล้ายมนุษย์ จะต่างก็ตรงสีผิว และสีผมที่ออกขาวเผือก รวมไปถึงวิธีการใช้ชีวิต, Goblin และแม่มด, รวมถึง Vampire ตนอื่นๆ

บางคนก็เข้าร่วมการเดินทางไปสู่วิหาร Eye of Ugin กับพวกเขา

กระนั้น พวกเขาก็เดินทางไปจนถึง Zulaport อันเป็นท่าเรือของทวีป Ondu ที่ๆ พวกเขาเลือกจะพักผ่อน ก่อนจะออกเดินทางในรุ่งเช้า 

 


Anowon อีกหนึ่ง Vampire เพื่อนร่วมทาง

 

แต่สถานการณ์ก็ไม่เป็นใจ พวกเขาถูกโจมตีโดย Vampire แปลกหน้า และต้องรีบออกเดินทางเพื่อหนีความตายในคืนนั้น

พวกเขาต้องออกเดินทางข้ามทะเล Nissa เธอเรียกปลาวาฬยักษ์ออกมาเพื่อลากเรือ 

แต่อารามด้วยความรีบร้อน เสบียงของพวกเขาร่อยหรอไปอย่างรวดเร็ว จนสุดท้าย Nissa จึงต้องปล่อยให้ปลาวาฬยักษ์จากไป

Nissa จำต้องใช้การฝึกปราณสมาธิในการอดอาหาร ที่เธอเรียนรู้มาอย่างผิวเผินจากชนเผ่า Joraga และไม่เคยคิดว่าจะได้ใช้มัน…

 

ระหว่างการเดินทางครั้งนี้ Sorin ก็ยอมเล่าเรื่องของ "ภารกิจ" ของเขา… นั่นคือการหยุดยั้ง Eldrazi ที่เคยถูกกักขังอยู่ที่ Zendikar เมื่อครั้งอดีตกาล

Eldrazi ที่ยิ่งใหญ่กว่าฝูง Eldrazi ที่โจมตี Nissa ก่อนหน้านี้

สัตว์ร้ายที่เป็นต้นกำเนิดของ Eldrazi Brood… มันคือ Eldrazi Titan

 

แม้ว่าจะยากลำบากเพียงใด สุดท้ายแล้ว ทั้ง 3 ก็สามารถเดินทางไปถึงที่หมายของพวกเขาได้

หมุดหมายแรกคือ Tal Terig พวกเขาถูกโจมตีจากลุ่ม Elf ที่ Nissa เองก็ไม่รู้จัก โดย Elf เหล่านั้น เชื่อว่าการสังเวลชีวิตให้กับผลของต้น Kolya จะทำให้ภัยร้ายจาก Eldrazi หมดไป 

 

ท่ามกลางความวุ่นวาย Goblin ที่ชื่อว่า Mudheel ที่ร่วมเดินทางมากับพวกเขา ก็แสดงฝีมือสังหารเหล่า Elf และสามารถพาสมาชิกเพื่อนร่วมทางหนีออกมาจากบรรดา Elf ที่คุ้มคลั่งได้อย่างปลอดภัย

Mudheel เสนอตัวเองเป็นผู้นำทางที่ทวีป Akoum  แห่งนี้ เพื่อไปสู่วิหาร Eye of Ugin

 


วิหาร Eye of Ugin

 

ระหว่างการเดินทาง Nissa ก็พบว่า Anowon ได้สังหารผู้คนกลุ่มที่ช่วยเหลือพวกเขา เพื่อรักษาชีวิตในฐานะ Vampire ที่ต้องดื่มเลือดของผู้คน และ Sorin ผู้ที่เป็น Vampire เช่นกันก็เห็นดีเห็นงามด้วย

และนั่นทำให้ Nissa รู้สึกไม่พึงพอใจกับพฤติกรรมของ Vampire ทั้งคู่

อย่างไรก็ดี การเดินทางของทั้งสาม ก็สำเร็จ พวกเขาสามารถไปถึงวิหาร Eye of Ugin ได้อย่างปลอดภัย

กระนั้น เป้าหมายของ Sorin ก็ยังคงเดิม… เหมือนที่เขาเคยทำ และจะทำมันอีกครั้ง คือการเปิดการใช้งานของ Hedron... หินที่สามารถผนึกพลังเวทย์มนต์ต่างๆ ได้

โดย Hedron ได้ถูกวางไว้เป็นโครงข่ายไว้เรียบร้อย เพียงแค่การเปิดการใช้งาน และขยับให้เข้าที่เข้าทาง เหล่า Eldrazi ก็จะถูกกักขังไว้ที่ Zendikar ตามเดิม

 

แต่ Nissa เธอเข้าใจความเจ็บปวดของแผ่นดินที่สื่อสารกับเธอ เธอเชื่อว่า เพียงแค่ทำลายศิลา Hedron เหล่านี้ พวก Eldrazi จะได้รับการปลดปล่อย และพวกมันจะได้ไปตามทางของมัน

ทำให้ Zendikar กลับมาสงบเช่นเคย…

 

แต่ก็เปล่าเลย... 

ทันทีที่ Nissa ตัดสินใจทำลายศิลา Hedron ลง Eldrazi Titan ตนแรกก็กลับขึ้นมาสู่พื้นผิว Plane อีกครั้ง

 

ใบหน้าที่ไม่มีดวงตา มีเพียงกระโหลกห่อหุ้มส่วนหัวขนาดมหึมาของมัน ระยางค์ขนาดยักษ์ของมันโบกสะบัดไปทั่ว ระยางค์ที่เป็นกล้ามเนื้อที่ไม่มีผิวหนังอันมีสีสันสุดแปลกตา และกลิ่นเหม็นเน่าราวกับซากศพ

Ulamog ได้รับการปลดปล่อย เจ้าแห่งการทำลายล้างได้กลับขึ้นมาสู่พื้นผิวของ Zendikar และกลับมาทำสิ่งที่มันต้องการมากที่สุด…

 

ดูดกลืนพลังมานาของ Zendikar…

 

เส้นทางที่มันเคลื่อนที่ผ่านกลายเป็นเพียงผงฝุ่นสีขาว… ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ สิ่งมีชีวิต หรือแม้แต่ผืนดินก็ตาม

 


Ulamog, Eldrazi แห่งการทำลายล้าง

 

ตอนนี้ด้วยพลังของ Sorin, Nissa และ Anowon ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว… Eldrazi ระดับ Titan มันเกินมือ Planeswalker 2 ตนไปมาก… โดยเฉพาะกับ Planeswalker ที่ไม่ยอมทำตามแผนอย่าง Nissa

 

Sorin ที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว และสุดจะทนกับพฤติกรรมแหกกฏของ Nissa เลือกที่จะทิ้ง Zendikar ไป…

“มันไม่ใช่เรื่องของข้าตั้งแต่แรก”
Sorin กล่าว ก่อนที่จะ Planeswalk ออกไปจาก Zendikar

 

Nissa เองก็ต้องหนีออกมาจากรัศมีการทำลายล้างของ Ulamog เช่นกัน เธอกลับไปแจ้งข่าวกับเผ่า Joraga ของเธอ เพื่อหาผู้ช่วยและคำปรึกษา

 

- ความผูกพันธ์แห่งผืนดิน -

สองปีให้หลัง บรรดาลูกหลานของ Ulamog ก็เพ่นพ่านไปทั่ว Zendikar สูบกินพลังงานมานาอันล้นเหลือของ Plane แห่งนี้

จนสุดท้ายแล้ว พวกมันก็มาถึง Joraga... 

แม้พวกเขาจะพยายามต้านทานแค่ไหน แต่ก็ไม่เป็นผล

 

Nissa เอง แม้จะรอดชีวิตออกมาได้ และรู้สึกผิดกับเหตุการณ์ทั้งหมด แต่เธอก็ต้องการแก้ไขสถานการณ์สุดเลวร้ายครั้งนี้… เธอเข้าใจแล้วว่าเธอต้องการความร่วมมือจาก Elf เผ่าอื่นๆ ทั้งหมด

ในระหว่างการต่อต้าน Eldrazi ที่เป็นลูกหลานของ Ulamog

Nissa ก็สามารถเรียกสัตว์ธาตุขึ้นมาได้ชำนาญมากขึ้นๆ และได้รับฉายาว่า Shaya ที่เป็นภาษาโบราณ แปลว่า Worldwaker (ผู้สื่อสารกับผืนดิน)

และไม่นาน เธอก็พบว่า มีสัตว์ธาตุตนหนึ่งที่ไม่สลายร่างกลับไปเป็นธาตุดั้งเดิมของมัน หลังจากจบการต่อสู้แฉกเช่นสัตว์ธาตุตนอื่นๆ

 


Pathrazer หรือ Eldrazi ที่ทำหน้าที่เปิดเส้นทางของสายพันธ์ Ulamog

 

ถ้าเธอคือ Wolrdwaker สัตว์ธาตุที่เธอเรียกขึ้นมาได้ และมีความพิเศษตนนี้ก็น่าจะมีชื่อเช่นกัน เธอตั้งชื่อมันว่า Ashaya หรือ Awoken World (ผืนดินผู้ตื่นรู้)

นอกจากนี้ Ashaya ยังสามารถสื่อสารกับ Nissa ได้ผ่านทางนิมิตของ Nissa โดยมันบอกเธอทั้งเรื่องความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างตัว Nissa กับ Zendikar 

และเส้นทางมานาหรือ Leyline ที่มันถูกนำพาไปหา Khalni Heart อันเป็นดอกไม้ที่กำเนิดจากจิตวิญญาณของ Zendikar เอง ซึ่งสามารถนำมาเป็นเครื่องมือในการปลุกวิญญาณของผืนดิน และนำไปต่อกรกับ Eldrazi ได้

 


Ashaya แผ่นดินผู้ตื่นรู้

 

Nissa เองก็ต้องออกเดินทางเพื่อปกป้องประชาชนจากความผิดพลาดของเธอ แต่ก่อนที่เธอจะได้ทำอะไร ก็มีเหล่า Vampire เขามาขอพบเธอ และมอบหน่ออ่อนของพืชพันธ์ุแห่ง Zendikar ที่พวกเขารวบรวมไว้

พวกเขาอ้างว่า ตัวเองเป็นพันธมิตรกับ Anowon และ Anowon เชื่อว่า Nissa จะเป็นคนเดียวที่สามารถเก็บรักษาพืชพันธ์ของ Zendikar ไว้ได้ ก่อนที่ทั้ง Plane จะโดน Ulamog และลูกหลานของมันสูบกลืนพลังงานไปทั้งหมด…

เพราะตอนนี้ที่ทวีป Bala Ged ก็ไม่เหลือซากแล้ว และตัวของ Anowon ก็หายไปจากการไล่ล่าของ Ulamog อีกคน

Nissa จึงเก็บพืชผลเหล่านั้นไว้ และเริ่มออกเดินทางเพื่อปกป้องชนเผ่าอื่นๆ

 

ระหว่างทาง Ashaya พลาดท่าโดนโจมตีจากฝูง Eldrazi ร่างของมันสลายไป และ Nissa เองก็ไม่สามารถเรียกมันกลับมา หรือแม้แต่สื่อสารกับผืนดินได้อีกเลย... 

วิธีการแก้ปัญหาที่เธอคิดออกในตอนนี้คือภาพเก่าๆ ในนิมิตของเธอ…

Khalni Heart ดอกไม้แห่งวิญญาณ... มันน่าจะทำให้เธอกลับไปสื่อสารกับ Zendikar ได้อีกครั้ง

 

และระหว่างทาง เธอก็ได้พบกับ Planeswalker อีกสองคน ที่เข้ามาช่วยเหลือปัญหาของ Eldrazi อย่าง Gideon Jura และ Jace Beleren 

ซึ่งแม้จะปรึกษาปัญหาที่เธอมีกับพวกเขาก็ตาม แต่ตอนนี้ปัญหา Eldrazi ก็ใหญ่เกินกว่าที่จะทำให้พวกเขาเปลี่ยนเป้าหมาย

Nissa จึงต้องเดินทางด้วยตัวเองไปยัง Bala Ged… ที่ๆ นิมิตของเธอยังแจ่มชัดว่าดอกไม้ Khalni Heart ยังอยู่ที่นั่น

 


Khalni Heart ดอกไม้แห่ง Zendikar

 

แต่เมื่อเธอไปถึง ไม่ใช่เพียงแค่ภาพของการทำลายล้างที่เธอต้องพบเจอ เธอพบกับปีศาจอีกตน… Ob Nixilis

มันต้องการพลังของ Khalni Heart ไปเพื่อฟื้นคืนพลังของมันที่หายไปเมื่อกาลก่อน

 

แน่นอนว่า Nissa ย่อมไม่ยอมให้วิญญาณแห่ง Zendikar ถูกนำไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว 

เพียงเธอเข้าใกล้ Khalni Heart พลังงานมานาของ Zendikar ก็ไหลเวียนกลับมา เธอสามารถสื่อสารกับแผ่นดินของ Zendikar ได้อีกครั้ง และใช้พลังนี้ขับไล่ Ob Nixilis ไปได้

Nissa นำ Khalni Heart ไปกับเธอ และ Ashaya ก็กลับมาเคียงข้างเธออีกครั้ง ทั้งคู่ออกเดินทางกลับไปหา Jace และ Gideon ที่ตอนนี้กำลังต่อต้านพวก Eldrazi อยู่

 


Ob Nixilis ปีศาจผู้ตามหาพลังที่หายไปของมัน

 

Jace ที่ตอนนี้ได้สื่อสารกับ Ugin และเข้าใจการทำงานของ Hedron บ้างแล้ว ได้มาพร้อมกับแผนใหม่

เขาเลือกที่จะกักขัง Ulamog ไว้ในข่ายพลังของ Hedron เพื่อให้มันอ่อนแอมากพอที่จะผนึกมันกลับไปอีกครั้ง

พวกเขาดำเนินการตามแผนของ Jace โดยตัว Jace เองเขาขยับ Hedron ให้เรียงล้อมตัว Ulamog เป็นค่ายแห่งความตาย…

 

Ulamog หยุดนิ่งด้วยความมึนงง มันถูกตรึงอยู่ในเครือข่ายแห่ง Hedron เสียแล้ว

แต่ทว่า ก่อนที่ Gideon และเหล่าทหารกล้าจะได้โจมตี Ulamog ที่ไร้ทางต่อกร 

Ob Nixlilis ก็กลับมา โฉบเข้ามากระแทกศิลา Hedron ที่ถูกจัดเรียงมา แล้วเอาตัวเองเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายพลัง 

มันดูดพลังทั้งหมดจากศิลามาเป็นของตัวเอง

 

ค่ายกลที่ไร้พลังหล่อเลี้ยงก็ไม่ต่างจากหินลอยฟ้าเท่านั้น 

Ulamog กลับมาออกอาละวาดได้อีกครั้ง

 

Nissa ที่โกรธแค้น Ob Nixilis เข้าโจมตีจอมปีศาจ และปล่อยให้เพื่อนๆ ของเธอจัดการปัญหา Eldrazi ไปก่อน

กระนั้น พลังที่ Ob Nixilis ได้มาจาก Hedron ก็มากมายไม่ต่างจากการดึงพลังของ Khalni Heart มาเป็นของตัวเอง

มันพยายามดึงดูดอะไรบางอย่างจากใต้ดินของ Zendikar ด้วยพลังที่มันได้รับมาจากศิลา Hedron

 

เมื่อมองจากไกลๆ มันเป็นเหมือนแผ่นศิลาสีดำทะมึนที่ลอยขึ้นมาจากพ้นดิน… ทั้งๆ ที่ความจริงมันไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้น

มันเป็นเพียงความว่างเปล่าของท้องฟ้า มันคือช่องว่างของพื้นที่...

ร่างที่ถูกห่อหุ้มด้วยเปลือกขนาดยักษ์ค่อยๆ ขึ้นมาจากใต้ดิน… สัตว์ร้ายอย่าง Ulamog ที่ถือว่าตัวใหญ่แล้ว สิ่งนี้มีขนาดตัวที่ใหญ่ขึ้นไปอีก...

 

Kozilek เจ้าแห่งความลวง... อีกหนึ่ง Eldrazi Titan ได้ถูกดึงดูดให้กลับขึ้นมาที่ผิวดินอีกครั้ง

ฉับพลันมิติรอบๆ ตัวก็แลดูบิดเบี้ยว Nissa ที่อยู้ใกล้ Ob Nixilis และ Kozilek มากที่สุดไม่สามารถประคองสติของเธอได้อีกต่อไป เธอหมดสติลงท่ามกลางบรรดาลูกหลานของ Kozilek ที่เข้าโจมตีเธอเพื่อปกป้องร่างต้นของพวกมัน

 


Kozilek, Eldrazi แห่งการบิดเบือน

 

“แค่ให้ข้าได้ดอกไม้นั่น ข้าก็จะไปจากทีนี่อย่างสงบอยู่แล้ว เจ้ามันแส่หาเรื่อง”
คำพูดสุดท้ายของ Ob Nixilis ที่พูดกับ Nissa ก่อนที่เธอจะหมดสติลง แม้ Gideon และ Jace จะเข้ามาช่วยเธอได้ทัน แต่ก็ไม่สามารถต้านทานพลังของ Ob Nixilis ได้…

 

Planeswalker ทั้ง 3 คนถูกจับตัวไปที่รังของ Ob Nixilis ก่อนที่จะถูกช่วยเหลือได้สำเร็จโดย Chandra Nalaar ที่ Gideon เคยไปขอความช่วยเหลือในเรื่อง Eldrazi มาก่อนหน้านี้

 

- สัตย์สาบานแห่ง Multiverse -

ในตอนนี้ Planeswalker ทั้ง 4 คน ก็ได้รับรู้ความด้อยพลังของพวกเขา เมื่อต้องต่อกรกับภัยร้ายที่เกินมือ 

แต่ทุกอย่างก็เป็นไปได้ เพียงแค่พวกเขาร่วมมือกัน ดังนั้น พวกเขาจึงให้สัตย์สาบานในการปกป้องภัยอันตรายระดับคุกคามจักรวาล 

โดยพวกเขาเรียกตัวเองว่า Gatewatch หรือผู้ดูแลจักรวาลนั่นเอง

โดยสัตย์สาบานของ Nissa คือ “เพื่อทุกชีวิตของทุกๆ ดวงดาว ข้าจะคอยดูแล”

 


สัตยสาบานของ Nissa
 

แม้ว่าพวกเขาจะจัดการกับ Ob Nixilis ได้ แต่ภารกิจปกป้องจักรวาลของพวกเขาก็ยังรออยู่…

Eldrazi Titan ขนาดมหึมาสองตัวสร้างร่องรอยแห่งการทำลายล้างไปทุกๆ ที่ที่มันผ่าน

Jace เห็นว่าคำสัญญาที่ให้ไว้กับ Ugin ว่าจะผนึกเหล่า Eldrazi ยักษ์ไม่น่าจะเป็นไปได้อีกแล้ว เขาจึงมาพร้อมกับแผนใหม่…

ใช้เส้นสายมานาหรือ Leyline ของ Zendikar หลอกล่อให้พวกมันมาสู่พื้นที่สังหาร แล้วตรึงพวกมันเอาไว้ด้วยพลังของ Nissa ก่อนที่จะดึงพลังของ Titan ทั้งสองให้ใหลกลับคืนสู่ Zendikar ผ่านทาง Leyline ที่เชื่อมพวกมัน และให้สมาชิกที่เหลือสังหาร Titan ทั้งสองลงซะ…

 

พวกเขาออกไปปะทะกับสัตว์ยักษ์ทั้งสองอีกครั้ง… แผนของ Jace เป็นไปได้ด้วยดี ในตอนนี้พวกเขาได้ Merfolk อีกตน ที่พึ่งเปิดเผยว่าตนเองเป็น Planeswalker นั่นก็คือ Kiora ที่เธอต้องการปกป้องบ้านเกิดของเธอ เฉกเช่นเดียวกัน Nissa

 

แผนของ Jace ดำเนินไปได้อย่างดี
Gideon คอยปกป้องสมาชิกจากเหล่า Eldrazi Brood จำนวนมหาศาล
Kiora ที่มีความสามารถในการควบคุมทะเล และสัตว์น้ำ คอยดูแลทางชายฝั่ง
Chandra คอยสนับสนุนทั้งคู่
ส่วน Nissa ก็ใช้ Leyline เชื่อมต่อกับ Eldrazi ได้สำเร็จ… แต่ทว่าแทนที่จะดึงพลังของ Eldrazi ทั้งคู่กลับสู่ Zendikar กลับกลายเป็นว่า พวกมันดึงพลังมานาของ Zendikar เข้าไปไว้ในตัวมัน

 


Kiora และ Gideon กับการต่อต้าน Eldrazi Brood

 

Kiora เห็นดังนั้น จึงบอกให้ Nissa ปล่อยพวกมันไป ไม่เช่นนั้น Zendikar ได้ถูกดูดพลังมานาไปจนหมดแน่ๆ 

แต่ Jace ไม่เห็นด้วย ซึ่งทาง Chandra ก็นำเสนอท่าพิชิต Titan ในแบบฉบับของเธอพอดี
“มันอยากดูดพลังมานาจาก Plane ใช้มั้ย? งั้นก็เอาไฟใส่ไปใน Leyline สิ”

 

แต่ทาง Kiora กลับเลือกที่จะโจมตี Nissa เพื่อให้เธอตัดการเชื่อมต่อ Leyline กับ Titan ซึ่ง Kiora ก็ทำไม่สำเร็จ เธอถูกกันออกไป และแผนของ Chandra ก็ได้นำไปใช้

 

Chandra เชื่อมต่อจิตของตนเองเข้ากับ Nissa ด้วยความช่วยเหลือของ Jace

Chandra ใช้พลังไฟของเธอให้เข้าไปอยู่ในเส้นสายพลังงานที่ Nissa ได้เชื่อมต่อกับ Titan ทั้งสองไว้แล้ว

กายและใจของ Chandra และ Nissa เป็นหนึ่งเดียวกัน ความรุนแรงและการทำลายล้างของไฟ ไหลผ่านเส้นทางพลังงานมานาส่งตรงไปยังร่างของ Eldrazi Titan ทั้งสอง

 


ภารกิจแรกของ Gatewatch

 

ร่างของพวกมันถูกแผดเผาจากภายใน สีสันบนตัวของมันเปลี่ยนไปเป็นเพียงสีขาวโพลนของขี้เถ้า ร่างของพวกมันค่อยๆ สลายเป็นผงขี้เถ้าสีขาวลอยละล่องไปทั่วบริเวณ

เหล่า Eldrazi Brood ก็สิ้นฤทธิ์ไปพร้อมๆ กับการไร้ผู้ควบคุม… Zendikar ปลอดจากภัยของ Eldrazi ได้สำเร็จ

 

- ภารกิจที่ไม่ได้เลือก -

ไม่นานหลังจากจัดการ Ulamog และ Kozilek ได้ 

Jace ก็ได้สืบเรื่องราวลึกลับบางอย่างที่ Innistrad ก่อนที่จะพบว่า ที่นี่อาจจะมีเหตุการณ์บางอย่าง และเขาต้องการทีม Gatewatch มาที่นี่

เมื่อ Nissa และสมาชิก Gatewatch คนอื่นๆ มาถึง Innistrad 

พวกเขาก็พบว่า… นี่คือภารกิจหยุดยั้ง Eldrazi Titan อีกตัว…

 

ภาพสิ่งมีชีวิต และสิ่งที่เคยมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ Vampire หรือแม้แต่ผีดิบ ปรากฏซึ่งชิ้นส่วนที่ถูกยึดโยงโดยวัสดุคล้ายไยแมงมุม

และภาพที่พวกเขาเห็นไกลๆ คือบางสิ่งบางอย่างขนาดมหึมา มันใหญ่กว่า Eldrazi Titan อย่าง Ulamog และ Kozilek เสียอีก

ร่างของมันปกคลุมท้องฟ้าของ Innistrad ที่มืดมน ระยางค์จำนวนมากมายเกินคณานับงอกออกมาจากด้านใต้ตัวของมัน…

 

Emrakul เจ้าแห่งความวิบัติ มันคือต้นเหตุของการกลายพันธุ์สุดวิปริตที่ Innistrad นั่นเอง…

 


Emrakul ต้นเหตุของการกลายพันธุ์ทั้งหลาย

 

Jace เลือกที่จะใช้แผนเดิมตามที่พวกเขาเคยทำสำเร็จมาก่อนที่ Zendikar

Nissa เริ่มเชื่อมต่อตนเองกับผืนดินของ Innistrad ก่อนที่จะพบว่า ณ ที่แห่งนี้ แผ่นดินไม่ยอมรับตัวเธอ… เส้นทางมานาหรือ Leyline ที่เธอรับรู้ได้ก็มีเพียง Leyline เส้นเล็กๆ ไม่กี่เส้นเท่านั้น

 

กระนั้น พวกเขาก็ไม่มีแผนที่ดีกว่านี้ Nissa เริ่มเชื่อมต่อ Leyline เข้ากับ Emrakul ทันที

 

แต่ Leyline ที่นำมาใช้ มันก็อ่อนแอเกินกว่าจะตรึง Emrakul ให้อยู่กับที่ พวกเขาตกอยู่ในปัญหาใหญ่เสียแล้ว

 

ก่อนที่เหตุการณ์จะแย่ลง Liliana Vess พร้อมกับฝูงผีดิบที่เธอเรียกให้ฟื้นคืนชีพจากหลุมมาตั้งแต่คฤหาสน์ของเธอ

ฝูงผีดิบเข้าโถมโจมตีบรรดาสัตว์ร้ายกลายร่างจากอิทธิพลของ Emrakul และนั่นก็พอจะยื้อเวลาให้สมาชิก Gatewatch ที่เหลือ

 


Liliana กับการเข้าร่วมทีม Gatewatch

 

แต่ก็เพียงไม่นาน เหล่า Gatewatch ก็ได้ประจันหน้ากับ Emrakul 

พวกเขาถูกจู่โจมจากการครอบงำจิตใต้สำนึก ด้วยภาพที่พร้อมจะบิดเบือนการรับรู้ และบังคับให้ยอมรับมันอย่างกลายๆ

 

ในตอนนี้ Jace ที่มีความสามารถในด้านการเป็นจอมเวทย์ผู้ควบคุมจิตใจ จะต้องเข้าปกป้องสมาชิกทีม Gatewatch จากการโจมตีด้วยภาพหลอนของ Emrakul… แต่เขาก็พบว่า ตัวเขาเองก็ตกอยู่ภายใต้การครอบงำของ Emrakul ไม่ต่างกัน…

 

ทางด้านของ Nissa ภาพที่เธอเห็นคือ Emrakul และ Leyline ของ Innistrad นั้น ไม่สามารถเชื่อมโยงเข้าหากันได้ และแผนเก่าที่เคยได้ผล มันจะใช้ไม่ได้กับ Innistrad ที่เส้นทางของ Leyline มันถูกบิดเบือนไปจนหมดแล้ว

 

เมื่อ Jace ได้สติ เขาก็สร้างม่านป้องกันและปกป้องสมาชิกในทีมจากการโจมตีทางจิตของ Emrakul ได้สำเร็จ

Nissa ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลที่เธอรู้มา และทำให้แผนของทีมเปลี่ยนไป…

พวกเขาเลือกที่จะผนึก Emrakul ไว้ที่ดวงจันทร์ของ Innistrad และก็ทำมันได้สำเร็จ ด้วยความช่วยเหลือจาก Tamiyo ผู้เป็น Planeswalker อีกคน

 

- ดินแดนแห่งมานาในอากาศ -

หลังจากจบเรื่องวุ่นๆ ของ Emrakul ได้ราวๆ 3 เดือน 

ในตอนนี้ Gatewatch ก็ได้ก่อตั้งเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาที่ Ravnica อันเป็นที่พักของ Jace

แต่ด้วยความที่ Ravnica เป็น plane ที่มีความเป็นเมืองมากๆ ทำให้ Nissa เองไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติเหมือนอย่างที่เธอคุ้นเคย เธอได้เชื่อมโยงจิตกับบรรดาพืชพันธ์ุในสวนหย่อมต่างๆ เท่านั้นเอง

 

แต่ก็เพียงไม่นาน Dovin Baan ผู้ที่เป็น Planeswalker จาก Kaladesh ก็ได้เข้ามาติดต่อ เพื่อขอจ้างวานให้ Gatewatch เข้าไปเป็นผู้ดูแลความสงบของงานประกวดนักประดิษฐ์ประจำ Plane

 

ตัวของ Nissa ได้พูดคุย Dovin และได้ข้อมูลจากเขาถึงเรื่องที่แปลกที่สุดของ Kaladesh

มานาของ Kaladesh ไม่ได้ไหลตาม Leyline แต่มันล่องลอยอยู่บนอากาศ และที่นั่นเรียกว่า Aether

 


Dovin Baan ชาว Veldakan แห่ง Kaladesh
 

กระนั้น นี่ก็ไม่ใช่เป็นเหตุและผลที่พวกเขาจะต้องรับภารกิจ และสมาชิกส่วนใหญ่ ก็ไม่เห็นด้วยที่จะรับภารกิจนี้ 

แต่ Chandra ที่เกิดที่ Kaladesh และทิ้งพ่อ แม่ ของเธออกมาจากเหตุการณ์ที่ทำให้เธอได้ Spark ก็อยากจะหวนกลับไปที่ Kaladesh เสียเหลือเกิน…

ด้วยความเห็นอกเห็นใจ(?) ของ Liliana ที่ตอนนี้เข้ามาเป็นสมาชิกในทีม Gatewatch แล้ว ทั้งคู่จึงแอบออกเดินทางไป Kaladesh โดยไม่ปรึกษาสมาชิกคนอื่นๆ

 

เมื่อ Nissa ทราบเรื่องดังนั้น เธอจึงอาสาที่จะไปตามหาทั้ง Chandra และ Liliana

และเมื่อ Nissa ไปถึง เธอก็พบกับ Pai Nalaar มารดาของ Chandra ที่เป็นผู้นำกลุ่มปฏิวัติถูกจับกุมตัวพอดี โดยที่ Chandra เองก็เห็นเกตุการณ์นั้นพร้อมๆ กัน

Nissa ที่เมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมด ก็เกิดการกระทบกระทั่งกับ Liliana ที่ยุยงให้ Chandra ทำตามอำเภอใจโดยไม่ให้คำแนะนำ ซึ่งทำให้ Liliana ที่ในตอนนั้น ก็มีเหตุ และผลอื่น ให้ออกเดินทางกลับไปที่ Ravnica ได้ปลีกตัวออกไปทันที

 


Pia Nalaar แม่ของ Chandra Nalaar

 

ตัวของ Nissa ได้พูดคุยกับ Chandra เพื่อทำความเข้าใจสิ่งที่เธอประสบมา และทำให้ Chandra ใจเย็นลง

ก่อนที่ทั้งคู่จะได้พบกับ Oviya Pashiri ที่เป็นเพื่อนกับ Pia Nalaar และ Oviya ก็ให้สัญญากับ Chandra ในการช่วยเหลือแม่ของ Chandra ออกมาจากการจับกุมตัว ในระหว่างการสืบสวน เธอทั้ง 3 ได้เจอกับ Aetherborn ที่ชื่อ Yahenni

Aetherborn เป็นสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายมนุษย์ แต่พวกเขาเกิดมาจาก Aether อันเป็นแหล่งพลังงานของ Kaladesh และนั่นทำให้พวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอายุขัยสั้นมากๆ และจะทำให้พวกเขามีวิถีชีวิตที่สุดเหวี่ยงอยู่ไม่น้อย

Yahenni เอง เขาเข้าเป็นฝ่ายปฏิวัติเช่นเดียวกับ Pia Nalaar เขาจึงยินดีที่จะช่วยเหลือกลุ่มของ Nissa อย่างเต็มที่

 

แต่ทว่า หลักฐานที่มี กลับนำให้พวกเธอต้องไปเจอกับกับดักที่ถูกวางไว้โดย Baral เจ้าหน้าที่ของรัฐ Kaladesh ที่เป็นคู่แค้น และเป็นคนที่ทำให้ Chandra เกือบตาย จนเธอได้รับ Spark ในวัยเด็ก

 

ตอนนี้สาวๆ ทั้ง 3 คน ติดอยู่ในห้อง Deadlock ที่กำลังปล่อยแก๊ซพิษเข้าแทนที่อากาศบริสุทธิ์ภายใน

และด้วยความที่ Oviya ไม่ใช่ Planeswalker เธอจึงไม่สามารถเดินทางออกจากห้องแห่งความตายนี้ไปได้

 


Deadlock Trap ห้องแห่งความตาย

 

Chandra เอง ก็ยึดมั่นความเป็นมิตร และความจริงใจของ Oviya ที่เป็นเพื่อนของแม่เธอ และยังมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือพวกเธอด้วย Chandra เลือกที่จะไม่ Planeswalk หนีออกไปจากห้องนรกนี้

 

“เธอออกไปจากที่นี่เถอะ Nissa” Chandra กล่าว “ฉันจะอยู่ที่นี่ จะคอยดูแลป้า Oviya เอง”
“จะบ้าเหรอ ยังไงฉันก็ไม่ทิ้งเพื่อนหรอกนะ” Nissa บอกกับ Chandra

 

ตอนนี้เหมือนการตัดสินใจของ Planeswalker ทั้งสองคน จะจบลงด้วยการยอมสละชีวิตของตัวเองในห้องแห่งความตาย

 

ทันใดนั้น ประตูห้องก็โดนทำลายจากด้านนอก และปรากฏร่างมนุษย์สิงโตอยู่ต่อหน้าพวกเธอ… 

Ajani Goldmane เขามาเพื่อตามหาตัว Oviya ที่เป็นพันธมิตรกับเขามาแต่ครั้งก่อน ในตอนนี้เขาเข้ามาได้จังหวะ และเวลาอันประจวบเหมาะ และช่วยเหลือทั้งสามคนออกมาได้สำเร็จ

 

หลังจากที่ได้รับความช่วยเหลือ Oviya ก็ต้องพักร่างกายของเธอ และแยกตัวออกไปจากสองสาวที่เหลือ

 

กระนั้น ข่าวการประหารหัวหน้าฝ่ายปฏิวัติ Pia Nalaar ก็ถูกป่าวประกาศไปทั่วทั้ง Plane และนั่น ไม่ไช่เรื่องดีเลย ทั้ง ChandraNissa และ Ajani รีบรุดไปยังสนามประลอง ที่กำลังจะหลายเป็นลานประหารแม่ของ Chandra

 

ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับบรรดาสมาชิก Gatewatch ที่ Liliana ไปตามตัวมา เพราะเธอรู้ว่าบุคคลที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดคือ Tezzeret

Tezzeret ผู้ที่เป็นคู่แค้นของ Jace... บุคคลที่ควรจะหมดสภาพการเป็นมนุษย์ไปนานมากแล้ว 

เมื่อทั้งหมดได้ปะทะกัน พร้อมๆ กับการเริ่มต้นปฏิวัติของเหล่า Renegrade ที่จะเข้าไปช่วย Pia Nalaar พอดี จึงก่อให้เกิดสงครามกลางเมือง

 

ด้านของ Nissa ในเหตุการณ์นี้ เธอคอยช่วยเหลือ Chandra และได้ไปตามตัว Yahenni พร้อมกับกองกำลัง Aetherborn ที่อยู่ในสังกัดของเขา เข้าร่วมกับฝ่ายปฏิวัติ และสร้างความได้เปรียบจนได้รับชัยชนะ และเปลี่ยนแปลงการรูปแบบการจัดการทรัพยากรภายใน Kaladesh ได้สำเร็จ

 

ส่วนสมาชิกที่เหลือของ Gatewatch ก็จัดการความวุ่นวาย และได้ข้อมูลจาก Tezzeret ถึงผู้บงการเขาอีกที... 

และจะเป็นใครที่ไหนไม่ได้ นอกจากมังกรจอมวางแผนอย่าง Nicol Bolas

 


Nicol Bolas มังกรจอมวางแผน

 

และพวกเขาก็ตกลงว่าจะดำเนินการจัดการ Nicol Bolas ด้วยการตามมันไปที่ Amonkhet… Plane ที่มันกำลัง "หลบซ่อนตัว" อยู่ที่นั่น

 

ทาง Yahenni เอง ก็มาถึงช่วงสุดท้ายของชีวิตแล้ว ร่างของเขาไม่อาจคงรูปร่างได้อย่างที่เคย และตามธรรมเนียมของเหล่า Aetherborn ก่อนจะจากลาโลกนี้ไป เขาก็จัดงานเลี้ยงล่ำลาคั้รงสุดท้าย 

โดย Nissa เองก็ได้ไปร่วมงานครั้งนี้ เธอแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับดวงดาวมากมายที่มีเพียง Planeswalker เท่านั้นที่จะได้สัมผัสมัน และการผจญภัยของเธอ รวมถึงการสัมผัสได้ถึงความเชื่อมโยงซึ่งกันและกันผ่านทาง Aether

และเมื่อ Yahenni จากไป Nissa เองก็ยังสัมผัสได้ถึงตัวตนของเขาจากบรรยากาศของ Kaladesh

 

- ภัยร้าย และดินแดนแห่งความตาย -

เมื่อเรื่องราวที่ Kaladesh จบลง ตอนนี้ทีม Gatewatch ทั้งหมดก็เดินทางไปที่ Amonkhet เพื่อหมายจัดการผู้อยู่เบื้องหลังอย่าง Nicol Bolas

Nissa เอง พบว่า ที่ดินแดนแห่งทะเลทรายนั้น เธอสัมผัสได้ถึงความป่วยไข้ของผืนดินแห่งนี้ พลังงานมานาก็เต็มไปด้วยความตาย และบรรดาคนเป็นก็ถูกสาปให้กลับมามีชีวิตหลังความตายเป็นเรื่องปกติ

ในขณะที่สมาชิกต่างแยกย้ายกันเดินทาง Nissa และ Chandra ที่ร่วมทางไปด้วยกัน ก็พบกับอนุสรณ์แห่ง Rhonas

ซึ่งภายใน ทั้งคู่ได้พบกับเบาะแส และเรื่องราวของการทดสอบจากพระเจ้า

เมื่อสมาชิกทั้งหมดได้กลับมารวมกัน และแลกเปลี่ยนข้อมูล Gideon เลือกที่จะเข้าร่วมกัารทดสอบของพระเจ้า เพื่อที่จะศึกษาว่าเกิดอะไรขึ้นที่แห่งนี้กันแน่

 

ส่วน Nissa เลือกที่จะศึกษา แต่ไม่อยากจะเข้าร่วมการทดสอบเหล่านี้เท่าใดนัก เธอเลือกที่จะเข้าสู่วิหารของเทพแห่งความรู้... วิหารแห่ง Kefnet

ทันทีที่เธอเข้าสู่วิหาร เธอก็พบว่าตนเองติดอยู่ภายในวิหาร และต้องเข้าร่วมการทดสอบของพระเจ้าเสียแล้ว…

นางฟ้าตนหนึ่งปรากฏกายที่หน้าของเธอ เสียงของนางฟ้าตนนั้นมันเป็นเสียงที่คุ้นเคย…

มันคือเสียงของ Emrakul ที่เธอเคยได้ยินที่ Innistrad

Nissa ไม่ได้ตื่นตระหนก แต่เธอรู้แล้วว่า นี่คือการทดสอบของสติปัญญา ภาพที่เธอเห็นจึงเป็นเพียงความลวง เธอไม่สามารถเชื่อเพียงสัญชาตญาณของเธอได้อีกต่อไป

และเพียงแค่เธอได้สติ เธอก็ผ่านบททดสอบ และได้รับความสามารถในการเข้าถึงมานาสีฟ้าของ Amonkhet อันเป็นมานาประจำตัวของเทพ Kefnet

กระนั้น เมื่อเธอผ่านบททดสอบ เธอกลับเดินทางต่อไปในวิหาร และพบกับภาพต่างๆ ที่ไหลเข้ามาในโสตประสาทของเธอ…

 


วิหารแห่ง Kefnet

 

เงาทะมึนของมังกรตนหนึ่ง กำลังขดรัดโลกอยู่ และมันปลดปล่อยมานาสีดำไปยังดาวดวงอื่นๆ

ดาวบางดวงก็ปรับเปลี่ยนตนเองไปเป็นดั่งเช่นเจตนาของมังกรตนนั้น แต่บางดวงก็ถูกทำลายไปจนสิ้น

ภาพต่อมาเธอก็ได้เห็นเหล่ามัมมี่กำลังทำงานอยู่ในเหมือง พวกมันกำลังขุดกระเทาะแร่ชนิดหนึ่ง ที่มีสีน้ำเงินเข้ม

ภาพของผู้คนที่ล้มตายอยู่ภายนอกเมือง ภาพของเส้นสายมานาที่เชื่อมโยงดาวหลายๆ ดวงเข้ากับร่างของมังกรตนแรก

ภาพของดวงอาทิตย์สองดวงกำลังทับซ้อนกัน แล้วมันก็เกิดรอยร้าว ในรอยร้าวก็มีภาพมากมายไหลเข้าสู่ประสาทสัมผัสของเธออีกทอด

คบเพลิงที่ริบหรี่, นาฬิกาที่ไม่มีหน้า, มัมมี่ที่หัวดูผิดทิศทาง, ต้นไม้ที่ถูกฟันจนมียางไหลออกมา, โล่โลหะที่แตกกระจาย, ร่างของยักษ์หุ้มเกราะสีน้ำเงินเป็นกองทัพ ที่กำลังเคลื่อนพล...

และแสงสีขาวสว่างวาบจนจบเลือนภาพทั้งหมดออกไป....

 

นางฟ้าตนเดิมกลับมาอีกแล้ว… ครั้งนี้เธอถาม Nissa ว่า
“เจ้าต้องการเป็นราชินี หรือเป็นเพียงเบี้ยในกระดานกันล่ะ?”

Nissa รู้ว่านี่เป็นเพียงภาพลวง… พวกเธอผนึก Emrakul ไปแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่มันจะมาปรากฏตัวที่นี่ เธอพยายามตั้งสติเพื่อลบภาพลวงตานั้น… แต่ก็ไม่เป็นผล

 

“แล้วไยเจ้าจึงเลือกเป็นเพียงหมากในกระดาน ในเมื่อเจ้าเป็นมือที่เดินหมากเหล่านั้นได้?”
นางฟ้าถาม Nissa อีกครั้ง

 

แต่ก่อนที่ Nissa จะได้ทำอะไร สายลมก็ปะทะเข้ากับร่างของเธอ ภาพลวงได้หายไปจนหมดแล้ว

 

ร่างสูงใหญ่เกินมนุษย์ทั่วไปลอยตระหง่านอยู่ตรงหน้าเธอ…

ปีกของมันสยายใหญ่ หัวของมันดูคล้ายนกกระสา แต่ร่างกลับเหมือนมนุษย์ทั่วๆ ไป

 

“เจ้ากำลังเล่นตลกกับบททดสอบของข้าอยู่งั้นหรือ”

ร่างนั้นถาม Nissa

 

ใช่แล้ว... Kefnet เทพแห่งความรู้ของ Amonkhet ตอนนี้เขามอง Nissa เป็นผู้ลบหลู่ และกำลังทำลายพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ของเขา

แต่ Nissa เองก็สามารถพูดกล่อม Kefnet จากการที่เธอสามารถจบบทดสอบของเขาได้ และเธอก็ไม่โดนเทพแห่งความรู้ลงทัณฑ์จนอาจจะกลายเป็นผีดิบเฝ้า Amonkhet ไปเสียก่อน

 


Kefnet เทพแห่งปัญญา

 

Nissa ออกจากวิหารแห่ง Kefnet และได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกับบรรดาสมาชิก Gatewatch ก่อนที่จะได้ข้อสรุปที่ว่า พวกเขาต้องหยุด Bolas ที่นี่ ตอนนี้ ก่อนที่แผนทั้งหมดของมันจะสำเร็จ

 

ทว่า ความรีบร้อนของทีม Gatewatch ก็จบลงที่ความพ่ายแพ้ 

Nissa ที่เชื่อมต่อกับผืนดินได้ แต่ด้วยความที่มันเป็น Plane ของ Nicol Bolas และปนเปื้อนไปด้วยความตาย การเชื่อมต่อ และปลุกชีพผืนดินขึ้นมาเป็นสัตว์ธาตุ ก็เหมือนการสร้างอาวุธให้ Bolas เอาไปควบคุม และกลับมาทำร้ายเธอ

ถ้าหากเธอไม่ได้ Gideon เข้ามาช่วยชีวิตไว้ เธอก็คงไม่มีชีวิตรอด… แต่ในตอนนี้ เธอต้องหนีไปที่จุดนัดพบก่อน… ที่ Dominaria

 

- ความเจ็บปวดและการหักหลัง -

เหตุการณ์ที่ Amonkhet นอกจากความพ่ายแพ้และบาดเจ็บที่สมาชิกแต่ละคนได้รับแล้ว Nissa ยังได้พบความจริงอีกข้อ…

นั่นคือ Liliana หลอกใช้พวกเธอ ให้จัดการล้างหนี้ส่วนตัวของเธอ ด้วยการไปไล่สังหารเหล่าปีศาจที่เป็นเจ้าของสัญญาทาสเพื่อแลกกับพลังของ Liliana

และการที่ต้องมาที่ Dominaria ก็เช่นกัน… ที่นี่ยังเหลือปีศาจอีกตนที่ Liliana ไปทำสัญญาทาสไว้ และเธอก็ต้องการพลังของสมาชิก Gatewatch มาจัดการมันลง…

 

Nissa เธอทั้งผิดหวัง และขยะขแยงพฤติกรรมเห็นแก่ตัวของ Liliana ที่พาทุกๆ คนไปเสี่ยงกับอันตรายโดยไม่เกี่ยวกับภารกิจหลักเลย…

และเธอก็มองไปว่า ไปสัตยสาบานที่เธอเคยให้ไว้ สัญญาที่จะปกป้อง Multiverse มันไร้ค่าเมื่อต้องมาร่วมทีมกับคนอย่าง Liliana

Nissa เลือกที่จะคืนคำสัตยสาบานของตนเอง และกลับไป Zendikar… บ้านเกิดของเธอ

 

- ศึกครั้งสุดท้าย -

Jace เริ่มตามหาพรรคพวกของเขา เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่ Ravnica… ที่ๆ เข้าเชื่อว่าจะเป็นสนามรบกับ Nicol Bolas และที่ๆ เขาเชื่อว่า ถ้าหากไม่มีใครหยุด Nicol Bolas ได้ จักรวาลทั้งจักรวาล จะตกอยู่ภายใต้ความต้องการของมันอย่างแน่นอน

เขาไปตามหา Nissa ที่ Zendikar แต่กลับไม่พบเธอ

 

แต่ทว่า เมื่อสงครามที่ Ravnica ก่อตัวขึ้น Nissa เองก็ปรากฏตัวอยู่ที่นี่แล้ว เธออยู่กับสมาชิกกิลด์ Selesnya และคอยปกป้องสมาชิกกิลด์จากการบุกโจมตีของฝูงทหาร Dreadhorde… เหล่าผีดิบที่เคลือบด้วย Lazotep โลหะสีน้ำเงินจากภาพในนิมิตรของ Nissa นั่นเอง

 

Nissa เชื่อมต่อกับผืนดินของกิลด์ Selesnya และเธอส่งพลังให้กับ Vitu-Ghazi อันเป็นต้นไม้ขนาดมหึมา ที่ถือได้ว่าเป็นแหล่งศูนย์รวมใจ และว่ากันว่าเป็นศูนย์รวมพลังงานของกิลด์ Selesnya อีกด้วย

ทั้ง Nissa และ Vitu-Ghazi เข้าร่วมรบ และจัดการเหล่า Dreadhorde ได้เป็นจำนวนมาก… 

 

จนกระทั่ง Planar Bridge ประตูมิติของ Bolas ได้ปรากฏร่างขนาดมหึมาขึ้น ร่างขนาดใหญ่พอๆ กับต้นไม้ยักษ์ Vitu-Ghazi

 


Vitu-Ghazi ต้นไม้แห่ง Selesnya

 

คราวนี้แม้ร่างของมันจะดูคล้ายมนุษย์เช่นเคย แต่มันก็ถูกห่อหุ้มด้วยอาภรณ์สีน้ำเงินของ Lazotep ส่วนหัวมีลักษณะของงูเห่าที่แผ่แม่เบี้ยเป็นรัศมี… มันคือ Rhonas เทพแห่งพละกำลัง… ที่ตอนนี้กลายเป็นผีดิบไร้สติไปแล้ว

มันเข้าโจมตี Vitu-Ghazi และเพียงการโจมตีเดียว ร่างของต้นไม้ยักษ์ก็ล้มลงทันที

 

เหล่าเทพผีดิบจาก Amonkhet เข้าร่วมสนามรบที่ Ravnica เรื่อยๆ 

ส่วนทาง Nissa เองก็เข้าร่วมกับ Planeswalker คนอื่นๆ รวมถึงเพื่อนเก่าจากทีม Gatewatch อย่าง Jace ที่เป็นคนวางแผนล้ม Bolas ด้วย

Nissa เองได้รับมอบหมายให้ไปช่วยพูดคุยกับกิลด์ต่างๆ โดยเธอได้ไปคุยกับกิลด์ Selesnya เพราะ Jace เชื่อว่า Nissa ที่เข้าใจธรรมชาติมากที่สุด จะเข้ากับสมาชิกของกิลด์ Selesnya ที่เป็นกิลด์ที่ใกล้ชิดธรรมชาติที่สุดใน Ravnica ได้อย่างไม่เคอะเขิน…

 


กองทัพ Dreadhorde

 

แต่ทว่า Nissa กลับไม่ได้รับการต้อนรับจากชาว Selesnya เพราะเธอดันเรียก Vitu-Ghazi อันเป็นต้นไม้ศูนย์รวมจิตใจของกิลด์ไปเข้าร่วมสงครามโดยไม่ได้รับการยินยอมจากสภาของกิลด์ แถมยังทำให้ต้นไม้ยักษ์ต้นนี้ต้องพังทลายลงอีกต่างหาก 

Nissa จึงไปช่วยเหลือในส่วนอื่นๆ แทน และสิ่งที่เธอทำได้คือช่วยเหลือผู้คนที่อยู่ในห้องแห่ง Guildpact ที่โดนถล่มจากการเปิด Planar Bridge ของ Bolas

ห้อง Guildpact เป็นศูนย์รวม Leyline ของทั้ง Ravnica รวมถึงเป็นห้องที่ทำให้ Guildpact หรือกฏของกิลด์ทำงาน ซึ่งการที่มันพังลง ทำให้กฏของกิลด์ไม่ทำงาน และในตอนนี้กฏของกิลด์คือตัวของ Jace เอง

 

ถ้าหากห้องแห่ง Guildpact ไม่ถูกทำลาย วาจาของ Jace จะส่งผลต่อ Ravnica โดยตรง ไม่ว่าเขาออกคำสั่งใดๆ สิ่งนั้นจะกลายเป็นกฏของ Plane นี้ทันที… แต่ตอนนี้ สิทธินั้นของเขาได้หายไปแล้ว

ด้วยความที่ Nissa เป็นหนึ่งในผู้ที่ชำนาญด้าน Leyline เธอจึงสามารถนำ Leyline กลับมาเชื่อมต่อกับห้องแห่ง Guildpact ได้อีกครั้ง… และในครั้งนี้ มันไม่ได้ทำเพื่อซ่อมแซมเท่านั้น การเชื่อมโยง Leyline ครั้งนี้ ทำให้ Niv-Mizzet มังกรเจ้าของกิลด์ Izzet ที่ถูก Nicol Bolas สังหารไปครั้งก่อนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมา พร้อมกับพลังงานของทั้ง Plane และทำให้เขากลายเป็น Guildpact คนใหม่แทนที่ Jace

 

และสงครามครั้งยิ่งใหญ่นี้ ก็จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของ Nicol Bolas จากการร่วมแรงร่วมใจของ Planeswalker จากทั่วทุกสารทิศ Nissa เองก็รอดชีวิตจากสงครามครั้งนี้เข่นกัน

 

โดยหลังจากสงครามจบลง Chandra ก็ได้สารภาพความในใจกับ Nissa แต่ทั้งคู่ก็ได้คบกันเพียงระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ Chandra จะประสบปัญหาส่วนตัว และต้องแยกจากกันไปโดยไม่ได้ร่ำลา…

 

ก็จบลงไปสำหรับเรื่องราวของ Nissa Revane ตอนนี้เรื่องราวของเธอกำลังเริ่มต้นไปกับการผจญภัยครั้งใหม่ใน Plane บ้านเกิดของเธอ กับชุด Zendikar Rising ที่เราสัญญาว่า จะแปลเนื้อเรื่องทั้งหมดมาให้เพื่อนๆ ได้ติดตามกันแน่นอนครับ

สำหรับตอนนี้ ต้องขอปิดท้ายบทความสนุกๆ จากพวกเรา ขอขอบคุณทุกๆ กำลังใจ และการติดตามครับ